ตอนที่ 103 แกเป็นบ้าอะไร   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 103 แกเป็นบ้าอะไร
ต๭นที่ 103 แกเป็นบ้าอะไร ขวัญใจเป็นดอกไม้ดอกสำคัญของบริษัทเอฟ ซี เธออายุน้อยกว่าแพรวาสองปี ใบหน้าที่ดูเหมือนตุ๊กตา นัยน์ตากลมโต เดินบนเส้นทางไอดอล ไม่ค่อยสนิทกับแพรวาและยังไม่เข้าใจอีกด้วย เพียงแค่ฟังจากผู้ช่วยจินตราพูดถึงขวัญใจว่าที่ขวัญใจดังขนาดนี้ ก็เพราะมีความสัมพันธ์กับพนิต จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก แพรวาเองก็ไม่รู้ แต่เธอเห็นตอนที่พนิตกับขวัญใจอยู่ด้วยกัน ขวัญใจสวมเสื้อกันลมสีดำ เดินไปตามทางโดยมีชนิดาตามอยู่ด้านหลัง ในมือของชนิดาถือกระเป๋าใบใหญ่ ในอากาศหนาวแบบนี้แต่กลับมีเหงื่อออก เห็นได้ชัดเจนว่ากำลังรีบกันอยู่ ทั้งสองคนเจอกัน แพรวาโยกหัวเล็กน้อยให้ขวัญใจเป็นมารยาท เมื่อขวัญใจเห็นเธอ สายตาก็เปลี่ยนไป เธอพูดเหน็บ “รุ่นพี่แพรนี่เก่งจริงๆเลยนะคะ เอาของๆคนอื่นไปจากมือเขา หนูสงสัยจริงๆ ของที่ขโมยมา เวลาพี่ใช้ ในใจพี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ?“ แพรวาขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้ที่พี่วรนุชส่งขจีให้มาช่วยเธอ เธอรู้สึกว่ามีปัญหา ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่เธอเดามาจะถูกไม่มีผิดเลย คนที่สามารถดึงความสามารถและความนิยมของศิลปินได้ นอกจากธามแล้ว เธอก็นึกถึงใครไม่ได้อีกเลย ได้แต่ถอนหายใจในใจ ธามที่ช่วยเธอ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นศัตรูกับเธอ เพียงไม่กี่วินาที เธอก็สามารถจัดการกับสีหน้าได้ทันที พูดอย่างเกรงใจ “คุณขวัญใจเข้าใจผิดแล้วค่ะ ขจีมาเพื่อช่วยฉัน เป็นการตัดสินใจของบริษัท ฉันคิดว่าพวกคุณได้เจรจาต่อรองกันเป็นการส่วนตัวแล้ว คาดไม่ถึงว่าคุณจะไม่รู้ ” “หยุดเสแสร้งได้แล้ว เธอมันน่าขยะแขยงจริงๆ!”ขวัญใจพูดดูถูก“ความสัมพันธ์ของเธอกับประธานธาม มีใครบ้างไม่รู้เรื่องนี้ ผู้คนเขาขุดคุ้ยกันหมด ตอนนี้มาเสแสร้งแกล้งทำใสซื่อ คืนคนของฉันมา จากนั้นให้ประธานธามมาหาเรื่องฉันรึไง?” แพรวา........ เธออยากจะพูดอะไรสักประโยค สาวน้อย เธอคิดมากไปแล้วจริงๆ แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าขวัญใจมีความสัมพันธ์กับพนิตและกอบโกยผลประโยชน์ เธอไม่ต้องการฟังคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากที่พูดประโยคนั้นจบ ขวัญใจก็เดินห่างออกไป ชนิดาที่เดินตาม หันมาพูดกับแพรวา “พี่แพรวา พี่อย่าไปใส่ใจเลย” แพรวายิ้มเล็กน้อย พูดด้วยเสียงอบอุ่น “รีบไปเถอะ” ชนิดาพยักหน้า ไม่พูดอะไรต่อ รีบเดินตามขวัญใจไป เธอออกมาจากบริษัทเอฟ ซี