ตอนที่59 หย่ากันเถอะ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่59 หย่ากันเถอะ
ต๭นที่59 หย่ากันเถอะ ธามมองผู้หญิงที่สวมหน้ากากสีทองที่อยู่ตรงหน้า คิ้วดูสวยงามแสดงถึงความสงสัยเ ขาก้มลงตอนที่จะถามออกผู้หญิงคนนี้กลับไป ก็มีมือยื่นแทรกเข้ามารั้งผู้หญิงออกจากมือของเขา “ผมบอกให้คุณรออยู่ที่เดิม คุณเดินไปทั่วทำไม” ปิยะวัฒน์ขมวดคิ้ว พูดน้ำเสียงเบาตำหนิผู้หญิงที่ไม่ยอมเชื่อฟัง เมื่อเห็นแพรวาเงียบแบบนั้นปิยะวัฒน์จึงคิดว่าตัวเองใช้น้ำเสียงดุไปหน่อยจึงปรับน้ำเสียงให้ดูอ่อนลงนิดหน่อย “เมื่อกี้ไม่ใช่บอกว่าหิวหรือ ผมให้คนเตรียมของกินไว้ให้ ตามผมมา” ปิยะวัฒน์กำลังพูดอยู่ก็กวาดตามองธาม คิ้วขมวดขึ้นชั่วหนึ่ง ยิ้มพยักหน้าให้ธามเล็กน้อยแล้วจึงจูงแพรวาออกไป ธามมองจ้องไปที่คนที่เดินอยู่ข้างกายปิยะวัฒน์คิ้วทั้งสองข้างขมวดแน่น ไม่รู้เป็นว่าเป็นเพราะรู้สึกถึงสายตาของเขาหรือไม่ จู่ๆแพรวาก็หันกลับมามองที่เขา ธามตะลึงความรู้สึกที่คุ้นเคยนั้นถาโถมเข้ามาในใจ ธามรีบสืบเท้าก้าวเพื่อที่จะตามไป ทันใดนั้นไหล่กลับถูกตบเบาๆ “ทำไมมายืนอยู่คนเดียวตรงนี้” ชญตว์มือหนึ่งถือแก้วเหล้า อีกมือกดลงที่ไหล่ของธามแล้วจ้องเขา ธามหลุดออกมาจากการใจลอย ยิ้มเรียบๆ “ไม่มีอะไรหรอก เมื่อสักครู่มีสาวทักคนผิด” ชญตว์มองออกไปในระยะไกล ปิยะวัฒน์กับแพรวาหายไปกับกลุ่มคนไม่เห็นแม้เงา “ไปเถอะฉันจะแนะนำเพื่อนส่วนหนึ่งให้รู้จัก ต่อไปอยู่ที่เมืองตะวันอาจจะได้ขอความช่วยเหลือ” ธามตอบรับ วางแก้วลงแล้วเดินตามชญตว์ไปอีกฝั่ง ปิยะวัฒน์จูงมือแพรวาเดินผ่านกลุ่มคนที่จอแจ ผู้หญิงที่ปกติแล้วไม่ใช่คนพูดน้อยวันนี้กลับเงียบจนผิดสังเกต ปิยะวัฒน์บีบฝ่ามือ เม้มปาก รอจนถึงที่มีคนน้อยจึงหยุดเดิน ยื่นมือไปจับที่คางของแพรวา “เมื่อสักครู่เป็นอะไรหรือเปล่า” อารมณ์ของแพรวาไม่รุนแรงเหมือนเมื่อสักครู่ แต่แค่อาการหัวใจสั่นไหวไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ แพรวาฝืนยิ้ม พูดเสียงเบาๆ “เมื่อสักครู่คุณนัยนิตบอกว่าคุณตามหาฉัน ฉันจึงมาหาคุณแต่ก็ไม่ระวังเข้าใจผิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคุณ” ปิยะวัฒน์ขมวดคิ้ว เม้มปาก เป็นเวลานานมากถึงถาม “ผมเหมือนผู้ชายคนนั้นมากหรือ” แพรวาส่ายหัว “แล้วทำไมถึงจำผิด” “เพราะว่าต่างก็ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวกันทุกคน” รูปร่างสูงตรงเหมือนกัน เสื้อเชิ้ตสีขาวเหมือนกัน ถ้าทั้งสองคนไม่ได้ยืนอยู่ด้วยกันอาศัยดูแค่ข้างหลังทำให้สามารถจำคนผิดได้ง่ายๆ ปิยะวัฒน์นั้นไม่พอใจในคำตอบ ใช้มือดึงหน้ากากที่สวมอยู่ออก ก้มหน้าลงมากัดที่ริมฝีปากแพรวา อาศัยช่วงที่แพรวาเจ็บใช้ลิ้นแทรกเข้าไปในโพรงไล้เลียอย่างละเอียด แพรวาถูกบังคับให้เงยหน้า ความรู้สึกคุ้นเคยบุกเข้ายึดประสาทสัมผัสทั้งหมด ลมหายใจแพรวาหอบถี่ขึ้น ขาเริ่มอ่อน ตัวอ่อนทรงตัวไม่อยู่ ปิยะวัฒน์โอบเอวรั้งตัวแพรวาพิงตัวเองไว้ลูบไล้หยอกล้อช้าๆเมื่อจูบเสร็จแล้วขอบตาของแพรวาก็แดงเหมือนกับดอกท้อในเดือนมีนาคม ดูสวยงามและมีเสน่ห์ สายตาของปิยะวัฒน์เข้มขึ้น ใช้นิ้วหัวแม่มือกดเบาๆที่มุมปากชุ่มชื้นแดงระเรื่อ พูดเสียงแหบ “จากนี้ไปจะจำคนผิดอีกไหม” แพรวารีบส่ายหัว ปิยะวัฒน์รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก บีบแก้มของแพรวาเสียงทุ้มต่ำ “ผมจะพาคุณไปกินเค้ก” ปิยะวัฒน์ตั้งใจไปที่ห้องครัวโดยตรงเพื่อที่จะไปขอเค้กช็อกโกแลตจากเชฟที่ทำเค้กโดยเฉพาะ นั่นคือรสชาติที่แพรวาโปรดปรานมากที่สุด แพรวารู้สึกตื้นตันใจ จ้องมองไปที่เค้กยาวนานโดยไม่ขยับตัวเลย ปิยะวัฒน์คิ้วขมวดขึ้น “ทำไมหรือ ไม่ชอบหรือไง” แพรวาส่ายหัว ใช้มือยกขึ้นมา ใช้ช้อนตักขึ้นมาส่งเข้าไปในปากรสชาติหวานล้ำลืมตากว้างขึ้นแสดงออกถึงความพอใจ “อร่อยไหม” ปิยะวัฒน์ถาม แพรวาพยักหน้า “ผมขอชิมบ้าง” เขาพูดอยู่แล้วเลียเค้กที่ช้อนอันเก่าเก่าของแพรวาโดยไม่สนใจว่ากินของที่เหลือจากเธอ คิ้วขมวดมุ่นบิดปากวิจารณ์ “ไม่อร่อยเท่าที่กินเมื่อสักครู่นี้จากปากของคุณเลย” ประโยคนี้ ทำให้ใบหน้าของเธอที่ว่าหนาเริ่มรู้สึกร้อนและแดงขึ้นมา แพรวากระแอมไอเล็กน้อย รีบร้อนเอาเค้กวางลง พูดประโยหนึ่งว่า “ฉันขอไปห้องน้ำสักครู่” เธอดูเขินมากจนต้องรีบไป ที่ห้องน้ำ แพรวาโค้งตัวลงเปิดน้ำ หันหน้าเข้าหากระจก ใช้มือตบเบาๆที่แก้ม สัมผัสถึงความเย็นทำให้อาการมึนงงตาลายเธอกลับมาสุขุมเยือกเย็นเหมือนเดิม เมื่อกี้แค่อีกนิดเดียวเท่านั้นก็ เกือบจะตกหลุมพรางปิยะวัฒน์ไปทั้งอย่างนั้น ตอนที่ปิยะวัฒน์รักใครสักคนก็จะดูแลคนนั้นเหมือนอยู่บนสวรรค์ เพราะเหตุนี้ตลอดสามปีที่ผ่านมาแพรวาจึงไม่สามารถตัดใจเด็ดขาดแล้วออกมาจากเขาได้ ปิยะวัฒน์มีความอ่อนโยน ดูแลด้วยความทะนุถนอมแก่แพรวาทำให้แพรวาโลภอยากได้ความอบอุ่นนั้นมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุดจนถอนตัวไม่ได้ แต่วินาทีต่อมา แพรวาตบที่หน้าของเธอเองแล้วบอกกับตัวเองว่าอย่าโง่เลยนี่นั่นมันไม่ใช่ความรัก ไม่มีอะไรที่โหดร้ายมากไปกว่านี้ ดังนั้นแพรวาจึงพยายามควบคุมหัวใจของตัวเอง อย่าถลำลึกไปมากกว่านี้ เพราะถ้าไม่ได้มีความรัก