บทที่ 56   1/    
已经是第一章了
บทที่ 56
บ๗ที่ 56 เฉิงรุ่ยกระแอมเสียงดัง เพื่อขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่ สายตาของเซี่ยหลิงหลิงรีบหันไปทางเฉิงรุ่ยอย่างรวดเร็ว : “นายยังเจ็บแขนอยู่หรือเปล่า? แล้วก็ทำไมถึงวิ่งออกมาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้ฮะ?” บอสเฉิงที่แต่เดิมเคยมีท่าทีเฉยเมยไม่มีท่าทีแยแสกู้โหยว บัดนี้ได้แสดงอาการผ่อนคลาย เรี่ยวแรงที่เคยมีหายไปในทันที ใช้มือข้างนึงกุมไปที่ไหล่ข้างที่ได้รับบาดเจ็บด้วยท่าทีอ่อนแอ แล้วพูดว่า : “ฉันหาเธอไม่เจอ ก็เลยเป็นห่วง” เซี่ยหลิงหลิงอยากจะกลอกตาใส่เขาสักล้านรอบ ก็ใครล่ะที่เป็นคนสั่งให้เธอไปซื้อยาคูลท์มาให้ แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นเฉิงรุ่ยมีท่าทีอ่อนแอน่าเวทนา แถมยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เห็นแบบนี้เซี่ยหลิงหลิงก็เอ่ยปากว่าเขาไม่ลง เธอถอนหายใจ : “ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไปแปปเดียวก็กลับมา ไปกันเถอะ” “โอเค” เฉิงรุ่ยเดินเข้าห้องพักผู้ป่วยไปพร้อมกับเซี่ยหลิงหลิง เหลือไว้เพียงกู้โหยวที่รู้สึกประหลาดใจและปวดใจ ไม่คิดเลยว่า เฉิงรุ่ยก็มีวันที่ใช้วิธีที่ “น่ารังเกียจ” แบบนี้เป็นเหมือนกัน ความรู้สึกที่ทั้งกำไรทั้งขาดทุนแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะมีความรู้สึกแบบไหนกันแน่ พูดตามจริงนะ เขารู้สึกอิจฉาริษยาเป็นอย่างมาก ...... คุณหมอกำชับเรื่องสำคัญกับเซี่ยหลิงหลิง ก็คือห้ามสัมผัสน้ำ ห้ามออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง และพักผ่อนเยอะๆก็จะหายได้ไว ตอนแรกก็เป็นเพียงแค่แผลเล็กๆ เดิมทีแล้วคุณหมอไม่ได้มีอะไรจะพูดหรือแนะนำด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าเฉิงรุ่ยที่นั่งอยู่ข้างๆจ้องไปที่คุณหมอด้วยสายตาขู่เข็ญจนคนถูกมองถึงกับขนลุกซู่ คุณหมอได้แต่ท่องไว้ในใจว่าถือซะว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของคู่สามีภรรยาก็แล้วกัน ก็เลยได้แต่หันไปพูดกับเซี่ยหลิงหลิงเกี่ยวกับข้อควรระวังที่ไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก เซี่ยหลิงหลิงค่อยๆจดจำมันทีละข้ออย่างตั้งอกตั้งใจ ทั้งสองกลับไปถึงบ้าน เฉิงรุ่ยนั่งอยู่บนโซฟา : “ฉันอยากกินเนื้อแกะตุ๋น” “บาดเจ็บขนาดนั้นแล้วจะกินเนื้อแกะได้ยังไง?” “งั้นก็ปลา......” “ปลาก็กินไม่ได้นะ! มันแสลง ถ้าแผลเป็นหนองขึ้นมาจะทำยังไง?” เซี่ยหลิงหลิงกลัวว่าแผลจะไม่ยอมหาย จนทำให้เฉิงรุ่ยไม่สามารถไปทำงานได้ตามปกติ แบบนั้นคงจะแย่น่าดู : “ช่วงนี้นายก็กินโจ๊กไปก่อนละกัน กินอาหารอ่อนๆหน่อย รอแผลหายดีก่อนค่อยกินแบบจัดเต็มแล้วกันนะ” เฉิงรุ่ยรู้สึกว่าเขาเหมือนกำลังขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ ก่อนจะรีบแก้ไขคำพูด : “ดูเหมือนว่าแผลฉันจะหายดีแล้วนะ” เซี่ยหลิงหลิงจ้องเขาตาเขม็ง : “ห่วงกินจนไม่รักชีวิตงั้นเหรอ? กล้ามเนื้อพังยังต้องใช้เวลารักษาเป็นร้อยวัน รอสักอาทิตย์ค่อยไปตรวจดูแล้วกันนะ” “......” นอกจากสวรรค์จะปิดหน้าต่างไม่เห็นใจเขาแล้ว