ไม่นานนัก ปิยะวัฒน์ก็ขับรถมาถึง รถของเขาจอดอยู่ที่ด้านหน้าของตึก แค่ได้เห็นเพียงชั่วครู่แพรวาก็จำมันได้แล้ว ริมฝีปากของเธอค่อยๆยิ้มกว้าง เธอรีบข้ามถนน เดินตรงไปหาเขา เมื่อเธอขึ้นรถ คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ ปิยะวัฒน์ก็ถามขึ้น “คิดได้รึยังว่าอยากจะกินอะไร?” “อาหารทะเล” แพรวาตอบกลับโดยที่ไม่มีความลังเลใดๆ เธอคิดคำตอบได้ตั้งแต่ตอนเช้าที่ปิยะวัฒน์บอกว่าจะพาเธอไปทานอาหารแล้ว ปิยะวัฒน์ยิ้ม ตอบกลับด้วยเสียงที่อบอุ่น “อย่างนั้นเราไปทะเลกิ่งกัน” ร้านอาหารทะเลที่มีชื่อเสียงที่สุดในไห่เฉิง ก็คือ “ทะเลกิ่ง”ชื่ออาจจะฟังดูก้าวร้าว แต่สำหรับอาหารนั้นถือว่าควรค่ากับชื่อนี้มากๆ อัตราผู้คนที่ไปที่นี่สูงมากๆ จะกินที่นี่ถึงขั้นต้องต่อแถวเป็นเวลานานเลยทีเดียว แพรวาเคยแอบหนีจิตราไปกินแล้วครั้งหนึ่ง แต่หลังจากนั้นด้วยความที่คนนิยมไปกินกันมาก เธอเลยไม่ได้ไปอีกเลย “ที่ทะเลกิ่งคนเยอะมากเลยนะ ถ้ามีคนจำได้ละ ทำยังไง?” แพรวาที่ทั้งหวังและตั้งตารอนั้น ใบหน้าเริ่มหงิกงอ ประธานยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก“ไม่เป็นไรนะ ฉันจะพาเธอไปกินให้ได้ ฉันรับรอง” ปิยะวัฒน์พูดแบบนี้แล้ว แพรวาก็ไม่มีความเห็นอื่นเพิ่มเติมอีก เพราะเป็นช่วงเลิกงาน การจราจรจึงหนาแน่นเป็นพิเศษ รถเกือบ 6-7 คันที่กำลังรอสัญญาณไฟแดง เมื่อเปลี่ยนเป็นไฟสีเขียว ปิยะวัฒน์ที่กำลังขับรถอยู่นั้น จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากด้านข้าง แพรวาตกใจไปชั่วขณะ เธอบอกปิยะวัฒน์ “คุณมีสายโทรเข้าน่ะ” ปิยะวัฒน์ที่กำลังหักพวงมาลัยรถ พูดตอบกลับ “เธอช่วยรับทีสิ” แพรวาเลิกคิ้วขึ้น มองมาที่เขา ที่หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นชื่อ “นลิน”นี่เป็นครั้งแรกของแพรวาที่เห็นชื่อเล่นคนอื่นในโทรศัพท์ของปิยะวัฒน์ เธอรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย เธอกำมือแน่น แต่สุดท้ายเธอก็ต้องเป็นคนรับสายนี้ “คิดถึงหนูไหมคะ?” ปลายสายเป็นเสียงหวานๆของผู้หญิงคนหนึ่ง เธอขมวดคิ้ว กัดปากพูด“คุณเป็นใครคะ?” อีกฝ่ายอึ้งไปชั่วขณะ ไม่นานก็เริ่มโวยวาย “เธอเป็นใคร ทำไมถึงรับสายของคุณลุงปิยะวัฒน์ได้?” แพรวาเสยผมของเธอ “ฉันเป็นภรรยาของเขา แล้วคุณเป็นใครคะ?” อีกฝ่ายเงียบไปพักหนึ่ง แล้วค่อยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจเอามากๆ “บอกให้คุณลุงปิยะวัฒน์มารับสายเดี๋ยวนี้ ฉันจะคุยกับเขา!” เดิมทีแพรวาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเสียงของอีกฝ่ายฟังดูยังเป็นเด็กๆอยู่เลย เธอเองก็โตแล้ว ไม่คุ้มค่าที่จะไปทะเลาะอะไรกับเด็ก