ตอนที่ 137 คุณเป็นคนที่สองที่สามารถทำให้เขาเชิญให้ฉันออกแบบเสื้อ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 137 คุณเป็นคนที่สองที่สามารถทำให้เขาเชิญให้ฉันออกแบบเสื้อ
ต๭นที่ 137 คุณเป็นคนที่สองที่สามารถทำให้เขาเชิญให้ฉันออกแบบเสื้อ ฉากตอนท้าย แพรวารู้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ซู่หยูนมีสติไม่ดีเพราะประสบพบเจอกับเหตุการณ์เลวร้าย จนไม่สามารถพูดคุยกับคนอื่นได้ บุริศร์จ้างหว่านให้คนช่วยสืบหานักเลงไม่กี่คนที่ข่มเหงซู่หยูน โดยการใช้วิธีที่ผิดกฎหมายจัดการพวกเขา จากนั้นก็ไปมอบตัวที่สถานีตำรวจ เขามอบตัวและขอร้องให้ทางตำรวจดำเนินคดีเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนที่เขาหลบหนีคดี ฉากตอนจบคือ ฉากที่ซู่หยูนนั่งอยู่ในสวนสาธารณะในโรงพยาบาล เธอนั่งบนเก้าอี้ลาก สวมชุดผู้ป่วย และบริเวณรอบข้างมีเสียงดังเอะอะโวยวาย ขณะที่ท้องฟ้าแจ่มใส แต่หัวใจของเธอเย็นชาเหมือนกับน้ำแข็ง ในมือของเธอจับจดหมายฉบับหนึ่ง เป็นสิ่งของชิ้นสุดท้ายที่บุริศร์มอบให้เธอ เขาไม่ได้เรียนหนังสือมาหลายปี เลยเขียนหนังสือไม่สวยมากนัก แต่มีความตั้งใจในการเขียนแต่ละคำแต่ละตัวอักษร บนจดหมายเขียนไว้ว่า :หากชาติหน้ามีอยู่จริง เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำให้เธอน้ำตาไหลเหมือนดั่งสายฝน เหตุผลที่ผมปฏิเสธคุณไม่ใช่เพราะไม่รักคุณ แต่เพราะผมไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ บุริศร์ใช้วิธีการของตัวเองบรรยายความรักของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะเป็นพฤติกรรมไม่ดี สำหรับแพรวาแล้ว บทบาทตัวละครทุกตัวเหมือนกับได้ผ่านประสบการณ์ชีวิตของอีกคน จากเติบโตจนถึงตาย วิธีการที่ซู่หยูนแสดงความรักเหมือนกับเธอเลย พวกเธอจะใช้ดินสอวาดรูปภาพใบหน้าของคนที่ตัวเองรักไว้ แต่สิ่งที่น่าขันก็คือ มีเพียงเธอที่ลืมหมดแล้ว แต่เธอเป็นคนประเภทไร้เดียงสามาตั้งแต่เด็ก "ไม่ดีหรอ?" จู่ๆเสียงของธนชัยก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง แพรวาหันหน้ายิ้มแย้ม และส่ายหน้า "เปล่าค่ะ ดีมากเลย แต่เพราะมันดีมาก พอนึกถึงฉากตอนจบเลยทำใจทนดูต่อไม่ไหว" "โศกเศร้าหรือเปล่าให้ผู้รับชมวิเคราะห์ นักแสดงไม่ต้องรู้สึกโศกเศร้าก็ได้" ธนชัยพิงข้างหน้าต่าง และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "เพราะพวกเรารู้ดีว่าความรักของพวกเขาที่มีต่อกันลึกซึ้งมาก ต่อให้ขืนข่มบาดใจ แต่ก็มีความสุข" "บางทีนะ" แพรวายิ้มจางๆ "แต่ถ้าหากเป็นฉันคงยอมรับไม่ได้ และคงเคียดแค้นมาก ความรักแบบนี้ไม่ต้องมีก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย" "มีคำแนะนำอะไรไหม?" ธนชัยยิ้มและถามขึ้น แพรวายักไหล่ "ฉันคิดว่ามันดีเพียงพอแล้ว แล้ววางแผนเข้าฉายเมื่อไหร่?" "คงต้องตรวจสอบอีกสักหน่อย และต้องโปรโมทด้วย คิดว่าคงทันปีใหม่นี้" "ปีใหม่ดูหนังเศร้าหรอ?" แพรวาขมวดคิ้ว ธนชัยยิ้มแย้ม "หนังวรรณกรรมไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ยังไงก็สู้หนังตลกไม่ได้ หนังภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำหลังจากกลับประเทศ ผมไม่ได้หวังต้องการทำรายได้ แค่ต้องการกำไรเพียงพอกับต้นทุนก็ได้แล้ว" "คุณนี่ใจกว้างจริงๆ คุณไม่กลัวว่าท่านประธานธามจะไม่พอใจที่คุณไม่ทำกำไรให้กับบริษัทหรอ?" ธนชัยหยอกล้อว่า "ถึงตอนนั้นผมขอรบกวนคุณช่วยพูดหวาดล้อมท่านประธานธามให้ผมหน่อย" "ไม่มีปัญหา" แพรวมายิ้มแย้ม แล้วก้มหน้าลงมองเวลา "ฉันยังมีธุระ นัดกันใหม่ครั้งหน้านะ" ธนชัยพยักหน้า "เดี่ยวผมไปส่งคุณ" แพรวาโบกมือ "ไม่ต้องหรอกค่ะ คนขับรถรออยู่ข้างล่างอยู่แล้ว" ธนชัยหยุดฝีเท้าลง แพรวาไม่อยากให้ความหวังเขา ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงต้องหยุดไว้เพียงแค่นี้ เขายังมีอนาคตที่สดใสรออยู่ เมื่อถึงเชียนลี่ ซู่ชิงหยูนยังไม่มาถึง ลูกศิษย์ของเธอพาเธอไปที่ห้องทำงานของซู่ชิงหยูน จากนั้นก็เดินจากไปเลย นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่แพรวามาที่นี่ แต่ครั้งที่แล้วตอนมาที่นี่รู้สึกหวาดระเเวง แต่ครั้งนี้ผ่อนคลายขึ้นมาก็แล้ว ห้องทำงานของซู่ชิงหยูนกับของเธอมีรูปแบบเหมือนกัน เรียบง่าย ทั่วทั้งห้องทำงานเป็นสีน้ำเงิน ผู้หญิงมักจะชอบสไตล์แบบนี้ค่อนข้างมีน้อย บางทีอาจจะเป็นความแตกต่างระหว่างนักออกแบบกับคนปกติ บนชั้นวางหนังสือข้างหลังโซฟามีนิตยสารเยอะแยะมาก แพรวาวางแก้วน้ำลง และเดินไปค้นหนังสือมาอ่าน หลังจากค้นได้สักพัก เธอก็พบว่านี้ไม่ใช่นิตยสารแฟชั่น แต่เป็นนิตยสารรายปักษ์ของเมืองเชียนลี่ เชียนลี่จ้างนักออกแบบที่มีชื่อเสียงมากมาย โดยที่ทุกเดือนจะให้พวกเขาสลับหมุนเวียนกันรับผิดชอบ เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน การออกแบบก็เพื่อพิจารณานักออกแบบที่ดีที่สุดประจำปี อีกอย่างคือเพื่อกระตุ้นให้เด็กรุ่นใหม่ของเมืองเชียนลี่ศึกษา นักออกแบบของเมืองเชียนลี่หลายคนล้วนได้รับรางวัลบนเวทีการประกวดระดับนานาชาติมาแล้ว ดังนั้นความสามารถไม่ต้องพูดถึง นิตยสารรายปักษ์ของทุกสัปดาห์ล้วนสวยมาก เธอยังพบว่า ซู่ชิงหยูนหัวหน้ากองบรรณาธิการมีนักออกแบบในดวงใจอยู่คนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นมีหน้าตาสวย และมีท่าทางอ่อนโยนเรียบร้อย "คุณทำอะไรอยู่?" เสียงดังใสกังวานดังขึ้นมากข้างหลัง แพรวาสะดุ้งตกใจ และรีบปิดนิตยสารรายปักษ์ "ขอโทษ ฉันเบื่อนิดหน่อย