บทที่ 53
บ๗ที่ 53
ไหล่ขวาของเฉิงรุ่ยถูกเศษขวดหมึกดำที่หล่นลงพื้นบาดจนเป็นแผลขีดข่วน เพราะความวิตกกังวลทำให้เซี่ยหลิงหลิงไม่ได้สังเกตเห็นขวดหมึกที่หล่นอยู่บนพื้น โชคดีที่มีเสื้อผ้าบังเอาไว้ ก็เลยทำให้ได้รับบาดแผลจากเศษขวดหมึกน้อยลง
เซี่ยหลิงหลิงเห็นแบบนั้นแล้วก็อดกังวลไม่ได้
เฉิงรุ่ยถูกส่งตัวไปทำแผล ไป๋เซวียนเซวียนที่สลบไปก็ถูกนำตัวไปวินิจฉัย โชคดีที่เธอเป็นแค่ความดันต่ำ แต่ก็ยังสลบไม่ฟื้น ต้องนอนพักรักษาตัวไปก่อน คาดว่าอีกสักพักก็คงจะฟื้นแล้ว
เซี่ยหลิงหลิงนั่งไม่ติด เดินวนกลับไปกลับมา เดินวนซะจนถูหนานรู้สึกเวียนหัว
ถูหนานถามขึ้นมายิ้มๆ : “พี่สะใภ้ กังวลเรื่องอะไรเหรอครับ ก็แค่มีแผล”
“มันเป็นความผิดของฉัน” ตอนแรกเซี่ยหลิงหลิงมีโอกาสวิ่งหนีอยู่แล้ว แต่เธอกลับไม่ยอมตัดสินใจในทันที จนเป็นสาเหตุทำให้เฉิงรุ่ยต้องมาเจ็บตัวทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย
ปกติร่างกายก็แข็งแรงดี หากไม่ใช่เพราะนั่งอยู่บนเก้าอี้ทั้งวัน ร่างกายตึงเกร็งจนแทบขยับไม่ไหว ก็คงจะไม่ต้องถูกไป๋เซวียนเซวียนผลักล้มลงไปง่ายๆแบบนี้ ได้ยินถูหนานบอกว่า ไป๋เซวียนเซวียนเข้ามาในบริษัทผ่านเสี่ยวฟางที่ลาออกจากงานไปแล้ว เสี่ยวฟางมีความสนิทสนมกับรปภ.ในบริษัทหลายคน แต่ในเวลาอันรวดเร็ว ถูหนานก็จัดการไล่รปภ.ออกไปแล้วจำนวนหนึ่ง
ตำรวจตามมาสอบถามสถานการณ์กับคนที่เห็นเหตุการณ์ เซี่ยหลิงหลิงตอบตามความเป็นจริง พวกเขาได้ไฟล์บันทึกภาพจากกล้องวงจรภายในอาคารมาแล้ว รอให้ไปเซวียนเซวียนฟื้นขึ้นมา ก็ค่อยกลับไปเปิดดูหลักฐาน
เพราะไม่ได้ทำร้ายร่างกายเซี่ยหลิงหลิงโดยตรง เฉิงรุ่ยเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่มาก พฤติกรรมของไป๋เซวียนเซวียนยังไม่เข้าข่ายทำผิดจนถึงขั้นต้องเข้าคุกเข้าตาราง
เซี่ยหลิงหลิงเพียงอยากจะอยู่ห่างๆจากไป๋เซวียนเซวียนให้ไกลที่สุด ผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าต่อไปจะไล่กัดใครเหมือนหมาบ้าอีกหรือเปล่า
เฉิงรุ่ยออกมาแล้ว
ถูหนานกำลังจะเดินไปดู แต่ก็ถูกเซี่ยหลิงหลิงเบียดออก มันทำให้เขาต้องยกมือเกาหัวแกรกๆ เจ้านายเองก็คงจะไม่ได้อยากให้เขาเข้าไปดู ปล่อยให้สามีภรรยาได้มีเวลาร่วมกันน่าจะดีกว่า
“นายโอเคใช่มั้ย ไม่เป็นไรใช่หรือเปล่า? เจ็บมากมั้ย? แผลไม่ได้ลึกมากใช่มั้ย แขนยังใช้ได้เหมือนเดิมใช่มั้ย?”
