ตอนที่ 106 แม้แต่เรื่องนี้เขาก็พูดกับเธอ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 106 แม้แต่เรื่องนี้เขาก็พูดกับเธอ
ต๭นที่ 106 แม้แต่เรื่องนี้เขาก็พูดกับเธอ “คุณลุงปิไม่มีทางรักคนอื่นแน่ คนที่เขารักคือคุณน้าของฉัน เธอต้องตรอมใจ รอคุณน้ากลับมาก่อน คุณลุงต้องทิ้งเธอไปแน่นอน รู้จักกันนิดหน่อยแล้ว ฉายเดี่ยวคนเดียว พอถึงเวลาเสียหน้าก็ไม่มีหน้าจะให้เสียแล้วนะ” ถ้าเป็นคนทั่วไปมาได้ยินประโยคนี้ก็คงโกรธไปนานแล้ว แต่นี่คือแพรวาที่เป็นคนแบบนี้ เธออยู่ในวงการมาหลายปีแล้ว จะไม่เคยเจอคนแบบไหนอีก คำพูดพวกนี้ของนลินยังทำร้ายเธอได้ไม่ถึงครึ่งหรอก เธอยิ้มและยักคิ้วเล็กน้อย “แต่จะทำยังไงล่ะ เขารักคุณน้าเธอขนาดนั้น แต่ยังไงคนสุดท้ายก็คือฉันอยู่ดี แม้ว่าคุณน้าเธอจะกลับมาแต่ก็เป็นคนนอกระหว่างเรา” “เธอน่ะสิคนนอก!” นลิน ใบหน้าแดงกำเอ่ยปากเถียงคอเป็นเอ็น “ในความสัมพันธ์คนที่ไม่ถูกรักก็คือคนที่สาม ลุงปิยะวัฒน์ไม่ได้รักเธอจริงอยู่แล้ว เธอนั่นแหละที่เป็นส่วนเกิน!” “สาวน้อย ไม่มีอะไรก็ไปดูทีวีเถอะนะ” แพรวาหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปลายนิ้วเบาๆ และพูดด้วยท่าทีสงบนิ่งว่า “การแต่งงานคือความรู้สึกมั่นคงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผู้ชายสามารถให้กับผู้หญิงได้ ถ้าเขารักน้าของเธอแล้วทำไมหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่แต่งงานกับเธอล่ะ” เธอนิ่งไปสักครู่แล้วจึงพูดต่อว่า “แน่นอนถ้าในอนาคตมีวันหนึ่ง น้าเธอกลับมาและเขาอยากหย่ากับฉัน ฉันก็ยินดีที่จะเซ็นให้ ถึงยังไงก็มีการรับประกันการแต่งงานแม้ว่าจะถึงเวลาหย่าก็ตามทรัพย์สินจะถูกแบ่งออกเป็นของฉันครึ่งหนึ่ง แต่ฉันเชื่อเพราะบริษัทเขาไม่หย่ากับฉันแน่นอน เขาไม่หย่า ฉันก็ได้เป็นคุณนายตระกูลกปิตถา และคุณน้าของเธอก็เป็นแค่คนนอกเหมือนที่ฉันพูดนั่นแหละ” ยังไงนลินก็เป็นแค่สาวน้อยสิบหกสิบเจ็ด ยังไม่ใช้คู่ต่อสู้สงครามประสาทกับแพรวา ถูกแพรวาพูดใส่ไม่กี่ครั้งก็โกรธแล้ว “เธอแต่งงานกับลุงปิยะวัฒน์ เพราะเห็นแกเงินของเขาน่ะสิ เธอไม่กลัวฉันบันทึกเสียง แล้วเอาเรื่องนี้ไปให้เล่าให้ลุงปิยะวัฒน์ฟังรึไง” แพรวายักไหล่และพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า“แล้วแต่เลยแต่ฉันว่า เขาต้องเห็นด้วยกับความคิดฉันแน่” ขณะที่พูดอยู่ ปิยะวัฒน์ก็เข้ามาพอดี เห็นท่าทางของทั้งคู่ก็มองอย่างตกใจ และเดินตรงมานั่งข้างแพรวาแล้วพูดนิ่งๆว่า “พวกเธอคุยอะไรกันอยู่น่ะ” แพรวายังไม่ทันได้อ้าปากพูดนลินก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “หนูถามคุณน้าแพรวาเรื่องวิธีลดน้ำหนักของพวกดารานะคะ ปีนี้หนูก็ไม่เด็กแล้ว ก็เลยอยากลดความอ้วนนะคะ” แพรวามองเล็กน้อยและยิ้มบางๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอมองออกว่าเด็กคนนี้มักจะเสแสร้งเสมอเมื่อยู่ต่อหน้าปิยะวัฒน์ อาจจะเป็นแค่วิธีต่อต้านคนแปลกหน้าของเธอ แต่ในสายตาของแพรวาเธอไม่ชอบเด็กนิสัยแบบนี้จริงๆ ใครไม่เคยมีช่วงเวลาตอนวัยรุ่นบ้างล่ะ แต่ตอนเด็กๆเรื่องโกหกเธอก็ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาเพียงเพราะต้องการประท้วง ปิยะวัฒน์ย่นคิ้ว “ช่วงเด็กๆเป็นวัยกำลังโต จะลดน้ำหนักทำไม” “ทราบแล้วค่ะ” นลินพูดเสียงเบาว่า “ไม่ถามแล้วก็ได้ค่ะ” พูดไปก็มองแพรวาไปอย่างภาคภูมิใจ แพรวาแอบหัวเราะอยู่ในใจ ปากก็พูดอย่างตั้งใจว่า “ฉันก็พึ่งจะแนะนำเธอไป บอกว่าคุณลุงปิยะวัฒน์ชอบเด็กสาวอวบๆ เธอก็ไม่เชื่อ คุณพูดกับเธอเองสิ” ฝ่ามือใหญ่ของท่านประธานแกว่งถ้วยชาในมือไปมา เขากระตุกมุมปาก สบตามองแพรวา ราวกับแพรวาไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป จึงพูดต่อว่า “คุณว่าใช่ไม่ใช่ล่ะ” วิถีชีวิตเมืองนอก นลินใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนมาหลายปี ไม่รู้เลยแต่ตอนนี้รู้แล้ว แพรวาพูดแบบนี้แล้ว ราวกับว่าเธอเข้าใจในทันที ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดงกำ ไม่สามารถบอกได้ว่าโกรธหรือเขิน ท่านประธานแสดงอาการเพียงชั่วครู่จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ เขาค่อยๆวางแก้วลง และดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดซอสที่มุมปากของเธอ พูดเสียงปกติว่า “อย่าพาเด็กเสียสิ” น้ำเสียงของเขา แม้จะเรียบเฉยแต่ก็แฝงด้วยความอ่อนโยน นลินตกใจเล็กน้อย สายตาเปลี่ยนเป็นสับสนเล็กน้อยแฝงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ นอกจากคุณน้าของเธอแล้ว เธอก็ได้เห็นปิยะวัฒน์อ่อนโยนกับผู้หญิงคนอื่นขนาดนี้เป็นครั้งแรก เธอมองใบหน้าสวยของแพรวา มั่นใจเลยว่าปิยะวัฒน์จะต้องสับสนเพราะใบหน้านี้แน่นอน แม้ว่าเธอจะมองในมุมมองของผู้หญิง ก็ยังต้องยอมรับความสวยของแพรวา ที่ไล่เลี่ยกันกับคุณน้าของเธอ หรือพูดได้ว่าถ้ามองผิวเผินก็สวยกว่าน้าเธอเล็กน้อย