เลยอยากอ่านนิตยสารแก้เบื่อ" ขณะที่เธอพูดก็ถือนิตยสารวางลงบนชั้นวางหนังสือตรงที่เดิม ซู่ชิงหยูนสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้ม และกางเกงขาบาน พร้อมสวมส้นสูงขนาดสิบกว่าเซนติเมตร ส่วนทรงผมรวบตึง บนใบหน้าแต่งหน้าอ่อนๆโชว์ผิวสวยของตัวเอง เธอจ้องทองแพรวา และไม่พูดอะไร พร้อมเดินเข้าไป จากนั้นเธอก็เดินเปิดลิ้นชักโต๊ะแต่งหน้าและหยิบเทปวัดสัดส่วนร่างกายออกมา พร้อมพูดว่า "ถอดเสื้อคลุมออก" แพรวาตอบรับ และเดินเข้าไป พร้อมถอดเสื้อคลุมใหญ่ออก ซู่ชิงหยูนมีท่าทางคล่องแคล่ว ไม่นานก็วัดขนาดสัดส่วนของร่างกายเสร็จ จากนั้นก็หยิบดินสอบันทึกข้อมูลบนกระดาษ ข้อมูลเยอะขนาดนี้แต่สามารถจดจำได้ทุกคน แพรวว่ารู้สึกนับถือเธอจริงๆ "คุณเป็นคนที่สองที่สามารถทำให้เขาเชิญให้ฉันออกแบบเสื้อ" ขณะที่ซู่ชิงหยูนจดบันทึกข้อมูล จู่ๆก็พูดประโยคนี้ขึ้นมา แพรวาสะดุ้งตกใจ และยิ้มแย้ม "คนแรกคือพี่ซู่หรือเปล่าค่ะ?" ซู่ชิงหยูนขมวดคิ้ว "เธอรู้จักด้วยหรอ?" "เป็นดังที่คาดคิดไว้..." แพรวายิ้มแย้ม เธอสามารถคาดเดาถูกต้องจากการวิเคราะห์ท่าทางของเธอ ซู่ชิงหยูนนิ่งอึ้ง และปรับสีหน้ามาเป็นปกติ จู่ๆหน้าประตูก็มีเสียงดังขึ้น "พี่ช่วยฉันออกความคิดเห็นหน่อย วันเกิดคุณลุงปิยะวัฒน์ ฉัน..." เสียงของฝ่ายตรงข้ามสะดุ้งเงียบไป เมื่อเห็นแพรวาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที พร้อมปรับโทนเสียงสูงขึ้นมาด้วย "เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" แพรวาโบกมือทักทายเธอ "เจอกันอีกแล้วนะคะน้อง" ซือทู่หลินจ้องมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ "พี่ ทำไมพี่ถึงรับงานออกแบบเสื้อให้เธอด้วย พี่รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร เธอกับลุงปิยะวัฒน์..." "เธอมาทำอะไรที่นี้?" ซู่ชิงหยูนกวาดตามองเธอ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อซือทู่หลินได้ยินความโมโหก็ผ่อนเบาลง ถึงแม้ว่าดวงตาจะเผยแววตาไม่ยินยอม แต่เสียงก็อ่อนโยนขึ้นมาก "วันนี้ไม่ใช่ว่าเป็นวันสุดสัปดาห์หรอกหรอ อีกสองสัปดาห์ก็จะถึงวันเกิดของคุณลุงปิยะวัฒน์แล้ว พี่ช่วยออกแบบตัดเสื้อผ้าให้น้องหน่อย น้องอยากสวมใส่ในวันงานเลี้ยงวันเกิดของคุณลุงปิยะวัฒน์" "ในตู้เสื้อผ้าของเธอมีเยอะมากขนาดนั้น ยังต้องการอะไรอีก?" ซือทู่หลินเบ้ปาก โดยไม่กล้าโต้เถียง แพรวามองออกว่าเธอกลัวซู่ชิงหยูน ถึงแม้ว่าจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แต่ซู่ชิงหยูนก็ยังหยิบเทปวัดสัดส่วนร่างกายของเธอ หลังจากจดบันทึกเสร็จก็กระดาษจดบันทึกของทั้งสองคนเดินจากไป "คุณมาที่นี้ทำไม?" เมื่อซู่ชิงหยูนจากไป น้ำเสียงของซือทู่หลินก็ไม่เกรงใจทันที
已经是最新一章了
加载中