ตอนที่38มีเรื่อง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่38มีเรื่อง
ต๭นที่38มีเรื่อง ถนนโล่งกว้างจู่ๆก็มีรถเบนท์ลีย์สีดำคันหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็วรูปร่างปราดเปรียวของตัวรถตอนเร่งที่ความเร็วราวกับเสือชีต้าตัวหนึ่งที่ทะยานตัวออกไปอย่างรวดเร็วเร็วราวกับสายฟ้า ภายในรถปิยะวัฒน์นวดระหว่างคิ้วเอนตัวพิงเบาะสีหน้าย่ำแย่ เขาเพิ่งกลับจากบ้านหลังไปสนทนากับทัตเทพตามประสาพ่อลูกมามองจากสีหน้าของเขาก็รู้ได้เลยว่าครั้งนี้มันเป็นการสนทนาที่ไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร เมื่อเข้าสู่ย่านที่อยู่อาศัยรถก็เริ่มชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ เมื่อสองข้างทางเต็มไปด้วยทิวทัศน์ของวอชิงตันทันใดนั้นหางตาของจรณ์ก็สังเกตเห็นเงาดำๆสายหนึ่งจรณ์รีบหักพวงมาลัยและเบรกรถอย่างกระทันหัน “เอี๊ยด--” เสียงเบรกของรถแผดตัดคลื่นอากาศดังสนั่น ปิยะวัฒน์ถูกเหวี่ยงไปด้านหน้าถึงรู้สึกตัวขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้น” จรณ์สังเกตลักษณะของคนที่ไกลออกไปอย่างละเอียดสักพักถึงพูดขึ้นว่า“เหมือนจะเป็นคุณแพรวานะครับ” ปิยะวัฒน์ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นแล้วเงยหน้าจ้องออกไปด้านนอกรถ ที่ประตูทางเข้าหมู่บ้านปรากฏโครงร่างเพรียวร่างหนึ่งยืนขวางอยู่ตรงนั้นแสงไฟสว่างจ้าทำให้เธอลืมตาไม่ขึ้นกำลังโบกมือบอกให้หยุดรถ สีหน้าของปิยะวัฒน์คล้ำลงไปอีกน้ำเสียงเย็นพูดขึ้น“ออกรถ!” “แต่ว่าทางเข้าหมู่บ้านมีแค่ทางนี้ทางเดียว....” จรณ์คิดว่าตนเองคงจะเข้าใจผิดจึงได้พูดเตือนออกไป ปิยะวัฒน์แสดงสีหน้าเปลี่ยนไปเขาทำหน้าเย็นชาแล้วออกคำสั่งด้วยเสียงเยียบเย็นว่า“ฉันบอกให้ออกรถถ้าเธออยากจะโดนชนนักก็ให้เธอโดนไป” ช่างเป็นคำสั่งที่แสนจะเลือดเย็นคำพูดที่ถ่ายทอดมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นแฝงความโกรธเคืองเอาไว้อย่างไม่ปิดบัง จรณ์บีบพวงมาลัยแน่นก่อนจะสูดลมจะหายใจเข้าลึกๆแล้วเหยียบคันเร่งเครื่องตรงไปทางแพรวา รถไม่ได้ขับเร็วนักเขาจงใจให้แพรวามีเวลาพอที่จะหลบได้ทางด้านปิยะวัฒน์เองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเห็นได้ชัดว่าเป็นการยอมรับ แพรวาเบิกตาจ้องรถคันนั้นที่ขับตรงมาทางเธอโดยไม่มีการรถความเร็วลงเลยหลังของเธอหลังเหงื่อเย็นๆออกมาทั้งๆที่เห็นอย่างชัดเจนว่ารถพุ่งเข้ามาแต่เธอก็ไม่ขยับขาออกไปสักก้าว แสงไฟที่สว่างจ้าส่องวาบเข้ามาในตาของเธอเปลือกตาปิดแน่นลงอีกในหัวมีภาพของตัวเองที่โดนรถชนวาบผ่านก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวจนถึงขีดสุดเธอได้ยินเสียงอะไรสักอย่างแตกหักทันทีที่เข่ารู้สึกปวดทั้งตัวก็ล้มลงไปบนพื้นถนน