เธอกำมือแน่น จ้องแพรวาตาเขม่นปล่อยไอเย็นมากขึ้น หลังจากทานอาหารเสร็จทั้งสามคนก็ลงไปชั้นล่างเพื่อบอกลาฐานทัต “เธอจะกลับไปที่บริษัทหรือกลับไปบ้าน” ตอนที่รอนลินเล่นกับฐานทัต ปิยะวัฒน์ก็กระซิบถามเธอ แพรวาสวมหน้ากาก ปล่อยผมลง ตาเป็นประกายถอนหายใจและพูดว่า “กลับบริษัท บริษัทพึ่งจัดผู้จัดการคนใหม่ให้ฉัน ยังมีบางอย่างต้องจัดการ” เธอนิ่งไปสักครู่แล้วพูดต่อว่า “ ฉันจะนั่งรถกลับไปเอง บริษัทคุณไม่ได้อยู่ทางเดียวกับฉัน ไปมาลำบากคุณไปส่งนลินเถอะฉันไปคนเดียวได้” ปิยะวัฒน์ขมวดคิ้วอย่างไม่วางใจ เขาหันไปพูดกับฐานทัตว่า “เจ้าห้าเดี๋ยวสักพักนายไปส่งนลินกลับตระกูลคานเขต ฉันจะไปส่งพี่สะใภ้นายไปทำงาน” “วางใจได้เลยพี่ใหญ่ พอคุณนายคานเขตเห็นผม ผมก็จะแนะนำตัวแฟนของผม เดี๋ยวผมจะไปแล้วคาดว่าคืนนี้จะไม่กลับมาแล้ว ” ฐานทัตแสดงออกเกินจริง แต่ดูท่าทางแล้วเหมือนกับถูกทำให้ตกใจจริงๆ “ไม่งั้นให้ผมไปส่งพี่สะใภ้แล้วพี่ก็ไปส่งนลินไหมล่ะ” ปิยะวัฒน์ไม่พูดอะไร แพรวาเลยพูดเสียงอบอุ่นว่า “รบกวนนายน่ะสิ” เมื่อได้พูดไปแล้ว ปิยะวัฒน์ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ก่อนที่จะแยกกันก็ดึงแพรวาเข้ามาจูบบนหน้าผากเธอเบาๆเล็กน้อยและกระซิบว่า “พบกันตอนกลางคืน” แพรวายิ้มเล็กน้อย “แล้วพบกันค่ะคุณสามี” เมื่อปิยะวัฒน์ขึ้นรถไปแล้ว แพรวาก็กดกระจกขึ้น รถค่อยๆสตาร์ทขึ้น รถทั้งสองคันแยกกัน แพรวาเอนหลังพิงเบาะ ดวงตาปิดลงแสดงท่าทีสงบและขี้เกียจ ฐานทัตเป็นคนร่าเริงและนิสัยของแพรวายิ่งเข้ากันได้ดีกับเขา ตลอดทางจึงมีคำพูดของเขาค่อนข้างมาก “พี่สะใภ้ พี่กับพี่ใหญ่รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ มันเงียบมากเลยแม้กระทั่งพี่น้องอย่างผมก็พึ่งจะรู้ไม่นานมานี้ปิดกันเก่งจริงๆเลย” แพรวาหัวเราะและพูดติดตลกว่า “ทำไมไม่ไปถามเขาหล่ะ” ฐานทัตเบ้ปาก “ปากเขาน่ะอย่างกับแม็กเย็บกระดาษ ผมถามออกมาเขาก็ควรเรียกผมว่าพี่ใหญ่แล้ว” “รู้จักได้สองสามปีแล้ว แต่ไม่ได้สนิทขนาดนี้” ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากบนเตียง ไม่ได้มีอะไรให้พูดถึงมากนัก แพรวาจึงพูดออกไปไม่มากนัก “งั้นพี่ใหญ่ไม่เคยพูดถึงเรื่องในอดีตกับพี่เหรอ” แพรวากระพริบตาเล็กน้อย พูดเสียงต่ำว่า “นายพูดถึงเรื่องน้าของนลินเหรอ เขาก็พูดถึงนะ” ฐานทัตพูดอย่างตกใจว่า “แม้แต่เรื่องนี้เขาก็พูดกับพี่เหรอ” 
已经是最新一章了
加载中