บทที่97 ค่ำคืนอันแสนโรแมนติค
1/
บทที่97 ค่ำคืนอันแสนโรแมนติค
Thief เธอขโมยหัวใจผมไป
(
)
已经是第一章了
บทที่97 ค่ำคืนอันแสนโรแมนติค
บ๗ที่97 ค่ำคืนอันแสนโรแมนติค ป้าโอมเห็นเธอเตรียมหมึกและกระดาษขาว เธอสงสัยและต้องการเข้าไปถาม “คุณผู้หญิง กำลังทำอะไรอยู่คะ” “ฝึกเขียนตัวหนังสือค่ะ” เธอตอบอย่างจริงจัง “ตัวหนังสือที่คุณผู้หญิงเขียนนั้นสวยงามมากอยู่แล้ว ยังต้องฝึกอีกทำไมคะ” เธอถอนหายใจ “เรื่องนี้ป้าไม่เข้าใจ ตัวหนังสือที่ปกติฉันเขียนไม่เหมือนกับที่เขียนอยู่ตอนนี้ ที่เขียนอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ตัวหนังสือ ถ้าพูดอย่างหรูหราก็คือ การประดิษฐ์ตัวอักษร” “โอ้…” ป้าโอมพยักหน้าอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจ “ใช่แล้ว ป้าช่วยฉันฝนหมึกหน่อยค่ะ” “ได้คะ ฝนอย่างไรคะ” “อย่างนี้ค่ะ…” หยางเมิ่งฉีสาธิตให้เธอดู รอให้เธอฝึกจนเป็นแล้ว เธอจึงนำกระดาษขาวออกมา ถือพู่กันเอาไว้ในมือ และเขียนออกมาด้วยหัวใจ แต่ละจังหวะแต่ละลายเส้นพิถีพิถันอยู่นาน เธอยกกระดาษขึ้น “เป็นอย่างไรคะป้าโอม สวยไหมคะ” ป้าโอมส่ายหัว “ป้าไม่เข้าใจหรอกค่ะ มองดูคล้ายตัวอักษรในร้านขายวัตถุโบราณอย่างนั้นเลย” เธออมยิ้มขึ้น “ไม่คล้ายหรอกค่ะ ยังห่างไกลอีกมาก ถ้าตัวหนังสือของฉันไปแขวนอยู่ในร้านขายของเก่าแล้วล่ะก็ ไม่นาน ร้านนั้นคงต้องถูกปิด” เขียนไม่ดีไม่เป็นไร ขอแค่ได้ออกกำลังกายและได้มีสมาธิ ไม่รู้ว่าเขียนอยู่นานแค่ไหน ที่เท้ากระดาษหล่นลงแผ่นหนึ่ง และอีกแผ่นหนึ่ง หมึกหยดอยู่เต็มโต๊ะ ป้าโอมทนดูอยู่ไม่ไหว หล่อนจึงปล่อยให้เธอได้อยู่คนเดียวเพื่อเขียนต่อไป ส่วนเธอก็ไปทำอย่างอื่น พอเริ่มเขียนก็เขียนอยู่ครึ่งค่อนวัน เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเขียนมาถึงกี่โมงกี่ยามแล้ว “โอ้ น่าสนุกจริงๆ ประดิษฐ์อักษรรึนี่” อยู่ๆเสียงก็ดังขึ้นมาทำให้เธอตกใจและหันกลับไป เธอเห็นหานจวิ้นซือ เธอรีบยื่นมือปิดตาของเขา “อย่าเพิ่งดู อย่าเพิ่งดู ฉันเขียนไม่สวย” “สายไปแล้ว ผมดูอยู่ตั้งนานแล้ว” “ว่าไงนะ!” เธอเปิดมือออกและเขินอาย “คุณเป็นพวกแอบมองอย่างนั้นหรอ” “กลางวันแสกๆ คุณตั้งโต๊ะไว้กลางทางเดิน ถ้าผมจะเดินผ่านไปผมผ่านไปได้อย่างไร ถ้าผมเดินผ่านเลยไปคุณคงจะพูดว่า---” หานจวิ้นซือเลียนเสียงของเธอ “คุณไม่สนใจฉันเลยนะ และยังไม่สนใจตัวหนังสือของฉันอีก” เขาโน้มตัวลงและหยิบกระดาษขาวที่เธอทิ้งขึ้นมาแผ่นหนึ่ง “โอ้ คำนี้…” “คำนี้ทำไมคะ” เธอถามด้วยความรำคาญเมื่อเห็นการแสดงออกของเขา ราวกับว่ามันแย่มาก! “ไม่กล้าชมเลยจริงๆ” “เชอะ คุณไม่กล้าชม แต่มีคนกล้าชม” เธอคว้ามันเอาไป “ป้าโอมบอกว่าตัวหนังสือที่ฉันเขียนคล้ายกับตัวหนังสือที่โชว์อยู่ในร้านขายวัตถุโบราณ” “ถ้าอย่างนั้นคุณรีบให้ป้าโอมเก็บมันขึ้นมาเร็ว ผมจะรีบเอามันไปขาย” หานจวิ้นซือเล่นมุกอย่างเปิดเผย