ตอนที่ 149 อายุสิบเจ็ดปีก็สามารถตัดสินประหารได้นะ
1/
ตอนที่ 149 อายุสิบเจ็ดปีก็สามารถตัดสินประหารได้นะ
Borrow ขอยืมหัวใจนายได้ไหม
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 149 อายุสิบเจ็ดปีก็สามารถตัดสินประหารได้นะ
ตนที่ 149 อายุสิบเจ็ดปีก็สามารถตัดสินประหารได้นะ คำว่านักแสดง ในสมัยก่อนเป็นคำเรียกเหยียดหยามคน หากพูดตามหลักของลัทธิทั้งสามแล้ว เป็นชนชั้นต่ำที่สุดของการทำงาน หรือที่สมัยก่อนเรียกกันว่าโสเภนี แพรวาไม่ใช่คนใจกว้างอะไรมาก และเป็นคนไม่ยอมคนด้วย เธอจะไม่สนใจคำพูดเหยียดหยามก็ได้ แต่เธอกลับถือสาคนอื่นพูดว่าเธอเป็น"นักแสดง"สองพยางค์นี้ เห็นได้ชัดว่า นลินได้ล้ำเส้นของแพรวาแล้ว สีหน้าบนใบหน้าของเธอมืดครึ้ม และแววตาอันแหลมคมจ้องมองที่นลิน "น้องซือทู่ อบรมสั่งสอน ประโยคนี้เขียนยังไงหรอ?" ซือทู่สะดุ้ง และเผยสีหน้าหม่นหมอง "คุณว่าใครไม่มีการอบรมสั่งสอน?" แพรวาฉีกปากยิ้ม "ทำไมคุณต้องร้อนตัวด้วยหรอ?" ซือทู่เผยสีหน้าแดงก่ำพร้อมจ้องมองแพรวาด้วยแววตาเกลียดชัง "คนเลวทรามต่ำช้ามีคุณสมบัติอะไรมาพูดถึงฉัน! เธอก็เป็นแค่นักแสดงที่เก็บเงินมาจากการเสแสร้งแกล้งทำในทีวีเท่านั้น อ๋อ ไม่ใช่สิ ตอนนี้คุณไม่เพียงขายรอยยิ้ม แต่ขายตัวด้วย เธอคิดว่าตัวเองกับ––" "หุบปาก!" ยิ่งเธอพูดก็ยิ่งขัดหู บริเวณด้านข้างถูกเธอดึงดูด ปิยะวัฒน์เผยสีหน้ามืดครึ้ม พร้อมตำหนิเธอ "อายุน้อย แต่ปากเคราะห์ร้ายมาก หลายปีมานี้ตอนอยู่ตระกูลหันมณี พวกเขาสั่งสอนพวกนี้หรอ?" ซือทู่เผยสีหน้าไม่ศิโรราบ แต่ปิยะวัฒน์กลับเผยสีหน้าเย็นชา เธอสัมผัสถึงความเคืองโกรธบนตัวเขาอบอวลออกมา จนทำให้เธอขนลุกขนพอง และตัวสั่นเทาอย่างไม่รู้สึกตัว และดวงตาก็แดงก่ำ ซู่อันเหยียนก้าวเดินมาข้างหน้า และบังเบื้องหน้าของซือทู่ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "นลินไม่มีพ่อแม่มาตั้งแต่ยังเด็ก เลยอาจมีนิสัยก้าวร้าว เหมือนกับตอนที่เผชิญหน้ากับสิ่งอันตรายก็พร้อมลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองเท่านั้น แต่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี" เธอหยุดค้างชั่วขณะ และเคลื่อนสายตามองบนตัวแพรวา และพูดว่า "น้องแพรวา อยากเอาเรื่องกับเด็กเลยนะคะ" ผู้หญิงคนนี้ช่างพูดเก่งเสียจริง สามารถโยนความผิดลงบนตัวเธอได้ บอกว่าเธอลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองตอนเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันตราย เช่นนี้ก็หมายความว่าแพรวาเป็นคนก่อเรื่องก่อนหรอ? แพรวายิ้มแล้วพูดว่า "อายุสิบเจ็ดปีสามารถรับโทษประหารแล้วนะคะ ฉันคิดว่าพี่ซู่ควรขอบคุณท่านประธานปิยะวัฒน์นะคะ เด็กที่ถูกอบรมสั่งสอนไม่ดี โตขึ้นมาก็คงเป็นเหมือนผู้ใหญ่ที่เลี้ยงดู พี่ซู่รักจนไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ ในอนาคตจะทำร้ายเธอได้นะคะ ส่วนฉันไม่เอาเรื่องเด็กอยู่แล้ว เพราะเธอที่ขาดการอบรมสั่งสอนไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉันอยู่แล้ว จริงไหม ท่านประธานปิยะวัฒน์?" ซู่อันเหยียนสะดุ้ง ดูเหมือนคิดไม่ถึงว่าแพรวาจะสู้คน เธอยืมใช้วิธีการของซู่อันเหยียนเมื่อสักครู่ โดยการพูดอย่างใจกว้าง และน้ำเสียงหนักแน่น ในฐานะของผู้ไกล่เกลี้ย ผู้หญิงหน้าไม่อายคิดไม่ถึงจะทำให้คนรู้สึกตะลึง ซู่อันเหยียนทำอะไรไม่ถูก เลยพูดว่า "ปิยะวัฒน์..." แพรวากระพริบตาเพื่อแสดงให้รู้ว่าพร้อมสู้ ปิยะวัฒน์กวาดตามองซื่อทู่แวบหนึ่ง ไม่นานก็พูดว่า "สิ่งที่เธอพูดถูกต้องแล้ว นลินควรได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดี" ใบหน้าของซื่อทู่เผยสีหน้ามืดครึ้ม ซู่อันเหยียนเม้มปากไว้ และค่อยๆผ่อนคลายสีหน้าตกใจเมื่อสักครู่ เธอลากนลิน และก้มหน้าลงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า "เดี่ยวฉันจะกล่าวขอโทษต่อน้องแพรวาแทนนลินเอง" แพรวายื่นมือสกัดกั้นซู่อันเหยียนที่กำลังจะโค้งคำนับ และพูดว่า "พี่ซู่ ฉันบอกแล้วไงว่า ไม่เอาเรื่องกับเด็ก แล้วที่คุณทำให้ใครดูหรอ?" ประโยคสุดท้าย เสียงของเธอทุ่มต่ำ มีเพียงพวกเธอสองคนได้ยินเพียงเท่านั้น ซู่อันเหยียนเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง และยิ้มหยาดเยิ้มมาก เธอเป็นคนสวยจริงๆ มิน่าในตอนนั้นท่านประธานใหญ่ถึงยอมฝึกเผาปลา ในเมื่อไม่เอาเรื่องกับเด็กแล้ว ทำไมต้องกดดันกันขนาดนี้ด้วยล่ะ แพรวายิ้มและพูดว่า "ฉันพอใจ" ทำไมหรอ? ไม่พอใจก็มาสู้กัน! ซู่อันเหยียนเผยแววตามืดครึ้ม และมองประเมินแพรวาตั้งแต่หัวจรดเท้า สุดท้ายสายตาก็ทอดวางตรงที่สร้อยคอเส้นนั้น เธอสะดุ้งเล็กน้อย "สร้อยคอเส้นนี้ของน้องแพรวาสวยดีนะคะ" เธอยิ้มเล็กน้อย และเผยท่าทางสุภาพแฝงนัย ทำให้คนดูเจตนาออกยาก มือของแพรวาที่หยิบเค้กหยุดค้าง และเม้มปากไม่พูดอะไร ลางสังหรณ์บอกเธอว่า คำพูดของซู่อันเหยียนมีความผิดปกติ เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ เธออมยิ้ม และพูดด้วยโทนเสียงต่ำ "ตอนที่ฉันขึ้นเวลาแสดงเป็นครั้งแรก มีเพื่อนคนหนึ่งมอบสร้อยคอคริสตอลเส้นนี้ให้ฉัน เป็นสร้อยจากบริษัทสวารอฟสกี้ เหมือนกับสร้อยของน้องแพรวามากเลยค่ะ" ทันใดนั้น แพรวาก็หมดอารมณ์จะกิน สร้อยคอบนคอเหมือนกับเตารีดไฟแรงที่ร้อนจนทำให้เธอเริ่มปวดร้อน ทันใดนั้น ปิยะวัฒน์ก็ยื่นมือหยิบถาดในมือของเธอไป บนใบหน้าของเขาสงบนิ่งมากเหมือนปกติ แต่น้ำเสียงแฝงด้วยความเคร่งขรึม "ไม่ต้องกินแล้ว กินเยอะเกินไป เดี่ยวทรมานกระเพาะ" แพรวามองเขาแวบหนึ่ง โดยไม่พูดไม่จา ตอนนี้ไม่เพียงแต่เธอปวดกระเพาะ แต่ร่างกายของเธอก็ปวดร้าวเหมือนกัน แพรวาหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดขอบริมฝีปาก และพูดว่า "ฉันขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน พวกคุณคุยกันก่อนเลย" หลังจากที่เธอพูดจบ ไม่รอให้ปิยะวัฒน์เอ่ยปากก็เดินจากไปแล้ว สายตาปิยะวัฒน์มองทอดไปยังร่างเงาของเธอจนไม่อยู่ในสายตา ถึงจะดึงสายตากลับมา "ภรรยาของคุณ ดูเหมือนจะเป็นคนที่เข้าหายากนะ" ซู่อันยิ้มจางๆ และพูดวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา "ก็ไม่นะ" ปิยะวัฒน์ตอบกลับอย่างง่ายๆ และพูดต่อว่า "คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?" "เพิ่งมาถึงวันนี้" ซู่อันเหยียนยิ้มแย้ม "นลินไปรับฉัน" จู่ๆเธอก็คิดอะไรบางอย่างออก และยกถุงในมือขึ้นมา ข้างในมีกล่องที่ห่ออย่างประณีตอยู่กล่องหนึ่ง ยื่นให้กับปิยะวัฒน์ "ของขวัญวันเกิดมอบให้คุณ" ปิยะวัฒน์ยื่นมือรับและไม่ได้มองดู แต่โยนใส่หน้าอกของจรณ์ "ให้คนลงทะเบียน" จรณ์เพิ่งเข้ามายังไม่ทันรับรู้สถานการณ์เลย เมื่อได้ยินปิยะวัฒน์สั่งการก็รีบตอบรับ และถือกล่องเดินจากไป รอยยิ้มของซู่อันเหยียนจางลงเล็กน้อย ท่าทีที่ปิยะวัฒน์ปฏิบัติต่อเธอดูห่างเหินมาก จนเธอมองไม่เห็นปิยะวัฒน์คนเดิมในตอนนั้นเลย เขาในตอนนี้มีท่าทางสง่าผ่าเผย ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าครั้งก่อน นับว่าเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบมาก นิสัยของเขาสุขุมเยือกเย็นกว่าเดิม ไม่เพียงแค่ตอนที่เธอเพิ่งเห็นครั้งแรก แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังมองไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไร "ปิยะวัฒน์ คุณยังต้องเกรงใจอะไรกับฉันอีก?" ซู่อันเหยียนพูดเบาๆขึ้น ในน้ำเสียงแฝงด้วยความผิดหวังเล็กน้อย ดูเหมือนปิยะวัฒน์จะไม่ได้ยินประโยคนี้ของเธอ เขาพูดกับจรณ์ว่า "จรณ์ พาน้องซู่ไปนั่งพักผ่อนตรงนั้นหน่อย" พูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 149 อายุสิบเจ็ดปีก็สามารถตัดสินประหารได้นะ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A