ตอนที่11คนที่ขายหน้าก็คือฉันเอง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่11คนที่ขายหน้าก็คือฉันเอง
ต๭นที่11คนที่ขายหน้าก็คือฉันเอง “แกมาได้ยังไง” เสียงเล็กแหลมดังมาจากข้างหลังแพรวาเอียงตัวพร้อมกับกวาดตามองออกไปนิดเดียวแล้วถามอย่างเย็นชาต่อเสียงนั้นว่า“พ่อล่ะ” แพรใจยิ้มเยาะ“คงเป็นเพราะทำเรื่องฉาวโฉ่โด่งดังไปทั่วตอนนี้ถึงได้คิดจะกลับมาหาพ่อตอนแรกที่ออกจากบ้านยังปากดีอยู่เลยยังนึกอยู่เลยว่าคนอย่างคุณแพรวาคงจะไม่มาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีกแล้ว” แพรวากลับไม่ได้พูดตัดบทน้องสาวสมองกลวงคิดแต่เรื่องไร้สาระแต่กวาดตามองนาฬิกาแขวนในบ้านพร้อมทำท่าทางไม่สนใจ จริงๆแล้วเธอไม่ได้รู้สึกเกลียดแพรใจแต่ก็จะบอกว่าชอบก็ไม่ถึงขนาดนั้นถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีพ่อคนเดียวกันแต่ก็เกิดกับคนละแม่หน้าตาทั้งสองคนจึงไม่เหมือนกันเลยสักนิดแพรวามีบุคลิกโดดเด่นเห็นได้ชัดเป็นจุดสนใจส่วนแพรใจรูปร่างหน้าตาธรรมดาจมูกไม่คมตาไม่โตผิวพรรณพอใช้ได้แต่งหน้าเป็นประจำเวลาผ่านมานานจนตอนนี้เองแพรวาก็แทบจะนึกหน้าตอนแพรใจไม่ได้แต่งหน้าไม่ออกละ เมื่อเห็นว่าแพรวาไม่พูดอะไรแพรใจก็รู้สึกทั้งโกรธทั้งอายเธอสาวเท้าที่อยู่บนส้นสูงเข้าไปหาแพรวาพูดเสียงดังออกไปว่า“ฉันถามแกอยู่หูหนวกรึไง?” ในที่สุดแพรวาก็เบนสายตามามองไปที่ใบหน้าของแพรใจพร้อมด้วยพูดน้ำเสียงเรียบๆว่า“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ” แพรใจสูดหายใจฮึดฮัดเกือบจะสำลักตายเพราะท่าทางของแพรวาเธอกำลังจะด่าออกไปแต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพรรษิษฐ์ผู้เป็นพ่อดังขึ้นมา “กลับมาแล้วหรอ”พรรษิษฐ์พูดกับแพรวา แพรใจรีบสงบสติอารมณ์หันไปพูดหวานๆว่า“พ่อคะ” แพรวาเองก็พูดออกไปว่า“พ่อมีอะไรจะพูดกับหนูก็พูดออกมาตรงๆได้เลยค่ะ” “กินข้าวก่อนเถอะลูกก็ไม่ได้กลับมานานแล้วกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยคุยกัน”พรรษิษฐ์ตอบให้ลูกสาวกินข้าวก่อน พรรษิษฐ์ตบหลังมือแพรใจและพูดเบาๆไปเรียกแม่ของลูกลงมากินข้าวเถอะ แพรใจตอบรับแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหันมาค้อนใส่แพรวาก่อนไป บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบเชียบไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคนถึงแม้บรรยากาศจะว่าเงียบมากแล้วนั้นก็ไม่สู้ถึงความอึดอัดความกดดันที่มีมากกว่าความจริงแล้วแพรวารู้ดีปกติพวกเขาไม่ใช่แบบนี้หลายต่อหลายครั้งที่แพรวาบังเอิญมาเจอพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกกำลังกินข้าวซึ่งมักจะมีเสียงพูดคุยหยอกล้อกันก็จะมีแค่เวลาที่แพรวาอยู่ด้วยเท่านั้นถึงจะเงียบเชียบไม่พูดไม่จากันแบบนี้ แพรวารีบกินข้าวอย่างรวดเร็วจากนั้นลุกขึ้นพูดว่า“หนูกินอิ่มแล้ว” “เดี๋ยวก่อน” พรรษิษฐ์วางตะเกียบลงพร้อมอาการขบริมฝีบากแล้วพูดว่า“แพรวาลูกสัญญาของลูกไม่ใช่ใกล้จะหมดแล้วหรอ” แพรวาชะงักไปแล้วพยักหน้าตอบรับ“ยังเหลืออีกเดือนกว่าๆ.” “ถ้าสัญญาหมดก็ไม่ต้องต่อสัญญาแล้วพ่อหาตำแหน่งในบริษัทไว้ให้ลูกแล้วถึงเวลานั้นก็กลับมาทำงานเถอะลูกช่วงนี้ก็เก็บข้าวของย้ายกลับมาต่อจากนี้ไปก็มาอยู่ที่บ้านนี่แหละอีกทั้งด้วยอายุของลูกกับแพรใจก็คุยเรื่องแต่งงานได้แล้วใช้ชีวิตอยู่แต่นอกบ้านมันไม่สมควรคนอื่นเค้ารู้ก็จะหัวเราะเยอะเอาได้” ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปีก็พอจะได้ข่าวมาบ้างว่าพ่อของเธอพยายามเฟ้นหาคู่ครองให้แพรใจจากที่ดูแล้วพ่อก็คงจะกลัวว่าอาชีพของแพรวาจะส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของแพรใจเท่านั้นเอง” อาชีพนักแสดงนี้จะว่าไปแล้วแต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นอาชีพที่ถูกสังคมดูถูกมากที่สุดว่าความจริงก็แค่พวกนักแสดงที่ขายรอยยิ้มเพื่อความอยู่รอดเป็นสินค้าที่พอคนเสนอราคาให้ก็สามารถหลับนอนด้วยได้ต่อให้จะดังขนาดไหนก็ไม่ได้รับการยอมรับ ญาญิณีเห็นพรรษิษฐ์ไม่พูดอะไรก็กระแอมขึ้นมาแล้วพูดต่อ“หลายปีมานี้แกก่อเรื่องข้างนอกฉันกับพ่อของแกก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรแกเองก็เห็นกับตาสามปีมานี้แกก็ไม่เห็นจะทำอะไรที่มันบ่งบอกว่าประสบความสำเร็จมาถึงตอนนี้ก็เลิกหวังเถอะฉันกับพ่อแกจะช่วยหาคู่ครองแต่งงานให้แกก็จะมามัวเร่ร่อนอยู่ข้างนอกแบบนี้ไม่ได้ตลอดหรอกนะ” แพรวาหลุบตาลงกัดมุมปากความจริงแล้วเรื่องที่พ่อกับญาญินิกังวลมันไม่ใช่ปัญหา พรรษิษฐ์ขมวดคิ้ววินาทีต่อมาก็ได้ยินแพรวาพูดเรียบๆว่า“ในสายตาคนข้างนอกบ้านตระกูลดวงจักรก็มีคุณหนูแค่แพรใจแค่คนเดียวถ้าฉันจะก่อเรื่องขายขี้หน้าคนที่ต้องขายขี้หน้าก็คงจะเป็นฉันแค่คนเดียวคงไม่เสื่อมเสียมาถึงตระกูลดวงจักรหรอกค่ะ” ญาญิณีหน้าเข้มขึ้นตบมือบนโต๊ะอาหารช้อนซ้อมกระทบกันเสียงดังแต่ก็ยังไม่เท่ากับเสียงแหลมเล็กของหล่อน“แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงว่าฉันญาญิณีไม่ดูดำดูดีแกหรอ” พรรษิษฐ์ปลอบญาญินิแล้วหันมาพูด“แพรวาลูกหนูอย่าเข้าใจผิดน้าญาญิณีตอนนี้พ่อก็อายุมากแล้วก็หวังเป็นที่สุดว่าลูกกับแพรใจจะได้เจอคนที่ดูแลพวกแกได้วงการบันเทิงเป็นยังไงลูกคงรู้ดีกว่าพ่อตอนวัยรุ่นเล่นๆไปก็พอแล้วหรือว่าแค่ยังคิดหวังว่าจะได้เจอคนดีๆ” แพรวาเงียบไม่พูดอะไร แพรใจนั่งอยู่ข้างๆพร้อมหัวเราะเยาะและพูดถากถางต่อไป“พ่อคะคนเค้าอยู่ในวงการบันเทิงมีแต่ความก้าวหน้าขึ้นทุกวันจะอยากกลับมาทำไมทุกเดือนก็จะขึ้นข่าวหน้าหนึ่งข่าวฉาวโฉ่เกี่ยวกับผู้ชายถ้านับแล้วก็ยาวจากตรงนี้ไปถึงฝรั่งเศสได้” “แพรใจ”พรรษิษฐ์ตำหนิแพรใจเล็กน้อยแล้วหันมามองแพรวารอคำตอบ “พ่อคะมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งหนูอยากถามพ่อมากที่สุด”แพรวาเลียริมฝีปากตั้งใจพูด“สี่ปีก่อนอุบัติเหตุที่เกิดกับหนูมันเกิดขึ้นยังไง” พรรษิษฐ์เคร่งเครียดขึ้นมาทันที“มันจะเกิดยังไงถ้าไม่ใช่ความคึกคะนองของพวกแกกับเพื่อนที่ดื่มเหล้าแล้วขับรถว่าแต่ว่าเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วแกจะพูดถึงอีกทำไม” แพรวาดึงมุมปาก“ไม่มีอะไรก็แค่รู้สึกแปลกๆเพื่อนที่เกิดอุบัติเหตุพร้อมกันในเวลานั้นหนูติดต่อไม่ได้สักคนเพราะยังไงก็เคยผ่านการร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันแล้วพอพูดขึ้นมาก็รู้สึกเสียดาย” “แล้วมันจะติดต่อกันไปทำไมพอเจอหน้ากันมันก็จะทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่น่ากลัวครั้งนั้นอีกใครก็ไม่ต้องการอยู่แล้วเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ไม่ต้องไปคิดสองวันนี้พ่อจะให้คนไปเก็บของที่ห้องรีบย้ายกลับมาให้เร็วที่สุด”พรรษิษฐ์พูดต่อ แพรวาตอบแบบไม่ได้ใส่ใจ“หนูจะพยายาม” แพรวาเพิ่งจะตัดสินใจบอกปฏิเสธข้อเสนอของพรรษิษฐ์ที่จะไปทำงานในบริษัทของเขาแต่ในตอนเช้าวันต่อมาบริษัทที่แพรวาทำงานอยู่ในสังกัดจะมีการฝึกเด็กใหม่ทำให้คอนโดไม่เพียงพอบริษัทก็เลยขอให้แพรวาย้ายออกจากคอนโดก่อนเย็นนี้อยู่คอนโดมาสองปีของในคอนโดเยอะมากกว่าจะเก็บของหมดก็เย็นแล้ว จิตราผู้จัดการส่วนตัวของแพรวามองกระเป๋าเดินทางทั้งใบเล็กใบใหญ่แล้วหันมาพูดกับแพรวาว่า“แกย้ายไปอยู่กับฉันก่อนสักวันสองวันหาห้องได้ค่อยย้ายออกไป” แพรวายิ้ม“ไม่ต้องหรอกฉันย้ายกลับบ้านก็สิ้นเรื่องละสองวันก่อนพ่อยังเร่งให้ฉันย้ายกลับไปอยู่ตอนนั้นฉันยังบอกจะลองคิดดูก่อนคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้” “กลับบ้านก็ดีประหยัดค่าเช่าห้อง”จิตราบอกกับแพรวา แพรวายิ้มไม่ได้พูดอะไร เมื่อส่งจิตราเสร็จแพรวาโทรหาพรรษิษฐ์“พ่อคะที่บ้านมีใครอยู่หรือเปล่าหนูย้ายกลับมาแล้วคืนนี้นอนที่บ้าน” พรรษิษฐ์ค่อนข้างประหลาดใจชะงักไปเล็กน้อยถึงพูดขึ้นมาว่าพ่อกับน้าญาญินีอยู่บ้านลูกจะมากี่โมง “ตอนนี้ค่ะ”แพรวาตอบ “ของเยอะไหมพ่อให้คนขับรถของที่บ้านไปรับลูกนะ”พรรษิษฐ์ถามอีกครั้ง “ไม่เป็นไรค่ะหนูอยู่บนรถใกล้จะถึงบ้านแล้ว” “ถ้างั้นก็เดินทางปลอดภัยถึงบ้านแล้วโทรมานะ” “ค่ะพ่อ”หลังจากวางสายแพรวาก็หันไปบอกคนขับรถให้ไปที่หมู่บ้านเขตพญายม แพรใจพูดอยู่ตั้งนานจนปากแห้งผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยังนิ่งไม่พูดอะไรสักคำบรรยากาศน่าอึดอัดแพรใจเลียริมฝีฝากนิดหนึ่งยกแก้วขึ้นจิบไวน์เพื่องานนัดดูตัววันนี้โดยเฉพาะแพรใจสวมกระโปรงยาวสีขาวใส่เพชรของสวารอฟสกี้ทั้งตัวตั้งแต่หัวรวมแล้วแล้วประมาณแสนบาทดังนั้นแพรใจคิดในใจว่าจะต้องจัดการให้ได้จะต้องไม่ให้การนี้เสียเปล่า “คุณปิยะวัฒน์ทำไมคุณไม่พูดอะไรเลยล่ะมีแต่ฉันที่พูด”แพรใจพูดกับผู้ชายตรงหน้า
已经是最新一章了
加载中