จนเธอรำคาญจนทิ้งท้ายด้วยประโยค “ฉันไม่อยากจะสนใจคุณแล้ว หันไปได้แล้ว ฉันจะเขียนหนังสือต่อ” มันน่าอึดอัดใจนัก เมื่อคิดว่าเธอหยางเมิ่งฉีนักเรียนชั้นสูงของมหาวิทยาลัยซูริค กลับถูกหานจวิ้นซือมาหัวเราะเยาะตัวหนังสือที่น่าเกลียด ฆ่าได้หยามไม่ได้นะ! “ไม่ใช่แล้ว คุณคิดว่าฉันเขียนไม่เก่ง ถ้าอย่างนั้นคุณเขียนเก่งมากล่ะสินะ” ทันใดนั้นเธอก็สบโอกาสที่จะถามกลับ หานจวิ้นซือหัวเราะ “ไม่ถึงกับเก่งกาจ แต่เมื่อเทียบกับคุณแล้ว ก็น่าจะดีกว่าอยู่บ้าง” “ได้ ถ้าอย่างนั้นคุณลองมาเขียน” เธอยื่นพู่กันให้เขา และหยิบกระดาษสีขาวอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือจากที่เธอเขียนกางออกและแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งที่เขียน “เธอชอบตัวหนังสือของใคร” “ฉันชอบตัวหนังสือของใคร คุณก็เขียนได้อย่างนั้นรึ” น้ำเสียงช่างฟังดูเย่อหยิ่ง “อื้อ” “หวางซีจือ” “สไตล์ไหน” “แบบอักษรหลี่ถี่” “ได้” หานจวิ้นซือลงหมึกที่พู่กันเบาๆ ตวัดพู่กัน กวัดแกว่งอยู่สองสามบรรทัด หยางเมิ่งฉีมองด้วยความตกตะลึง ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าอะไรคือหงส์เหินมังกรบิน “วันหนึ่งคุณและผมในวัยแก่ชรา นั่งเงียบๆอยู่ในสวน ชื่นชมดอกไม้ หัวเราะกับเรื่องราวที่ผ่านมา ได้ดูโลกมาเป็นระยะเวลาร้อยปีแล้ว ทุกสิ่งที่ผ่านมา เหมือนดอกไม้ที่บานสะพรั่ง” เธอทำสมาธิและชื่นชมดื่มด่ำ “เขียนได้ดีมาก” “เหมือนกับหยางซีจือไหม” “เหมือน เหมือนมาก ราวกับเป็นต้นฉบับ” “เด็กโง่” เขาใช้มือเขกหน้าผากของเธอ “ร่องรอยของหยางซีจือไม่มีปรากฏอยู่ที่ใด ผู้สืบสกุลของเขาหลินอี้ต่างหาก” หยางเมิ่งฉีเกาหัวอย่างเอียงอาย “หลินอี้ก็ดีเหมือนกันน่า ฉันอุตส่าห์ลงทุนชมคุณ…” เธอชักเริ่มอารมณ์เสีย “หานจวิ้นซือ คุณสอนฉันดีไหม” “เรียนเรื่องนี้ไปทำไม” “เพิ่มความสามารถไง สมัยก่อนผู้หญิงควรที่จะสามารถเล่นขิมเล่นหมากล้อมวาดภาพเป็นไม่ใช่รึ ดูสิตัวหนังสือคุณเขียนได้สวยขนาดนี้ ตัวหนังสือของฉันกลับเขียนได้ไม่ดี เราสองคนช่างไม่เหมาะสมกัน” “ไม่เป็นไร ในสายตาผม คุณทั้งดูดีและมีพรสวรรค์ ไม่จำเป็นจะต้องพยายามเพิ่มเติมอะไร” เธอยังพยายามไม่ลดละ “ใช่สิ ถึงแม้ว่าจะไม่มีพรสวรรค์ แต่ก็สามารถฝึกกันได้ คุณลองคิดดู ปกติคุณมีงานที่บริษัทมาก ไม่สามารถหาเวลามาอยู่กับฉันมากนัก ถ้าหากว่าคุณสามารถฆ่าเวลาโดยการประดิษฐ์อักษรกับฉัน นั่นไม่ใช่เรื่องดีหรอกรึ” หานจวิ้นซือรู้สึกลังเลเล็กน้อย เธอยิ่งได้ใจ “สอนฉันนะ สอนฉันนะ…” “อยากเรียนจริงๆรึ” “อื้อ!” “อย่างนั้นก็ได้ ผมจะสอนคุณ” เขาเกี่ยวก้อยสัญญา หยางเมิ่งฉีลุกขึ้นยืนเขาหมุนตัวไปทางด้านหลังของเธอและกระซิบที่ข้างหู “ถ้าอยากเขียนหนังสือให้สวย จิตใจคุณต้องนิ่ง มีสมาธิ สงบนิ่ง เริ่มเลย หลับตา ตามความรู้สึกของผมไป” หยางเมิ่งฉีหลับตาลง หานจวิ้นซือจับมือเธอไว้และเริ่มต้นสอนเธอทีละเส้นทีละขีด