ความทรงจำสุดท้ายที่เธอจำได้ก่อนที่ทุกอย่างจะดับไปเธอนอนอยู่บนพื้นถนนกำลังมองฉากหลังที่มืดสนิทอยู่ๆก็นึกอะไรไม่ออกเลยมีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปื้อนเลือดสีไปทั่วตัวนั้นเท่านั้นฝังลึกอยู่ในหัวของเธอที่ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่ใบหน้ารู้สึกเย็นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าน้ำตาไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเอื้อมมือไปสัมผัสมีร่องรอยของความเศร้าโศกสายหนึ่งเมื่อกี้นี่เธอร้องไห้งั้นเหรอ..... ปิยะวัฒน์รีบลงจากรถรีบก้าวตรงไปที่ร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้น เขาขบกรามแน่นก้าวไปพร้อมความคิดสับสนวุ่นวายที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ แพรวาค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นจากพื้นฝ่ามือเจ็บแปลปวดแสบปวดร้อนเธอลุกขึ้นนั่งเมื่อยกมือขึ้นดูก็พบว่าฝ่ามือถูกเศษหินบนพื้นทิ่มเต็มไปหมดจนจุดที่โดนทิ่มขึ้นเป็นริ้วแดงเพียงนิดเดียวก็รู้สึกเจ็บปวดใจเกินทน “นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!” ปิยะวัฒน์ดึงคอเสื้อเธอขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความโกรธ“เธอรู้ไหมถ้าหากรถวิ่งเร็วกว่านี้อีกนิดเดียวเธอก็เละไปแล้ว!” แพรวาที่ถูกเขาเขย่าไปมาจนเริ่มเวียนหัวเนิ่นนานกว่าเข่นยิ้มออกมาแล้วพูดแผ่วเบา“ฉันรู้ว่าคุณไม่ทำอย่างนั้นหรอกก็ในเมื่อคุณยังตักตวงประโยชน์จากร่างกายฉันไม่หมดเรื่องอะไรคุณจะปล่อยให้ฉันตายล่ะ” ปิยะวัฒน์กำหมัดแน่นใบหน้ามืดครึ้มจ้องหน้าเธอนิ่ง สภาพของเธอสะบักสะสะบอมไปหมดกางเกงยีนส์ที่ใส่ตรงหัวเข่าขาดรุ่ยผมเผ้ายุ่งเหยิงกระจัดกระจายอยู่บนหัวไหล่ฝ่าก็มือเต็มไปด้วยรอยช้ำเลือดตั้งแต่พวกเขารู้จักกันมา3ปีเขาไม่เคยเห็นตอนไหนที่แพรวามีสภาพสะบักสะบอมขนาดนี้มาก่อนเลย ภายในใจหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินมาทับเอาไว้ปิยะวัฒน์ทั้งอยากดึงเธอขึ้นมาตีแรงๆทั้งกังวลว่าจะทำให้เธอบาดเจ็บมากขึ้น เขาจ้องเธอสักพักและทันใดนั้นก็ค้อมตัวลงแล้วอุ้มเธอขึ้นมา แพรวาขัดขืน“คุณจะพาฉันไหน?” “โรงพยาบาล” “ฉันไม่เป็นอะไรฉันไม่ไปโรงพยาบาล” แพรวาขมวดคิ้วไม่พยายามดินร้นมากขึ้น แต่เขาแรงเยอะมากปิยะวัฒน์เกือบจะทำเธอตกพื้นไปแล้วแต่เดิมเขาก็อารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไรยิ่งเจอแบบนี้ยิ่งแย่มากขึ้นไปอีก “ถ้าเธอขยับอีกแม้แต่นิดเธอเชื่อไหมว่าฉันจะปล่อยเธอทิ้งไว้ที่นี่แหละ!” แพรวารีบหยุดนิ่งทันทีแล้วช้อนสายตาลูกกวางน้อยที่น่าสงสารมองเขา“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆนะคุณก็ใช่ว่าจะไม่รู้ร่างกายฉันมันก็เป็นอย่างนี้แหละปกติโดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็เขียวช้ำม่วงช้ำที่จริงมันไม่เป็นไรหรอก” ปิยะวัฒน์จ้องเธอนิ่งไม่พูดอะไรออกมา