บทที่96 ค่ำคืนอันแสนโรแมนติค   1/    
已经是第一章了
บทที่96 ค่ำคืนอันแสนโรแมนติค
บ๗ที่96 ค่ำคืนอันแสนโรแมนติค งานเลี้ยงของหานจวิ้นซือเสร็จสิ้นเร็วมาก ที่จริงแล้วไม่ใช่งานเลี้ยงที่จบเร็ว แต่เขาปลีกตัวออกมาก่อน ใจเขาอดเป็นห่วงหยางเมิ่งฉีไม่ได้เลยหาเหตุผลที่จะออกมาก่อน เมื่อตอนที่ขับรถขึ้นเขายังเป็นเวลาเพียงสองทุ่มกว่า ป้าโอมนั่งเล่นอยู่ในสวน เมื่อเห็นเขากลับมาก็รีบลุกขึ้นในทันที “คุณผู้ชายกลับมาแล้ว” “อื้อ คุณผู้หญิงล่ะ” “อยู่ข้างบนค่ะ” เธอชี้ขึ้นไปที่ห้องที่มีแสงสีส้มด้านหลังเธอ “หล่อนทานข้าวเย็นรึยัง” “คุณผู้หญิงไม่ได้ทานข้าวเย็นค่ะ” “ไม่ทานรึ” หานจวิ้นซือขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไม” “เรื่องนี้ป้าก็ไม่ทราบ คุณผู้หญิงกลับมาตอนเย็นก็รีบขึ้นไปข้างบน ป้าทำอาหารเย็นเสร็จก็เรียกเธอ แต่เธอบอกว่าไม่อยากทานและไม่ยอมลงมาค่ะ” เขาขบคิดเล็กน้อยและพยักหน้า “ทราบแล้ว” เมื่อขึ้นไปชั้นบนเขาผลักประตูห้องนอนเปิดออก เขาเหลือบมองเห็นคนนอนอยู่บนเตียง จึงค่อยย่องเข้าไปอย่างเงียบๆและนั่งลงข้างๆเธอ “ทำไมนอนเร็วจัง” หยางเมิ่งฉีความจริงอยากนอน น่าเสียดายที่นอนไม่หลับ สตินั้นตื่นตัวอยู่ตลอด เธอพลิกตัวและลืมตาขึ้น จ้องมองที่ชายที่ด้านหน้าและตอบว่า “คุณอยากถามฉันใช่ไหมคะว่า ทำไมวันนี้ถึงไม่อยู่รอคุณ” เขาลูบจมูกเธอเบาๆเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยง “เด็กโง่ คุณคิดว่าผมคาดหวังว่าจะให้คุณรอผมทุกวันรึไง ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้คุณรอผม ยิ่งไม่ต้องการทำให้คุณต้องรอ” “ความจริงคุณจะรอบ้างบางครั้งก็ไม่เป็นไร ผู้ชายมีความปรารถนาอยู่รอบด้าน ไม่ใช่ฉันไม่เข้าใจ แต่ว่า…” เธอกัดริมฝีปากของตัวเองและพูดอย่างเน้นย้ำ “อย่าให้ฉันรอนานเกินไป” หานจวิ้นซือหัวเราะ “ผมก็รีบกลับมาแล้วไม่ใช่หรอ” ในมือ เขาก็ส่งถุงพลาสติกยื่นให้เธอ “พายที่คุณชอบทาน ซื้อมาเกือบครึ่งหนึ่งของเมือง ถ้าหากว่าซาบซึ้งใจล่ะก็ ทานให้หมดแล้วกัน” หยางเมิ่งฉีรับมาและรับปาก “ได้ค่ะ” “ทำไมไม่ทานข้าวเย็น” เมื่อเห็นเธอทานอย่างเอร็ดอร่อยจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “ตอนนั้นฉันไม่หิว” “ตอนนี้หิวแล้วหรอ” “อื้อ” เขาถอนหายใจและกุมมือเธออย่างมีความสุข “ถ้าหากไม่ชอบให้ผมเข้าสังคม ผมก็จะยกเลิกทั้งหมด หรือไม่อย่างนั้น เวลาผมเข้าสังคมผมจะพาคุณไปด้วย เป็นอย่างไร” “ไม่ต้อง ฉันไม่ชอบเข้าสังคม” “ถ้าอย่างนั้นทำไมต้องอดอาหารประท้วง” หยางเมิ่งฉีตาโตด้วยความประหลาดใจ ทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ : เว่อร์ไปไหม ฉันอดอาหารประท้วงหรอ ไม่ทานมื้อเดียวไม่ตายหรอก ไม่ทานข้าวสามวันค่อยเรียกอดอาหารประท้วง… “ผมอารมณ์ดีหรือไม่ดีผมดูออกน่า” “ก็ได้ ฉันอารมณ์ไม่ดีนิดหน่อย” “ทําไม” “เพราะว่า…” เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปากแล้วเธอก็หยุดคิด “ช่างเถอะ ไม่มีอะไร” ความจริงเธอต้องการทวนคำพูดที่หานหนานหรงพูดแต่ก็กลัวว่าจะทำให้ทะเลาะกันเปล่าๆ ที่จริง เธอเมาเหล้า จะไปเอาอะไรกับคำพูดของคนเมา “ไม่ได้ ต้องพูดออกมา” “ไม่มีอะไร ไม่ต้องถามแล้ว ไปอาบน้ำเถอะ” เธอโบกมือและก้มหน้าทานพายของเธอต่อไป หานจวิ้นซือเข้าไปในห้องน้ำและโผล่ออกมาอีกครั้ง เขายังคงไม่วางใจ “ฉีฉี คุณอยากพูดอะไรกับผมใช่หรือเปล่า” พระเจ้า ยอมแพ้เขาเลย หยางเมิ่งฉีเงยหน้าขึ้น เขาเน้นย้ำอย่างแม่นยำ “ฉันไม่ได้จะพูดอะไร ฉันกำลังกินอะไรอยู่ เลยไม่อยากพูดกับคุณ ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ” ความจริงพูดกับเขาอย่างเป็นทางการไปแล้ว หานจวิ้นซือยื่นมือออกมาเชยคางของเธอ “จะพูดหรือไม่พูด” จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้าหากยืนกรานปฏิเสธที่จะพูด เขาจะไม่ลังเลที่จะบีบเค้าเธอ หลังจากที่เขาบีบคั้นเอาเข้ามากๆแล้ว ในที่สุดเธอก็ต้องยอมแพ้… “คุณเคยคิดจะแต่งงานกับฉันไหม” “ห๊ะ” หานจวิ้นซือคาดไม่ถึงว่าอยู่ดีๆเธอจะพูดโพล่งเรื่องไร้สาระนี้ขึ้นมา เขาเลยกลายเป็นใบ้ “ฉันอยากถามคุณเรื่องนี้ ตอบสิ” “ทำไมอยู่ๆถามเรื่องนี้ล่ะ มีใครพูดอะไรกับคุณรึ” “ไม่มีใครพูด แค่อยู่ดีๆก็คิดขึ้นมา…” เธอกลั้นหายใจและรอให้เขาตอบ เขากลับแค่อมยิ้มและจับไหล่ของเธอไว้ และตอบอย่างจริงจัง “แน่นอนว่าผมคิด” “จริงหรอ ถ้าอย่างนั้นเราแต่งงานกันเลย...ดีไหม” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหานจวิ้นซือก็ลุกขึ้น “ไป ผมจะพาคุณไปสถานที่หนึ่ง” “ไปไหนคะ” “ไปที่ที่จะไม่ทำให้คุณเสียใจ” หยางเมิ่งฉีไม่ได้ถามต่อ เธอตามหานจวิ้นซือออกจากสวนWisteria ท้องฟ้ามืดมาก เป็นสีดำทุกหนแห่ง แสงจันทร์สลัว มีเงาต้นไม้ สายลมพัดเบาๆ พัดความสว่างสดในท่ามกลางหมู่ดาว รถของพวกเขาจอดอยู่ที่หน้าประตูสถาปัตยกรรมสไตล์โรมัน พวกเขาลงจากรถ หยางเมิ่งฉีถามอย่างสงสัย “เราอยู่ที่ไหนกันคะ” “โบสถ์โฟราว” “โบสถ์โฟราวรึ” เธอประหลาดใจพร้อมทำตาโต เธอมาที่ซูริคมาเป็นเวลาสามปี เคยได้ยินเรื่องราวของโบสถ์โฟราวนี้ ได้ยินมาว่าถ้าได้แต่งงานที่โบสถ์นี้ รักจะหวานชื่นตลอดกาลนาน ครองคู่จนแก่เฒ่า แต่ว่าเธอได้ยินมาว่า ไม่ใช่ทุกคู่จะสามารถแต่งงานที่โบสถ์แห่งนี้ได้ ต้องมีความรู้สึกที่แท้จริงและได้รับการเห็นชอบจากบาทหลวง จนได้รับการอวยพรจากท่าน คำทำนายแห่งความสุขจึงจะเป็นจริงได้ “มากับผมสิ” หานจวิ้นซือคว้ามือของเธอไว้และจูงเธอเข้าไปในโบสถ์ “รอสักครู่” เธอหยุดเดินและถามขึ้นมาว่า “คุณบอกฉันทีได้ไหม คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” “คุณอยากแต่งงานไม่ใช่หรอ” แต่งงาน… กลางดึกกลางดื่นตีสามก็แต่งงานได้ด้วยหรอ “ฉันล้อคุณเล่น จะไปแต่งงานจริงๆได้อย่างไร จะแต่งก็ต้องรอให้ฉันเรียนจบก่อนสิ…” หานจวิ้นซือกุมมือเธอแน่นขึ้น “แต่ว่าตอนนี้มีคนคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ต่อหน้าพระเจ้า กำลังขอคุณแต่งงาน” หยางเมิ่งฉีนิ่งอึ้ง เธอถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “คุณขอฉันแต่งงานรึ” “อื้อ” “ฮ่าฮ่า…” เธออดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม เสียงหัวเราะดังเหมือนระฆังเงินที่ดังก้องอยู่มุมโบสถ์ หานจวิ้นซือกัดริมฝีปากของตัวเอง เขาทำหน้าบึ้งและเอ็ดเธอ “หัวเราะอะไร ต่อหน้าพระเจ้า สำรวมหน่อย” “ฉันลบหลู่ตรงไหน ฉันแค่หัวเราะเอง” เธอค้อนเขา ลูบหลังเขาและพูดโดยใจความสำคัญ “คุณชายหาน การขอแต่งงานสำหรับผู้หญิงแล้ว เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต จะทำลวกๆได้อย่างไรกัน อย่างน้อยก็ต้องโรแมนติค และอยู่ในบรรยากาศที่เป็นใจ เอาแหวนออกมา คุกเข่าลง และกล่าวอย่างจริงใจว่า ได้โปรดแต่งงานกับผม อย่างนี้ถึงจะถูกต้อง” “คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมไม่ได้เอาแหวนมาด้วย” หานจวิ้นซือยักคิ้ว ราวกับนักแสดงมายากล หยิบแหวนเพชรอันประณีตออกจากกระเป๋าเสื้อ แสงมันแวววาวมาก ยิ่งในคืนเดือนมืด มันยิ่งส่องแสงเป็นประกาย เขาคุกเข่าลงกับพื้น และพูดอย่างจริงใจหาที่เปรียบไม่ได้ “ได้โปรดแต่งงานกับผมนะครับ คุณหยางเมิ่งฉี” เธอตกใจ การกระทำทั้งหมดทั้งเป็นไปในรวดเดียว มันไม่เหมือนเรื่องที่คิดไว้ก่อนหน้า แต่เหมือนกับเรื่องนี้เป็นแผนการ มันบังเอิญไปไหม หานจวิ้นซือวางแผนที่จะขอเธอแต่งงานในวันนี้รึ “ครั้งนี้คุณต้องคิดให้ดีล่ะ เมื่อฉันตอบตกลงแล้ว จะหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้วนะ ยิ่งไปกว่านั้น การแต่งงานเป็นพันธสัญญาสำหรับผู้ชาย คุณต้องพิจารณาให้รอบคอบ” หานจวิ้นซือแย้มริมฝีปากอันเบาบาง “การแต่งงานเป็นเหมือนเมืองเมืองหนึ่ง ในเมืองมีคนอยู่เพียงแค่สองคน ถ้าคนทั้งสองไม่รักกัน นั่นคือการผูกมัด แต่ถ้าคนทั้งสองรักกัน นั่นก็คือความสุข” “ได้ ฉันรับปากคุณ แต่การแต่งงานจะต้องรอจนกว่าฉันจะจบการศึกษาเสียก่อน…” หยางเมิ่งฉียิ้มและเอื้อมมือออกไป ให้เขาสวมแหวนให้เธอ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาผูกติดกับเธอแล้วตลอดชีวิต “ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” หานจวิ้นซือดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขนและพูดอย่างเอาแต่ใจ “จากนี้อีกสองปี คุณก็จะมีอีกหนึ่งสถานะ ภรรยาของหานจวิ้นซือ” “ถึงตอนนี้พวกเราแต่งงานกันที่โบสถ์แห่งนี้ดีหรือไม่ ฉันชอบที่นี่ค่ะ” “ได้ ขอแค่คุณชอบ ได้ทั้งนั้น” ทั้งคู่กอดกันด้วยความรัก ในวันหนึ่งเดือนหนึ่งปีหนึ่ง ณ โบสถ์โฟราว มันเป็นความใฝ่ฝันที่หยางเมิ่งฉีรอคอยมากที่สุด ในพริบตา โรงเรียนก็เปิดอย่างเป็นทางการ วันคืนก็ผ่านไปด้วยความวุ่นวาย หยางเมิ่งฉีวันวันก็วิ่งไปมาระหว่างสองที่คือโรงเรียนและสวนWisteria จะบอกว่าวิ่งไปมา จริงๆแล้วเป็นแค่การไปๆมาๆเท่านั้น หานจวิ้นซือหาคนขับรถพิเศษให้กับเธอ ขึ้นเขาลงเขาจึงสะดวกมาก เป็นการยากที่สุดสัปดาห์จะไม่มีเรียน เธอย้ายโต๊ะตัวหนึ่งไปไว้ในสวน พักนี้มุ่งมั่นอยู่กับตำรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวหนังสือหานซีจือในราชวงศ์ตุงจิ้น เธอก้มคารวะสามครั้ง ศรัทธาเพิ่มมากขึ้น อัพเดทครั้งหน้า วันที่28 ธ.ค. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中