ตอนที่ 552 โจมตีกะทันหันอยู่ชั้นล่าง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 552 โจมตีกะทันหันอยู่ชั้นล่าง
ตอนที่ 552 โจมตีกะทันหันอยู่ชั้นล่าง ดุลยาออกจากโรงพยาบาลมาอาทิตย์ที่สองแล้ว ด้วยความเร่งเร้าอย่างต่อเนื่องของคุณแม่ ชีวภาก็ตัดสินใจจะกลับไปเรียนต่อ จริงๆเธออยากรอให้สุขภาพของดุลยาดีขึ้นก่อนจะค่อยไป แต่เธอพูดอยู่ทุกๆวัน ก็เลยต้องไปอย่างเชื่อฟัง เธอไปลงทะเบียนนักศึกษาใหม่ที่ห้องคณบดี เธอดรอปเรียนหนึ่งปี ไม่ได้เข้าร่วมการสอบ ต้องเรียนปีสองใหม่อย่างไม่มีทางเลือก แต่ผลลัพธ์นี้เธอสามารถยอมรับได้ทั้งหมด ระหว่างที่สนทนากัน คุณครูเข้าใจถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากของครอบครัวเธอ เลยได้พูดกับเธอว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้ทุนการศึกษาจากโรงเรียนและการได้ทุนการศึกษาทุกเทอม ชีวภาฟังอย่างตั้งใจ จำทีละอย่าง หลังจากออกมาจากห้องคณบดี ชีวภาไม่ได้รีบกลับบ้าน แต่กลับเดินรอบโรงเรียนที่ไม่ได้เดินมานาน โรงเรียนอันใหญ่โตเป็นเวลาที่เปิดเทอมใหม่พอดี ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นได้พัดผ่านเธอไป ได้กลิ่นของความหนุ่มสาว เธออัดอั้นตันใจมานานเกินไป ดูแล้วค่อนข้างจะเหนื่อยล้า โดยเฉพาะเทียบกับนักศึกษาในวัยเดียวกัน ให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่มาก บางทีเธอควรจะต้องผ่อนคลายตัวเองจริงๆ เดินไปถึงโรงอาหารของโรงเรียน ได้เวลาเลิกเรียนทานอาหารพอดี โชคดีเลย คาดไม่ถึงว่าจะเจอกับรูมเมทชีวภาพอดี ชื่อน้ำหวาน เมื่อก่อนทั้งสองเคยเป็นรูมเมทกัน แต่ความสัมพันธ์ไม่ได้ดีเท่าไหร่ คุณพ่อของน้ำหวานดำรงตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ คุณแม่เป็นผู้อำนวยการของธนาคาร สถานภาพของครอบครัวดีมากๆ ด้วยเหตุนี้สำหรับนักเรียนที่ ‘ยากจน’ อย่างชีวภา เธอจึงรู้สึกดูถูกและเย่อหยิง ชีวภาต้องใช้เวลากว่าจะทนได้ จนกระทั่งช่วงเวลาก่อนที่เธอพักการเรียนสองอาทิตย์ น้ำหวาน น้ำหวานได้ทำนาฬิกาข้อมือที่ซื้อใหม่หายไป เป็นแนวใหม่ของครอบครัว C ราคาสี่หมื่นกว่า หาสองวันมาแล้วไม่เจอ เธอก็คิดเลยว่าชีวภาขโมยนาฬิกาข้อมือของเธอไป เรื่องที่ชีวภาทนไม่ได้มากที่สุดคือการใส่ร้ายป้ายสีจากผู้อื่น โดยเฉพาะเป็นการใส่ร้ายที่ไม่มีหลักฐาน เธอให้น้ำหวานมาตรวจดูเตียงและตู้ของตัวเอง แต่ก็ค้นตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานก็หานาฬิกาข้อมืออันนั้นไม่เจอ นึกว่าเรื่องนี้จะจบลงแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะถูกนินทา ไม่รู้ว่าทำไม เรื่องนี้ก็ได้แพร่ขยายไปทั่วทั้งคณะ ทุกคนก็มองเธอเปลี่ยนไป แรกเริ่มชีวภาสามารถทนได้ แต่เธอค่อยๆถูกนินทาหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถนั่งรอความตายได้ เธอไปหาครูผู้ช่วยมา ไปยื่นคำร้อง สุดท้ายตำรวจก็มาที่หอพัก ในสายตาที่สับสนของน้ำหวาน เธอถูกพิสูจน์ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งสองก็ไม่ญาติดีกันอีกเลย ตอนนี้มาเจอกันอีกครั้ง ชีวภาคิดว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วเดินไป แต่เสียงแหลมๆของเธอกลับเรียกไว้ “โอ้ ใครกันเนี่ย?” ชีวภาต้องหยุดฝีเท้าลง มองดูเธอเดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจ “ไม่ใช่เพื่อนนักเรียนที่รักของพวกเราหรอ ทำไมวันนี้ว่างมาโรงเรียนได้ล่ะ?” พูดจบเธอก็หันไปหัวเราะกับเพื่อนผู้หญิงข้างๆ เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความร้ายกาจ ชีวภายังคงอ่อนต่อโลก ไม่เข้าใจความหมายเยาะเย้ยของเธอ จึงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ “มาลงทะเบียนเรียนใหม่” “เตรียมกลับมาเรียนหรอ? แต่ช้าไปหนึ่งปีนี่ ต้องเรียนปีสองใหม่ใช่ปะ น่าสงสารจัง เพราะว่าไม่มมีเงินจ่ายค่าเทอม คงจะเป็นนักเรียนคนแรกของโรงเรียนพวกเราล่ะ” น้ำหวานเสียดสีความจนของเธอ ใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยามใส่เธอคนเดียว ความอดทนกับสังคมมาปีกว่า ชีวภาก็ได้ถอนผิวหนังออกไปหนึ่งชั้น ถ้าเป็นแต่ก่อนเผชิญหน้ากับคำพูดถากถางของน้ำหวานแบบนี้จะต้องรู้สึกตัวเองด้อยกว่า ตอนนี้กลับไม่รู้สึกอะไร สายตาเธอมองไปที่ทั้งสอง ทั้งตัวเต็มไปด้วยของแบรนด์เนม ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรงจริงๆ “แต่ก่อนไม่เห็นจะสนใจกันเลย ตอนนี้กลับกระตือรือร้นเชียว แต่เรื่องของฉันเธอไม่ต้องมาใส่ใจหรอก เรียนปีสองซ้ำอีกปีอาจจะได้เพื่อนที่มีคุณธรรมมาบ้าง ฉันไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เสียหาย” “นี่แก!” น้ำหวานคิดไม่ถึงว่าเธอจะสู้กลับ ก็พูดไม่ออกในทันนที แล้วจึงค่อยๆนึกคำพูดออกมาได้ “ดูเหมือนปีกว่ามานี้แกเอาแต่เสเพลข้างนอกล่ะสิ!” “เวลาตั้งนานถ้ายังไม่พัฒนาล่ะก็ จะกลายเป็นยัยทึ่มนะ” ชีวภาพูดไปยิ้มไป สายตามีความหมายแฝง ราวกับจะบอกว่าเธอไม่มีความก้าวหน้าสักนิด น้ำหวานคิดจะพูดถากถางเธอ คิดไม่ถึงว่าเธอจะถูกถากถางกลับ ทิ้งไว้ประโยคหนึ่งก่อนเดินไป “งั้นก็รอเปิดเทอมแล้วมาดูกัน นักเรียนชั้นเดียวกันจะเคารพเธอไหม ไอนักเรียนซ้ำชั้น!” ชีวภามองดูแผ่นหลังสองคนที่เดินไป รู้สึกไม่สงบจิตสงบใจ เธอไม่ได้ใส่ใจกับความคิดเห็นคนอื่นตั้งนานแล้ว ถ้าเธอเอาคำด่าของทุกคนเก็บมาใส่ใจล่ะก็ คงทนไม่ถึงวันนี้ ระหว่างทางกลับไป ชีวภาเห็นร้านเป็ดย่างที่ดูประหยัดและน่าทานมากๆ คิดถึงวันที่ต้องมารายงานตัวในวันมะรืน เธอจึงซื้อกลับไปหนึ่งตัว ตอนนี้ดุลยาฟื้นฟูร่างกายได้ดีมาก สามารถทานเนื้อสัตว์ได้เป็นปกติแล้ว ถือว่าเปลี่ยนอาหารให้เธอ รถประจำทางสองสายถึงป้ายรถประจำทางนอกเมือง ท้องฟ้าก็มืดครึ้มขึ้นมา เธอถือกล่องใส่อาหารสีขาวเดินไปที่ในเมือง สถานที่เก่าแก่ไม่สามารถกันเสียงได้ดี สามารถได้ยินเสียงการทำอาหารจากชั้นล่างได้ เสียงทำอาหาร ‘โช้งเช้งๆ’ ระรื่นหู ให้ความรู้สึกสบายใจ ชีวภาอารมณ์ดีตลอดทาง จนกระทั่งเห็นร่างที่คุ้นเคยที่ชั้นล่าง รอยยิ้มเธอก็แข็งทื่อ ก้าวเท้าลงช้าๆโดยไม่รู้ตัว สายตาเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ไกลๆ นัยน์ตาดำลึกซึ้งราวกับเป็นบ่อน้ำที่ลึกและเย็นเฉียบอ สายตาเฉียบแหลมนั้นเจาะเข้าใบหน้าเธอผ่านอากาศ สายตาเป็นประกายดูคุกคามอย่างเคย ทำให้คนรู้สึกกดดัน เธอเดินเข้าไป เอ่ยด้วยความไม่มั่นใจ “คุณชนุดม?” เจอกันอีกครั้ง ห่างกันราวๆเกือบหนึ่งเดือน ยังทักทายอย่างแปลกหน้า ชนุดมมองเธอที่เปลี่ยนทรงผม และเสื้อผ้าออกกำลังกายที่ดูสะอาดเรียบร้อย ความกังวลในใจก็หายไปเล็กน้อย ตัวเธอไม่ได้สูง ยืนต่อหน้าเขาต้องเงยหน้าขึ้น สายตาคลุมเครือมองเธออย่างแนบเนียน ช่วงเวลาที่ห่างหายกันไปเธอมีความสุขดี เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายสบายใจ แน่นอนว่า ยกเว้นนาทีที่เจอเขา “มีเรื่องอยากคุยด้วย” เขานำสายตากลับมา แล้วพูดสั้นๆ ชีวภาตื่นตระหนกอย่างอดไม่ได้ “เรื่องอะไรหรอคะ?” เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะชี้ไปทางรถเบนท์ลีย์สีดำที่อยู่ไม่ไกล “ขึ้นรถไปคุยกัน” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินไปที่รถ ชีวภารู้สึกกังวล เดินเร็วๆสองก้าวแล้วจับเสื้อตรงข้อศอกเขาไว้แน่น “ฉันขอขึ้นไปข้างบนก่อน รบกวนคุณรอฉันสักครู่นะ” ชนุดมหันมามองปลายนิ้วกลมของเธอ ชีวภาถึงนึกขึ้นได้กว่าการกระทำเธอไม่เหมาะสม จึงรีบปล่อย “ขอโทษนะ......” เห็นเธอดึงมือกลับไป ชนุดมก็ละสายตาออมา แล้วเดินต่อ “ไปสิ”
已经是最新一章了
加载中