แพรวาเม้มปากก่อนจะพูดเสียงแผ่ว“ประธานปิยะวัฒน์พอมีเวลาว่างไหมคะฉันอยากคุยกับคุณสักหน่อย” เขาส่งเสียงหึเบาๆ“เธอคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติอะไรถึงจะมาคุยกับฉัน?” แพรวากำมือแน่นพยายามลุกขึ้นด้วยขาสั่นๆโค้งต่ำคำนับเขา “ฉันอยากขอโทษคุณที่ทำกริยาไม่ดีใส่คุณไปวันนั้นค่ะ” ปิยะวัฒน์จ้องมองนิ่งสายตาครึ้มลงเล็กน้อย แพรวายืนตรงเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองเขาอย่างลึกซึ้ง“ประธานปิยะวัฒน์คะถ้าหากว่าฉันได้ทำอะไรผิดไปขอคุณอย่าได้ถือโทษความผิดพลาดของคนอ่อนแอกว่าเลยฉันเป็นแค่นักแสดงธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งที่แค่อยากแสดงละครอย่างราบเรียบไม่ได้อยากเด่นดังอะไรหวังเพียงแค่จะได้ใช้ชีวิตเรียบๆไปวันๆเท่านั้นฉันทราบดีค่ะว่าเพียงคุณเอ่ยปากทั้งวงการก็พร้อมที่จะปฎิเสธให้ฉันทำงานถ้าวันนั้นมีอะไรที่ฉันทำให้คุณขุ่นเคืองใจไปฉันต้องขอโทษคุณจากใจจริงๆได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะคะอาชีพนักแสดงนี้มันสำคัญสำหรับฉันมากคุณได้โปรดเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ดีของเราตลอดสามปีที่ผ่านมาด้วยช่วยฉันหน่อยนะคะ” ท่าทางเธอโค้งต่ำคำพูดก็จริงจังแต่จากที่ปิยะวัฒน์ได้ยินทำไมกลับทำให้รู้สึกแย่กัน เขายื่นมือออกไปเชยคางเธอขึ้นมาแล้วยิ้มเย็นบางๆ“เธอเป็นนักแสดงการแสดงเป็นสิ่งที่เธอถนัดที่สุดฉันก็แค่เอาตัวเองไปร่วมเล่นละครตลอดสามปีที่ผ่านมานั้นกับเธอพูดถึงความสัมพันธ์พวกนั้นไม่คิดว่าเสแสร้งไปหน่อยรึไง?” แพรวากำมือแน่น“อย่างน้อยฉันก็พยายามชดใช้ให้คุณด้วยร่างกายของฉันไปแล้ว” ปิยะวัฒน์มองนิ่งแล้วยิ้มเย็น“เธอนี่หน้าด้านกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยนะ” แพรวากัดปากจนขึ้นสีขาวแต่ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้า “ฉันก็แค่พูดควมจริงเท่านั้นหวังว่าคุณจะช่วยเหลือ” ปิยะวัฒน์จ้องหน้าเธออย่างเคร่งขรึมสักพักแล้วเปล่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา“ไสหัวไป!” แพรวาทนทำตัวหน้าไม่อายอย่างนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วเธอก้มศีรษะพูดออกมา“ขอความกรุณาด้วยค่ะ”หันหลังและเดินกะเผลกจากไป “ปัง--” มีเสียงดังมาจากข้างหลังมันคือเสียงปิดประตูรที่ถดังไล่หลังมา แพรวาชะงักฝีก้าวหลุบเปลือกตาลงต่ำ วันต่อมาจิตราได้โทรเข้ามาแต่เช้า “เธอไปทำอะไรมาทำไมจดหมายตอบรับพวกนั้นถึงถูกส่งกลับมาหาได้แล้วยังจะให้ค่าตัวสูงกว่าครั้งก่อนหน้านี้อีกไม่น้อยเลย” “ฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ”แพรวายิ้มในมือทายาไปด้วยขณะที่ตอบ“บางทีคุณปิยะวัฒน์อาจจะมีจิตสำนึกขึ้นมาก็ได้ล่ะมั๊ง” “เขาเนี่ยนะจะมีจิตสำนึกขึ้นมา?ให้เธอบอกฉันทื่อๆว่าเธอหาคนที่มีอำนาจกว่าตาปิยะวัฒน์นั่นได้ยังน่าเชื่อกว่าเลย”
已经是最新一章了
加载中