เซี่ยหลิงหลิงตกใจจนแทบบ้า หากเกิดอะไรขึ้นกับแขนของเขาจริงๆ มันจะส่งผลกระทบต่อเขาไปตลอดชีวิตแน่นอน ไม่ว่าจะชดใช้ยังไงก็คงจะชดใช้ไม่หมด
บาดแผลของเฉิงรุ่ยดูแล้วก็ถึงกับทำให้คนตกใจ บาดแผลมันตื้นมากก็จริง ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็คงหาย แผลแค่นี้ไม่เจ็บเลยสักนิด แต่เมื่อเขาเห็นเซี่ยหลิงหลิงวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นกังวล จากเดิมที่อยู่ในอาการสงบนิ่งก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าเหยเก
“เจ็บจัง”
“นั่งพักก่อนนะ อยากดื่มน้ำมั้ย? เดี๋ยวฉันเทให้”
“โอเค”
ถูหนานที่ยืนดูอยู่ข้างๆมองอย่างงงงวย : “......” เจ้านายไร้ยางอายเกินไปแล้วนะเนี่ย!
เฉิงรุ่ยกำลังดื่มน้ำอุ่น เซี่ยหลิงหลิงเองก็ง่วนอยู่กับการดูแลเฉิงรุ่ย เหลือก็แต่พาเขาขึ้นไปพักบนเตียง ถูหนานเห็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกหน้าตึงขึ้นมา เมื่อได้รับสัญญาณหายนะที่เจ้านายส่งมา ก็รีบปาดเหงื่อแล้วแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไรเลย
และในอนนั้นเอง มีพยาบาลเดินเข้ามา แจ้งพวกเขาว่าไป๋เซวียนเซวียนฟื้นแล้ว
เฉิงรุ่ยลุกยืนขึ้นอย่างลืมตัว แต่ก็ถูกเซี่ยหลิงหลิงคว้าเอาไว้ แล้วพูดปลอบเขาเหมือนปลอบเด็กน้อย : “นายนั่งอยู่ตรงนี้นะ อย่าขยับ เดี๋ยวพวกฉันกลับมานะ”
ถูหนาน : “ฮ่าๆ”
เฉิงรุ่ย : “......”
“พี่สะใภ้อยู่ดูแลบอสที่นี่เถอะครับ ทางนู้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมไปดูแปปเดียวก็กลับมาครับ”
เซี่ยหลิงหลิง : “แต่ว่า......”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ”
เซี่ยหลิงหลิงมองถูหนานเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยอีกห้องหนึ่ง ในขณะที่เปชิญหน้ากับการสอบปากคำของตำรวจ ไป๋เซวียนเซวียนได้แต่เม้มปาก ไม่ยอมพูดจาสักคำ สายตาจ้องมองไปที่เพดาน จนกระทั่งถูหนานเดินเข้ามา เธอถึงดึงสติกลับมา มองไปที่เขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“ฉันขอถามเธอเพียงคำเดียว —— “
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับไป๋เซวียนเซวียน ถูหนานไม่หลงเหลือความมีชีวีชีวาเหมือนตอนคุยกับเซี่ยหลิงหลิง สายตาของเขาเย็นยะเยือก สาดมองไปที่เธอ ทำให้คนถูกมองรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว
“ฉันไม่สนว่าเธอจะมีเหตุผลอะไร สงสัยอะไร แต่ต้องเข้าใจว่ามันคือการบุกรุก แถมยังเกือบทำร้ายผู้อื่น”
“เฉิงรุ่ยคือบอสผู้ลึกลับใช่มั้ย? ใช่มั้ย?” ไป๋เซวียนเซวียนไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเขา แต่กลับตั้งคำถามกลับไปอย่างไม่สนใจผู้อื่น “ฉันจะไปหาเฉิงรุ่ย! ฉันจะไปหาเขา!”
เธอเริ่มรู้ใจร้อน เข็มฉีดน้ำเกลือมีเลือดแดงๆไหลย้อนออกมา พยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้รีบวิ่งเข้ามาจับเธอเอาไว้ เพื่อให้เธอใจเนลง
“เซี่ยหลิงหลิงเป็นพวกหลอกลวง! หล่อนไม่ต่างอะไรจากฉันเลย หล่อนก็แค่เสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดี พวกนายอย่าไปหลงกลมัน!”
“เธอตั้งใจไว้ว่าจะทำเรื่องหย่า แต่เพราะรู้ว่าเฉิงรุ่ยมีเงินมีทองถึงได้ไม่ยอมหย่าแล้วแบบนี้!”