แต่เพราะน้ำเสียงที่เธอสั่งเมื่อครู่นี้ มันทำให้เธอไม่สบอารมณ์จริงๆ! “ตอนนี้เขาขับรถอยู่ ไม่สะดวกรับสาย คุณมีธุระอะไร คุยกับฉันได้นะคะ” “แกเป็นบ้าอะไรของแก!” น้ำเสียงของอีกฝ่ายที่ไม่รักษามารยาทใดๆทั้งสิ้น ทำให้รอยยิ้มของแพรวาค่อยๆจางลง เธอเม้มปากและกดตัดสายทิ้ง จากนั้นก็ทิ้งโทรศัพท์ไว้ด้านข้าง ปิยะวัฒน์ที่จดจ่ออยู่กับการขับรถ ไม่ทันได้ฟังสิ่งที่เธอพูด เมื่อเห็นเธอทิ้งโทรศัพท์อย่างนั้นก็ยิ้มและถามขึ้น “ทำไมเหรอ โมโหอะไรขนาดนั้น?” แพรวาตอบเสียงเบา“มีผู้หญิงชื่อนลินโทรหาคุณ” ปิยะวัฒน์แปลกใจ “โทรหาฉันเรื่องอะไร?” “ไม่รู้ ฉันวางไปแล้ว” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่สบอารมณ์ เห็นได้ชัดว่าเนื้อหาที่คุยคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ปิยะวัฒน์รู้ว่านลินเอาแต่ใจตัวเองมากแค่ไหน บางทีเขาอาจจะรู้แล้วว่าเพราะอะไร มือข้างหนึ่งของเขากำลังประคองพวงมาลัย ส่วนมืออีกข้างวางที่เข่าของเธอ พูดด้วยเสียงอบอุ่น“พ่อและแม่ของนลินเสียชีวิตไปแล้ว อยู่ที่บ้านก็เอาแต่ใจ เธอคงยังไม่ชินกับนลินน่ะ” ปิยะวัฒน์สามารถเกลี้ยกล่อมคนได้ดี นั่นทำให้แพรวาคลายความโมโหลงได้บ้าง เธอค่อยๆสงบสติอารมณ์และถามขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครคะ?” “ลูกสาวของพี่สาวฐานิต ทั้งคู่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกเมื่อ 2-3 ปีก่อน เด็กคนนี้เลยอยู่ในความดูแลของตระกูลคานเขตและตระกูลหันมณี เมื่อหลายวันก่อนนลินทะเลาะกับคนตระกูลคานเขต เรื่องที่แอบหนีกลับมาคนเดียว ตอนที่ฉันอยู่ที่ฮ่องกงแล้วถูกสื่อถ่ายภาพอยู่กับคนอื่นก็คือนลินนี่แหละ” ปิยะวัฒน์ขับรถพลางอธิบาย “ไม่กี่ปีมานี้ นลินเอาแต่ใจจนเคยตัว บางครั้งก็พูดจาไม่น่ารัก แต่เด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กไม่ดีหรอกนะ” แพรวายิ้มมุมปาก “ฟังดูเหมือนฉันเป็นคนไม่มีเหตุผลอย่างไรอย่างนั้น” “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ปิยะวัฒน์ทำอะไรไม่ถูก “อย่างน้อยๆเธอดูที่หน้าฉันและก็ขยับเธอดูสิ” “โอเคๆ เข้าใจแล้ว” แพรวาเบ้ปาก“ฉันไม่สนใจเรื่องเด็กๆหรอกหน่า” ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง แพรวาหันไปดู ยังคงเป็นสายของเด็กผู้หญิงที่ชื่อนลินนั่น ครั้งนี้เธอไม่ได้เป็นคนรับสาย เธอเปิดแฮนด์ฟรีให้ปิยะวัฒน์ได้ยินโดยตรง ปิยะวัฒน์เห็นท่าทางของแพรวาก็ยิ้มออกมา เขาพูดเสียงเรียบ“นลิน มีธุระอะไรกับฉัน?” “คุณลุงปิยะวัฒน์คะ เมื่อกี้ป้าคนนั้นวางสายใส่หนู หนูแค่พูดว่าอยากคุยกับคุณลุงเอง ทำไมต้องโมโหขนาดนั้นด้วย นิสัยไม่ดีเกินไปแล้วนะคะ ” 
已经是最新一章了
加载中