บทที่91 ค่ำคืนที่สวยงาม   1/    
已经是第一章了
บทที่91 ค่ำคืนที่สวยงาม
บ๗ที่91 ค่ำคืนที่สวยงาม เมื่อเผชิญกับบรรดาเหล่าสายตาแห่งการตรวจสอบของฝ่ายตรงข้าม หยางเมิ่งฉีกลับสงบนิ่งสุขุม “คุณลุงคะ หล่อนเป็นผู้หญิงที่มายุ่งกับน้องสี่ค่ะ” คนที่พูดขึ้นคนแรกก็คือหานอวิ๋นหลันซึ่งไม่อยากเห็นหน้าเธอนัก พี่สาวใหญ่หานโมโหเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าน้องชายได้เอาที่อยู่อาศัยเดิมของแม่ไปเป็นรังรักกับเมียน้อย ชายชราอายุราวห้าสิบหกสิบปีก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ แววตาที่แหลมคมสอดส่ายขึ้นลงและถามอย่างเย็นชา “เธอชื่ออะไร” “หยางเมิ่งฉี” เธอตอบโดยไม่มีท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนแต่อย่างใด “มาจากส่วนไหนของประเทศจีน” “เซี่ยงไฮ้” “มาที่ซูริคนี่กี่ปีแล้ว” “สามปี” “เธอมีจุดประสงค์อะไรถึงได้มาใกล้ชิดหลานชายของฉันหานจวิ้นซือ” “ขอโทษนะ ฉันไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องตอบคำถามของคุณ” หยางเมิ่งฉีพูดประโยคที่แข็งกร้าว คนที่อยู่ด้านหลังของชายชรารวมถึงตัวชายชราเองก็ตกตะลึง… หานอวิ๋นหลันเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หยางเมิ่งฉี เธอไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ไม่มีสัมมาคารวะ กล้าดีอย่างไรมาพูดกับคุณลุงด้วยทัศนคติเช่นนี้ เธอรู้หรือไม่ว่าคุณลุงเป็นที่เคารพของบ้านหานซื่อเราแค่ไหน” “ฉันไม่รู้ และไม่อยากรู้ จะสูงส่งแค่ไหนก็สำหรับบ้านคุณเท่านั้น ฉันไม่ได้แซ่หาน ฉันแซ่หยาง” “เหอะ เหอะ คุณลุงหลายท่านก็คงได้ยินแล้ว เธอไม่เห็นใครในสายตา เป็นผู้หญิงที่หยิ่งจองหอง” หานอวิ๋นหลันกัดฟันกรอด “ขนาดน้องสี่ของฉันรักและโปรดปรานเธอ เธอยังไม่เห็นหัวผู้อาวุโสของตระกูลเขาอยู่ในสายตา สวนWisteriaก็คาดว่าน่าจะเป็นเธอที่ใช้มารยาให้ได้เข้ามาแน่ๆ” หยางเมิ่งฉีไม่ได้มีความขัดแย้งโดยตรงใดกับหานอวิ๋นหลัน แต่เพราะว่าเธอเป็นพี่สาวคนโตของหานจวิ้นซือ บวกกับก่อนหน้านี้เธอได้รับรู้สถาการณ์ต่างๆของเธอจากทางหานจวิ้นซือ เธอได้แต่พยายามโน้มน้าวจิตใจตนเองให้อดทนอดกลั้น “คุณหยาง คุณมาจากวงศ์ตระกูลอะไร” หลังจากอาการตกตะลึงระยะสั้นๆของชายชรา เขาก็กลับมาสู่ความสงบเช่นก่อนหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจความไร้มารยาทของเธอ “ฉันไม่มีวงศ์ตระกูลอะไร บ้านฉันเป็นร้านขายเกี๊ยว” “ถ้าอย่างนั้นคุณวิเศษวิโสมาจากไหน” หยางเมิ่งฉีเหลือบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ อายุก็มากแล้ว ยังทำตัวเหมือนปาปารัซซี่ สอดรู้สอดเห็น “ถ้าคุณอยากพูดอะไรก็พูดออกมาเลยตรงๆ ไม่ต้องทำเป็นถามโน่นถามนี่ อากาศมันร้อน ถามเสร็จแล้วก็รีบลงเขาไปเถอะ” มีเสียงอึกทึกดังขึ้น ผู้คนเริ่มกระซิบกระซาบ “หุบปากเดี๋ยวนี้” คิ้วของชายชราม้วนเป็นเลขแปด เขายังคงสงบนิ่ง “ถ้าอย่างนั้นผมก็จะพูดกับคุณตรงๆ คุณดูแล้วท่าทางธรรมดา วงศ์​ตระกูลธรรมดา ความสามารถก็ยังธรรมดา เมื่อเทียบกันแล้ว หานจวิ้นซือของพวกเรา ทั้งมีพรสวรรค์ ครอบครัวมีชื่อเสียง ความสามารถก็ยอดเยี่ยม ต่างกันราวฟ้ากับเหว ความจริงแล้วผมไม่ต้องการพูดเรื่องพวกนี้กับคุณ แต่เห็นคุณหน้ามืดตามัว ก็เลยต้องเตือนสติคุณสักหน่อย คนเรามีชีวิตอยู่ ต้องรู้จักจุดยืนของตน อย่าคาดหวังว่าจะเอาเงินหนึ่งบาทมาซื้อของที่มีมูลค่าสิบบาทได้ เข้าใจไหม” “ไม่เข้าใจ” หยางเมิ่งฉีตอบกลับอย่างไม่เกรงใจอีกครั้ง “บางทีในสายตาของพวกคุณ ฉันอาจจะมีมูลค่าแค่หนึ่งบาท แต่ในสายตาพ่อแม่และคนที่รักฉัน ฉันมีมูลค่าที่ประเมินค่าไม่ได้” “เธอ…” ชายชราถูกเธอหยุดไว้จนพูดอะไรไม่ออก อยู่มาครึ่งค่อนชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกถอนหงอก “ได้ยินมาว่าเธอเป็นนักศึกษาปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยซูริค ไม่คิดว่าจะไร้คุณภาพขนาดนี้ แม้แต่สัมมาคารวะขั้นพื้นฐานก็ยังไม่มี” นี่เป็นครั้งที่สองที่มีคนว่าเธอเช่นนี้ หยางเมิ่งฉียิ้มหัวเราะ “คุณพูดไม่ผิด ฉันไม่มีสัมมาคารวะ เพราะฉันเลือกคนที่จะเคารพ ฉันมีสองบุคลิก แบบแรกคือมีการศึกษามีเหตุมีผล อีกแบบคือฉุนเฉียวไร้เหตุผล คุณปฏิบัติต่อฉันเช่นไร ฉันก็ปฏิบัติต่อคุณเช่นนั้น” คำพูดที่เผ็ดร้อนทำให้ชายชราโมโหขึ้นมา เขาตะคอกและออกคำสั่ง “รีบพาเธอออกไป ครอบครัวหานซื่อของเราไม่ต้อนรับผู้หญิงที่หยิ่งยโสเช่นนี้” แต่เดิม...นิ่งเงียบไม่พูดจาท่ามกลางฝูงชน แต่ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้และลุกขึ้นพูด “พี่ใหญ่ เกรงว่าทำเช่นนี้จะไม่เหมาะสม ถ้าหากไล่เธอไป พ่อหนุ่มกลับมาแล้วจะอธิบายกับเขาว่าอย่างไร” “ถ้าจวิ้นซือถามขึ้นมา ฉันจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง!” คำพูดของชายชรานั้นหนักแน่น ไม่มีใครกล้าคัดค้านอีก บอดี้การ์ดหลายคนก้าวเท้าออกมาข้างหน้า พวกเขาดึงแขนของหยางเมิ่งฉีและลากตัวเธอออกไป “ปล่อยฉัน พวกคุณปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” เธอดิ้นรนด้วยความโกรธ สายตาเธอจ้องมองไปที่หานอวิ๋นหลันด้วยความไม่พอใจและอดไม่ได้ที่จะคำรามเสียง “คุณคิดว่าทำกับฉันอย่างนี้ จะทำให้น้องชายของคุณแต่งงานกับเซี่ยหยาวรึ ฉันบอกคุณไว้เลย ว่ามันเป็นไปไม่ได้!” “ถึงน้องสี่ของฉันจะไม่ได้แต่งงานกับเซี่ยหยาว เขาก็ไม่แต่งกับผู้หญิงอย่างเธออยู่ดี เพราะเธอทำให้ฉันเหม็นขี้หน้า” “เหม็นขี้หน้าฉัน เพราะว่าฉันพูดจี้ใจดำคุณใช่ไหมล่ะ คุณทำลายชีวิตตัวคุณเองคนเดียวยังไม่พอ ยังต้องการทำลายชีวิตน้องชายคุณอีก คุณมันผู้หญิงเห็นแก่ตัว!” “ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้!” หานอวิ๋นหลันไม่คาดคิดว่าหยางเมิ่งฉีจะพูดคำพูดพวกนี้ออกมา เรื่องพวกนั้น เธอพยายามปกปิดมันเอาไว้ เรื่องจริงที่น่ารันทด เมื่อถูกกล่าวขึ้นอย่างไร้มารยาท “ปล่อยเธอซะ!” เสียงตะโกนดังผ่านมาจากที่ด้านนอกประตู จนทุกคนหันไปมองและจ้องไปที่คนที่กำลังเดินเข้ามา เป็นคนที่ดื้อรั้นที่สุดในครอบครัว หานจวิ้นซือ “น้องสี่…” หานอวิ๋นหลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะโผล่มาเช่นนี้ “พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่ ไล่ผู้หญิงของผมออกไปอย่างนั้นรึ” เขาตะคอก “ใครเป็นคนสั่ง” “ฉันเอง” บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด สถานการณ์นำพาไปสู่การเผชิญหน้า “คุณลุง ดูเหมือนว่าครั้งก่อนผมจะยังพูดไม่ชัดเจน ถึงทำให้คุณลุงเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมคงยังไม่ได้ทำให้ชัดเจน ถ้าอย่างนั้นผมจะพูดอีกครั้ง เรื่องของผม ไม่ต้องให้ใครยื่นมือเข้ามายุ่ง” “น้องสี่ พูดกับคุณลุงอย่างนี้ได้อย่างไร!” หานอวิ๋นหลันโมโหจนหน้าเขียว เธอรีบเดินไปหาชายชราพร้อมกับพยายามยิ้มและอธิบาย “คุณลุงอย่าโกรธจวิ้นซือเลยนะคะ เมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ เป็นเพราะโดนนางสุนัขจิ้งจอกตัวนี้มันปั่นหัวเอา” “เกิดเป็นผู้สืบทอดตระกูลบ้านหานซื่อ แต่กลับหลงใหลในสตรี คำพูด การกระทำ ถูกผู้หญิงชักจูง ถ้าอย่างนั้นผู้สืบทอดคนนั้นก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดกิจการของครอบครัว ฉันเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหานซื่อ มีสิทธิ์ตัดสินใจเปลี่ยนตัวทายาท” เมื่อพูดประโยคสุดท้ายออกมา ทั้งมีความสุขและไม่มีความสุข แน่นอน มีความสุขมากกว่าไม่มีความสุขอยู่โข “คุณลุงคะ คุณลุงอาจจะลืมไป ทายาทไม่ใช่ใครจะตัดสินใจก็ได้ ถ้าหากว่าใครตัดสินใจก็ได้ คุณปู่ก็คงไม่ต้องออกพินัยกรรมในปีนั้น ก็แค่ให้คุณลุงเลือกคนที่คุณลุงเลือกคนที่คุณลุงชื่นชอบก็พอแล้ว” หานจวิ้นซือมองตรงเข้าไปในดวงตาของชายชรา แววตาเปี่ยมไปด้วยความแข็งกร้าว “เราไปกัน!” ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชราก็เดินจากไปอย่างฉุนเฉียว ตามติดไปด้วยบรรดาเหล่าผู้ติดตามทั้งหลาย “พวกเขาทำอะไรคุณบ้าง” หานจวิ้นซือเดินไปตรงหน้าหยางเมิ่งฉี ขมวดคิ้วเล็กน้อยและแสยะยิ้มด้วยความปวดใจ “เปล่าค่ะ” หยางเมิ่งฉีรีบเอ่ย “ทีแรกว่าจะไล่ฉันออกไป แต่โชคดีที่คุณกลับมาพอดี” “ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่ ใครก็ทำอะไรคุณไม่ได้” “อื้อ” เธอพยักหน้าและกระโจนเข้าสู่อ้อมอกเขา “เมื่อครู่ฉันตกใจแทบแย่” “เป็นอย่างไรบ้าง” “ตอนที่คุณปะทะกับคุณลุง ฉันคิดว่าคุณกล้าหาญมาก แต่ฉันก็กลัวว่าเขาจะไล่คุณออกไปเช่นกัน” หานจวิ้นซือหัวเราะอย่างเสียไม่ได้ “ที่นี่เป็นบ้านของผม ใครจะกล้าไล่ผมออกไป” “แต่ลุงของคุณดูท่านเป็นคนมีอิทธิพลมาก เขาต้องการรวมหัวกับลุงอีกสองสามท่านมาปรามคุณ คุณจะสู้ได้อย่างไรกัน” “ถ้าจัดการกับผมได้ง่ายขนาดนั้น ผมคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ไม่ได้” หยางเมิ่งฉีนิ่งอึ้งไปและกอดเขาไว้แน่น “ฉันจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายคุณ ฉันจะปกป้องคุณ” “ฮ่าฮ่าฮ่า คุณปกป้องผมได้ด้วยรึ” เขาหยิกจมูกเธอเบาๆ “คุณปกป้องตัวเองให้ดี ก็เท่ากับเป็นการปกป้องผมอย่างดีที่สุด” ประโยคนี้ย้อนแย้งเป็นอย่างมาก หยางเมิ่งฉีฟังแล้วไม่เข้าใจ แต่เธอก็ไม่อยากที่จะเข้าใจ เธอเงยหน้าของเธอขึ้น “คุณทานข้าวรึยังคะ” “ยัง” “ทานด้วยกันไหม” “ได้” ทั้งคู่จับมือกันเดินไปที่ห้องอาหาร ป้าโอมกล่าวขอโทษว่า “รอสักครู่นะคะ เมื่อสักครู่ป้ามัวแต่กังวลเรื่องคุณหยาง เลยยังไม่ได้เตรียมอาหารกลางวันเอาไว้เลย” “ไม่เป็นไร ค่อยๆทำเถอะครับ” หยางเมิ่งฉียกมือทั้งคู่ไว้ที่คาง เธอยกมือขึ้นพนมไหว้เขาและกล่าวว่า “เมื่อสักครู่คุณหล่อมาก…”
已经是最新一章了
加载中