ก็ไม่ต้องได้รับบาดแผลเพราะมัน แพรวาอยู่หน้ากระจกเป็นเวลานาน จนกระทั่งลิปบนริมฝีปากโค้งงอสวยได้รูปเหมือนก่อนกินเค้ก ถึงจัดแต่งผมอีกสักหน่อยแล้วออกมา จากห้องน้ำไปที่ดาดฟ้าตรงกลางมีราวรั้วติดอยู่ขนาบอยู่สองข้าง แพรวาเดินได้ไม่กี่เมตรก็ได้ยินเสียงคนกำลังทะเลาะกัน “ฉันไม่อยากแสดงละครเป็นสามีภรรยาที่ดูรักกันมาก ฉันทนมามากพอแล้ว ” ที่คนเรียกว่าคุณผู้หญิงนัยนิต มันจอมปลอมทั้งนั้น ยิ่งเป็นชื่อที่ถูกเรียกก็ยิ่งจอมปลอม ฉันทนไม่ไหวแล้ว” แพรวาตะลึง เสียงแบบนี้คือคุณนัยนิต เหมือนกับจะยืนยันในสิ่งที่แพรวาเดาล่วงหน้ามาก่อน วินาทีต่อมาเสียงของบริวัตรก็ดังขั้น “แสดงไม่ได้กฌต้องแสดงต่อไป นัยนิต คุณอย่าลืมนะเรื่องทั้งหมดในวันนี้ล้วนเป็นเพราะคุณสร้างมันขึ้นมาเอง การแต่งงานของพวกเรา อาการป่วยของตัวเล็กคุณคิดว่าแค่คำว่าฉันทนไม่ไหวแล้วจะทำให้หลุดพ้นไปจากเรื่องเหล่านี้หรือไง” เสียงของบริวัตรเยียบเย็นกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า แค่เป็นคนฟังที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยยังรู้สึกว่าเย็นชาไร้หัวใจมาก “ถูก คุณพูดถูก” เสียงของนัยนิตสั่นไหว ลมเย็นจากทะเลพัดตีเข้าที่ใบหน้าตอนที่แพรวากำลังลังเลว่าควรอ้อมไปอีกด้านดีหรือเปล่าก็ได้ยินเสียงพูดของผู้หญิงเบาๆ “คุณบริวัตร พวกเราหย่ากันเถอะค่ะฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ฉันขอแค่ตัวเล็ก” ทันใดนั้นสีหน้าของบริวัตรก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงเข้มเครียด เขาจับข้อมือเรียวกัดฟันเคียดแค้นพูดบอกว่า “คุณพูดอีกครั้งสิ” “จะให้พูดอีกกี่ครั้งก็เหมือนเดิม ” นัยนิตจ้องไปที่หน้าบริวัตร “ถ้าคุณคิดว่ามันจะกระทบต่อหน้าตาตระกูลขจรพงษ์สกุลของคุณ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันจะไปประกาศต่อหน้าทุกคน ว่าฉันหัวใจฉันไม่เหมือนเดิม ฉันมีคนใหม่ ยอมที่จะสละทุกอย่างแล้วออกไป” “หุบปาก” สภาพจิตใจของบริวัตรแย่จนถึงขีดสุดพูดไปด้วยลากแขนนัยนิตไปด้วย นัยนิตยืนยันใจแข็งเหมือนเหล็กจะขอยุติความสัมพันธ์ ทั้งสองคนดึงยื้อกันไปมาอยู่บนดาดฟ้า ทันใดนั้นตัวเรือโคลงไปมา แพรวารู้สึกว่าตัวโงนเงน ก่อนที่จะจับราวประครองตัวเองให้มั่นคง ค่อยได้ยินเสียงตูม เมื่อแพรวาเดินไปทางเสียงนั้น บริเวณราวเหล็กนั้นเหลือแค่บริวัตรคนเดียวชะงักค้างมองไปที่ทะเล น้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มเหมือนหมึก เธอมองเห็นผ้าสีม่วงอ่อนลางๆกำลังดิ้นรน 
已经是最新一章了
加载中