แถมยังปิดตายหน้าต่างนั้นไว้อีก แม้แต่แสงยังไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ เฉิงรุ่ยนอนเป็นอัมพาตอยู่บนโซฟา และคราวนี้เขาได้กลายเป็นอัมพาตจริงๆเสียแล้ว กลับใจตอนนี้ยังทันมั้ยเนี่ย? ในหลายวันนี้ไป๋เซวียนเซวียนถูกทรมานมากพอสมควร เธอดิ้นรนและปักหลักอยู่ในเมืองที่ทั้งแปลกและคุ้นเคยแห่งนี้ ได้งานใหม่ แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัทเจียเซิ่ง หัวหน้างานใหม่ของเธออาจจะไปได้ยินข่าวลือเรื่องนั้นเข้า ทำให้ไป๋เซวียนเซวียนไม่มีงาน กู้โหยวก็พึ่งไม่ได้ เธอมีเงินออมน้อยมาก ไม่เคยนึกถึงช่วงเวลาวิกฤติ ทันใดที่ออกมาจากสถานีตำรวจเธอก็นึกขึ้นได้ว่า หากเธอไม่คิดหาวิธีแก้ไขล่ะก็ เกรงว่า เธอก็จะเหลือแค่เพียงต้องกลับบ้านเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้นแล้ว ในตอนนี้ไป๋เซวียนเซวียนนึกถึงคนๆนึงขึ้นมา ในช่วงที่สิ้นหวัง เธอหยิบหานามบัตรขึ้นมา แล้วโทรไปหาอีกฝ่าย มีคนรับสาย เสียงหัวเราะเยาะลอดมาจากปลายสาย: “ว่าไง โทรมาอีกแล้ว? หนีตามชู้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” ไป๋เซวียนเซวียนยืนอยู่ในบ้านที่คับแคบ อพาร์ทเมนท์เดี่ยวแห่งนี้มีพื้นที่เพียง 40 ตารางเมตร เครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นเก่าๆ ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไม่มี ในตอนนี้เธอใช้ชีวิตที่ตกต่ำเหมือนชาติที่แล้ว เธอปล่อยให้ตัวเองกลับมาสู่จุดนี้ได้ยังไงกัน? ไม่ เป็นแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไป๋เซวียนเซวียนกำมือถือแน่น ความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งภายในใจของเธอหายวับไปกับตาเหมือนฟองสบู่ เธอเพียงแค่อยากมีชีวิตที่สุขสบาย มันผิดเหรอ? ทำไมพวกเขาถึงได้มองว่าเธอทำผิดบาปมากมายขนาดนั้น? ไป๋เซวียนเซวียนรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เธอเช็ดน้ำตาออก ในใจเริ่มหมดหวัง กู้โหยวเลิกยุ่งกับเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฉิงรุ่ยยิ่งไม่มีทางเข้าไปใหญ่ คนแบบนั้น จะไปตกหลุมรักคนอื่นได้ยังไง ตอนนี้เธอมีแค่วิธีเดียวเท่านั้น ก็คือกลับไปพึ่งหนานกงอ้าวเทียน ต่อให้เขาจะไม่ได้ดีอะไร เทียบกับกู้โหยวแล้วนอกจากรวยเขาก็แทบไม่มีอะไรดีเลย แต่ว่า......มีเงิน มันคือข้อดีของเขา เสียงของเธอยังคงสั่นเทา : “ฉันอยากอยู่กับนาย” หนานกงอ้าวเทียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม : “เธอคิดว่าฉันเป็นพวกเก็บขยะเหรอ อย่ามาตลกเลย ฉันไม่เก็บของมือสองหรอกนะ” ไป๋เซวียนเซวียนที่ถูกเรียกว่าเป็นของมือสองถึงกับกำมือถือแน่น เธอโกรธจนตัวสั่น แต่ก็ต้องอดทนเก็บอาการไว้ แล้วพูดว่า : “แล้วถ้าหาก ฉันมีความลับเกี่ยวกับบริษัทเจียเซิ่งล่ะ?” หนานกงอ้าวเทียนพูดอย่างเย็นชา : “เธอคิดว่าฉันยังจะเชื่อเธออีกงั้นเหรอ?” “......” ไป๋เซวียนเซวียนสูดหายใจเข้าลึก : “ฉันว่าเรามาคุยกันตัวต่อตัวเลยน่าจะดีกว่านะ” หากความลับของเซี่ยหลิงหลิงถูกเปิดเผยในโลกมนุษย์แล้วล่ะก็ เธอจะลองดูซิ ว่าพวกเขาจะจัดการเรื่องนี้ยังไง! 
已经是最新一章了
加载中