บทที่ 62
บ๗ที่ 62
เซี่ยหลิงหลิงรับรู้ได้เลยว่าครั้งนี้เฉิงรุ่ยรู้สึกโมโหจริงๆ เธอยกมือขึ้นกระตุกเขนเสื้อของเขาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะตั้งคำถาม : “นาย......โอเคใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นไร”
ตอนที่เฉิงรุ่ยกันหน้ามาหาเธอนั้นเขาก็กลับสู่โหมดปกติแล้ว
เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกโล่งใจ : “จะว่าไป เย่ซีเองก็เหมือนกับลูกอมเหียวๆเลยเนอะ ต่อไปอาจจะหาวิธีอื่นมาอีก......”
“ไม่หรอก” เขาจะจัดการเรื่องนี้เอง เขาสัญญากับเธอเอาไว้แล้ว เธอจะไม่ต้องมากังวลกับเรื่องพวกนี้อีก
อยู่ๆเฉิงรุ่ยก็ยืนมือออกมา ลูบไปที่ผมอันนุ่มสลวยของเธอ เหมือนกำลังปลอบโยนเด็กน้อย การกระทำของเขานุ่มนวลมาก แม้แต่น้ำเสียงก็ยังเป็นแบบที่ไม่ได้ยินกันบ่อยๆ เซี่ยหลิงหลิงเบือนหน้าหนีมือของเฉงรุ่ยเพราะทำตัวไม่ถูก
“อย่ามาดูถูกฉันนะ”
เฉิงรุ่ยทำหน้างง : “เอาดูถูก” ท่าทีของเขาบ่งบอกว่า เซี่ยหลิงหลิงจะมาไม้ไหน?
เซี่ยหลิงหลิง : “......”
แต่เห็นแก่ที่เฉิงรุ่ยบาดเจ็บ เธอยอมก็ได้!
แต่เฉิงรุ่ยมีท่าทีว่าไม่ได้ต้องการให้เซี่ยหลิงหลิงมายุ่ง เซี่ยหลิงหลิงจึงตัดสินใจไม่ยุ่งแล้วก็ได้ ยังไงซะเฉิงรุ่ยก็มีวิธีจัดการของเขาเองได้อยู่แล้ว
เย่ซีกดเอาความรู้สึกโมโหในใจแล้วกลับไปที่โรงพยาบาล คุณพ่อเฉิงฟื้นตั้งนานแล้ว อาการดีขึ้นมามาก เมื่อตอนที่เขาเห็นเย่ซีเดินเข้าประตูห้องมา แต่งตัวดูสวยสดงดงาม ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาในทันที : “ไปไหนมา?”
“ก็เพราะว่าฉันโมโหแทนคุณยังไงล่ะ! เฉิงรุ่ยช่างไม่รู้บุญคุณเอาซะเลย ฉัน......”
“เพี๊ยะ!”
คุณพ่อเฉิงเป็นพวกรักศักดิ์ศรี เมื่อรู้ว่าเย่ซีถ่อไปขอเงินเฉิงรุ่ยตอนที่เขาสลบไม่ได้สติ ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาในทันที แล้วยกมือขึ้นตบหน้าเธอไปหนึ่งฉาด
เย่ซียืนอึ้งไป : “คุณกล้าตบฉันอย่างงั้นเหรอ?”
“เธอ! เธอมันหน้าไม่อาย! ฉันไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่หน้าเงินแบบเธอมาก่อนเลย!”
คุณพ่อเฉิงยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห โมโหจนเกิดอาการวิงเวียน ก่อนจะเริ่มมีการชัก แล้วสลบล้มตัวนอนไป
ในตอนนี้ เขาได้นอนโรงพยาบาลเข้าแล้วจริงๆ
เฉิงรุ่ยส่งคนมาจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาล ผู้ช่วยที่มาจัดการเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียด ค่ารักษาเท่าไหร่ก็จ่ายตามจริงเท่านั้น ไม่ยอมเสียเกินกว่านั้นเลยสักแดงเดียว เย่ซีรู้แบบนั้นก็โมโหขึ้นสมอง แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ได้แต่ตั้งเฝ้าดูอาการคุณพ่อเฉิงต่อไป
เธอแบกหน้าอยากจะเข้าไปขอเงินจากผู้ช่วย ผู้ช่วยท่าทีสุภาพเรียบร้อยขยับแว่นของตัวเอง เดินมาพร้อมกับบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันด้านหลัง จ้องไปที่เย่ซีด้วยสายตาเย็นชา ทำเอาเธอตกใจกลัวจนขาสั่นไปหมด
ผู้ช่วยฉีกยิ้ม : “หากว่าคุณผู้หญิงเงินขาดมือ ผมพอจะมีช่องทางอยู่บ้าง สามารถนำกระเป๋าหรือเครื่องประดับมาขายได้ คุณผู้หญิงวางใจได้ เราจะให้ราคาดีที่สุดแก่คุณครับ”
เย่ซีเม้มปากเธอด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ : “ไม่หรอกค่ะ ๆ”
ยอมลำบากมาเฝ้าให้ขนาดนี้ แต่เธอกลับไม่ได้เงินมาจากเฉิงรุ่ยเลยสักสลึงเดียว! แถมยังต้องมาเสียเงินเพื่อเตรียมการทุกอย่าง สุดท้ายไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย
เย่ซีร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
......