เธอไม่ได้คิดว่าเขียนคำว่าอะไรอยู่ แค่ใช้หัวใจสัมผัสถึงการออกแรงของเขา “เอาล่ะ” เขาปล่อยมือที่จับเธออยู่ออก เธอก็ลืมตาขึ้น วินาทีต่อมา หัวใจก็เต้นรัว คนนิ่งอึ้งไป “ฉีฉีคนนี้ รักสุดในชีวิต” สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของเธอ ไม่ใช่ลายเส้นอันงดงามบนกระดาษแต่กลับเป็นคำแปดคำที่เรียบง่ายนี้ เธอหันหลังกลับและเงยหน้าขึ้นมองหานจวิ้นซือ ครู่หนึ่งที่ซาบซึ้งจนพูดไม่ออก “ทำไมถึงเขียนแบบนี้คะ” “ใจคิดแบบนี้ เลยเขียนแบบนี้” “ขอบคุณค่ะ” คำขอบคุณกลั่นออกมาจากใจ ไม่ได้มีภาษาที่ซับซ้อน เธอเข้าใจ เขาก็เข้าใจ “ฉันไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบ ฉันแค่ต้องการคนที่จะไม่ยอมแพ้ในตัวฉัน” “ผมเป็นคนคนนั้น” แสงแดดของวันนั้นอบอุ่นเป็นพิเศษ เธอพิงไหล่หานจวิ้นซือ รับรู้ไปถึงความสุขที่ไม่มีวันลืม เป็นบ่ายวันที่จะต้องจดจำไปอีกหลายปี และรู้สึกว่า นั่นคือหนึ่งในประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิต เป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุด หยางเมิ่งฉีบังเอิญพบกับหลินชวนอีกครั้ง เธอแทบจำเขาไม่ได้ แต่ว่าเขาจำเธอได้ บนถนนที่คดเคี้ยวของมหาวิทยาลัยซูริค หยางวานวานกำลังพูดเรื่องซุบซิบนินทา ทันใดที่เธอหันมา “คุณหนูหยาง” ทั้งสองหันมาพร้อมกัน หลินวานวานถามอย่างสงสัย “นี่ใครน่ะ” หยางเมิ่งฉีขบคิดภายในไม่กี่วินาทีก็นึกออก “...หลินชวนรึ” “ขอบคุณที่จำผมได้” เขาเดินไปข้างหน้าและยิ้ม ลักยิ้มทั้งสองข้างนั้นตื้นเขิน “บังเอิญจัง ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่” “อย่าลืม ผมเป็นรุ่นพี่ของคุณ” “อ้อ ใช่แล้ว” เธอยักไหล่ “ถ้าอย่างนั้นพี่กลับมาที่โรงเรียนเพราะมีธุระอย่างนั้นรึ หรือมาเพราะว่าคิดถึง” “แน่นอนว่ามีธุระ” หลินชวนเดินไปคุยไปกับพวกเขา “ผมไม่ใช่คนประเภทชอบระลึกถึงความหลัง” “ใช่แล้ว ฉันจะแนะนำให้รู้จัก นี่เพื่อนสนิทฉันหลินวานวาน พวกเธอมาจากถิ่นเดียวกันนะ” หลินวานวานเบิกตาโต “ถิ่นอะไร” “เขาเป็นคนปักกิ่ง” หยางเมิ่งฉีชี้ไปที่หลินชวน “ว้าว จริงหรือคะ” เธอตื่นเต้นมาก เธอรีบกอดหลินชวนเอาไว้ “คนถิ่นเดียวกัน น้ำตาจะไหล!” หยางเมิ่งฉีหัวเราะและตบไหล่หลินวานวาน “นี่สาวน้อย เธอทำคนอื่นตกใจกลัวหมดแล้ว” หลินชวนประหลาดใจมาก “ไม่คิดว่าจะได้เจอคนบ้านเดียวกันที่โรงเรียนเก่า ช่างมีวาสนาต่อกัน” “ไม่ใช่หรอก น่าจะเป็นพรหมลิขิต พวกเราไปกินข้าวกันดีกว่า” “ได้ ผมเลี้ยงเอง” หลินชวนอาสา ทั้งสามไปที่ร้านอาหารจีน นั่งลงและคุยกันอย่างออกรส “พี่ชาย พี่อยู่ส่วนไหนของปักกิ่งหรอ” เมื่อสั่งอาหารเสร็จ หลินวานวานก็ใช้ตะเกียบเคาะโต๊ะและถามขึ้น
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่97 ค่ำคืนอันแสนโรแมนติค
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A