อีกด้านหนึ่ง เซี่ยหลิงหลิงเข้าอินเตอร์เน็ต ก็พึ่งมารู้ตัวว่าตัวเองเสียเวลาเล่นเกมส์ไปไม่นาน กลับมาอีกทีมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวขนาดนี้เชียวเหรอ ในคอมเมนท์ก็มีแต่มาชื่นชมยินดีให้กำลังใจและอิจฉาเกลียดชัง เธออึ้งไปครู่หนึ่ง อ่านจากสิ่งที่แฟนคลับพิมพ์ไว้แล้ว ก็ถึงได้เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เข้าบริษัท พนักงานและเพื่อนร่วมงานต่างก็พากันนอบน้อมเกรงอกเกรงใจ ทำเหมือนเธอเป็นพระมเหสี ซึ่งมันทำให้เซี่ยหลิงหลิงรู้สึกอึดอัดและทำตัวไม่ถูก
และมันทำให้เธอได้ลิ้มรสความรู้สึกของการเป็นเถ้าแก่เนี้ยว่ามันเป็นยังไง?
นึกถึงฉายาที่ชาวเน็ตให้มา “ภรรยาบอสจอมเผด็จการ” เซี่ยหลิงหลิงก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
แผลของเฉิงรุ่ยดีขึ้นมาก พรุ่งนี้ก็ถึงเวลาเข้าไปเช็คอาการแล้ว และดูท่าทีของเขาเหมือนจะดีใจมาก เซี่ยหลิงหลิงนั่งอยู่บนโซฟา ขอให้เฉิงรุ่ยปลอกส้มโอให้เธอกิน พลางหันไปกดเลื่อนดูช่องทีวี เปิดไปเปิดมาก็มีอยู่แค่ไม่กี่ช่อง มีแต่เรื่องน่าเบื่อ เซี่ยหลิงหลิงดูไปได้สักพักก็เริ่มง่วง
เธออ้าปากหาว สายตาเริ่มปรือ จนเมื่อเฉิงรุ่ยปอกส้มโอเสร็จ เธอก็เผลอหลับไปแล้ว
ช่วงนี้งานค่อนข้างเยอะ ตอนที่หลับตานอนไป สายตาก็ดูไม่ค่อยดี คงเพราะเหนื่อยล้าจากการทำโอทีบ่อยๆ
ภายในห้องรับแขกมีแต่ความเงียบสงบ ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ
เฉิงรุ่ยเฝ้ามองไปที่เซี่ยหลิงหลิง เธอหลับลึกมาก ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนกำลังฝันร้าย ไม่รู้ว่าเป็นฝันแบบไหนกันแน่ เขาผลักเธอเบาๆ เซี่ยหลิงหลิงก็ล้มลงมาทับเขาด้วยอาการสะลึมสะลือ ท่าทีงุ่มง่ามไม่อยากจะลุก
เฉิงรุ่ยลุกขึ้นยืน เพื่อให้เซี่ยหลิงหลิงนอนได้อย่างสะดวกสบาย เขาหาผ้าห่มมาห่มให้เธอ ดูแลเธออย่างดี ในตอนนี้เซี่ยหลิงหลิงได้หลับสนิทไปแล้ว ไม่ขยับเขยื้อน และหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะเดินออกไปจากตรงนั้น แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้า แล้วก็หันกลับ ยืนย่อตัวตรงหน้าเชี่ยหลิงหลิง
นึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของเซี่ยหลิงหลิง เฉิงรุ่ยก็ถอนหายใจ เผลอปากพูดออกไปเสียงแผ่วเบา : “เกรงว่า มันจะแย่แล้วจริงๆน่ะสิ” มันยากเกินไปที่จะปกปิดความรู้สึกของตัวเอง เขาทำมันไม่ได้หรอก
พูดจบประโยคนั้น เขาก็ลุกขึ้น เดินออกไปจากห้องรับแขก
ไฟถูกปิดลง
ท่ามกลางห้องรับแขกที่มืดสนิท ความเงียบปกคลุม เซี่ยหลิงหลิงที่ควรจะนอนหลับไปแล้วจู่ๆก็ลืมตาขึ้นมา
บนตัวของเธอมีผ้าห่มที่นุ่มนวลและอบอุ่น สายตาจ้องมองไปบนเพดาน เหมือนกำลังเหม่อลอย