ตอนที่ 565 บ้านของพวกเรา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 565 บ้านของพวกเรา
ตอนที่ 565 บ้านของพวกเรา การท่องเที่ยวที่ดี เพราะว่าเกิดเหตุการณ์แย่ๆขึ้น หลังจากชีวภาไปก็ไม่เปิดเครื่องตลอด ชนุดมเป็นคนเดียวที่พาเด็กน้อยเล่นทั้งวัน คืนวันอาทิตย์ถึงขับรถกลับเมือง ไม่ทันได้คิดว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ขณะที่ส่งธีมนต์ให้กับจินต์ก็ได้รับข่าวที่ไม่ได้คาดคิด “นัชชากับเตชิตกลับมาไฟลท์พรุ่งนี้” นำเด็กน้อยไว้ในรถ ผู้ใหญ่ทั้งสองยืนคุยกันนอกรถ หลังจากได้ยินข่าวนี้ ชนุดมก็อึ้งไปสักพัก ถึงกับนึกว่าตัวเองฟังผิด “ว่าไงนะ?” “เธอกลับมาแล้ว” เห็นผู้ชายเย็นชาแบบเขาอึ้งไปเลย จินต์อดไม่ได้ที่จะนึกถึงก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง ตัวเองที่ได้ยินข่าวนี้ ขอบตาก็ร้อนผ่าว “ฟังไม่ผิดหรอก นัชชาเธอ......ในที่สุดก็กลับมาแล้ว” คำพูดเรียบง่ายหนึ่งประโยค เธอไม่สามารถพูดให้จบอย่างใจเย็นได้ เมื่อคิดถึงช่วงเวลานั้นขึ้นมา ไม่มีข่าวคราวและทำให้เธอกังวลโดยที่ไม่รู้อะไรเลย ก็ตื่นเต้นและรอคอยอย่างอดไม่ได้ พวกเธอเป็นเพื่อนรักกัน เธอเกิดเรื่องขึ้น นอกจากคนรักแล้ว เธอก็เป็นคนที่เธอคิดอยู่มากที่สุดอยู่ตตลอดเวลา เชื่อว่าชนุดมก็เป็นเช่นนี้ เห็นเชาตกอยู่ในห้วงความคิด จินต์ก็รู้ว่าควรให้เวลาเขาได้ใช้เวลาคิด “เธอกลับมาก็น่าจะติดต่อนายไป ฉันขึ้นรถก่อนนะ ลุงกับป้ารอฉันอยู่” ชนุดมพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการบอกลา เห็นรถออดี้สีขาว A6 ขับออกไปจากคฤหาสน์ก็ละสายตาออกมา เขานำรถตัวเองขับกลับมาที่อพาร์ตเมนท์ในเมือง J ไม่ได้กลับมานานมากแล้ว ก่อนกลับมาก็สั่งให้คนมาทำความสะอาดแล้ว ในบ้านก็เลยสะอาด เขาไม่ได้ปิดไฟ ยืมแสงจันทร์นอกหน้าต่างแล้วเดินเข้ามาหยิบวิสกี้หนึ่งขวดที่หน้าตู้เก็บเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ได้เติมอะไรลงไป หยิบเพียงน้ำแข็งใส่ลงไปในแก้ว ก็ดื่มอย่างนั้นเลย เขาชอบรสชาติแรกของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แรง รสชาติที่ยากที่จะเข้าใจและขมแต่กลับหอมหวานทำให้เขาหลงใหล แต่เขาไม่ใช่คนที่ติดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ คนที่ชอบลงทุน ถ้าเกิดวันหนึ่งติดแอลกอฮอล์ขึ้นมา นั่นก็คงหนีความเสื่อมถอยไม่พ้น ดังนั้นเขาจึงเตือนตัวเองตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะต้องมีสติ เพียงแต่เขาก็มีสตินานแล้ว แต่หนีไม่พ้นตอนที่เหนื่อยล้า จึงได้แหกกฎดื่มสักแก้วหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ในตอนนี้ที่คิดถึงผุ้หญิงที่ไม่ได้เจอกันมาครึ่งปี คิดถึงใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า คิดถึงการเดินทางที่ไร้สาระทั้งหมดในตอนนี้ เขาอยากจะเมาเหล้า แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ …… ตอนที่นัชชาเริ่มตัดสินใจจะกลับประเทศ เตชิตก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลที่ประเทศ Y หมดแล้ว ร่างกายเธอไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง บาดแผลก็ดีขึ้นมาก แต่รอยแผลเป็นยังต้องรักษากันต่อไป เหยียบขึ้นเครื่องบินกลับประเทศ คนที่มาด้วยยังมีปรัณ อยู่ต่างประเทศมาตั้งนาน เขายกเลิกการผ่าตัดและงานทั้งหมด เรื่องพวกนี้ก็อยู่ในสายตาของเตชิต จำไว้ขึ้นใจ บนเครื่องบิน เห็นท้องฟ้าและก้อนเมฆนอกหน้าต่างมากมาย ในใจของนัชชาก็ซับซ้อน คิดถึงเมือง J เมืองที่แปลกหน้ามีเด็กน้อยที่เธอลืมอย่างสิ้นเชิง เธออดไม่ได้ที่จะกังวลและไม่สบายใจ เพียงแต่หัวใจที่เต้นเร็วนอกจากไม่สบายใจแล้ว ยังมีเรื่องอื่นด้วย เธอพูดออกมาไม่ได้ ราวกับเป็นสัญชาตญาณ รับรู้ถึงอารมณ์ที่ไม่แน่นอนของผู้หญิงข้างกาย เตชิตละสายตาออกมาจากคอมพิวเตอร์ มองที่ใบหน้าขาวซีดของเธอ พึมพำกับตัวเองครู่หนึ่ง ยื่นมือไปดึงที่กันแสงบนหน้าต่างลงมา “อย่าคิดอะไรไปต่างๆนานา นอนหลับสักหน่อย” เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังข้างหู อยู่ในใจ เพิ่มความมั่นคงเข้าไป นัชชาหันกลับไปมองต้นเสียง สบเข้ากับนัยน์ตาสงบนิ่ง แปลกจัง ความรู้สึกกังวลก็ค่อยๆหายไป อยู่ด้วยกันมาไม่กี่เดือน เธอก็คุ้นชินกับผู้ชายคนนี้แล้ว โดยเฉพาะหลังจากได้ผ่านเรื่องราวมากมายมา ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ความรู้สึกแบบนี้ยิ่งมากขึ้น “เตชิต” คิดขึ้นมาได้ จู่ๆเธอก็เรียกชื่อเขา เขาเหล่มองมา เอ่ยน้ำเสียงขึ้นจมูกออกมาหนึ่งพยางค์ “หืม?” “คุณจะอยู่กับฉันตลอดใช่ไหม?” ถึงแม้ผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ แต่เธอก็ยังถามออกไป เพียงให้มั่นใจในเรื่องนี้ จะได้ไม่กลัว “แน่นอน” เขายกมุมปากขึ้นเบาๆ โค้งอย่างอบอุ่น “ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ” ในห้องโดยสารที่ปิดสนิท ไม่นับความกว้างของที่นั่ง ความรู้สึกลังเลที่ลอยไม่รู้จักลอยอยู่ในหัวสมอง ถูกประโยคนั้นกลืนหายไปหมดไม่เหลือ ดูเหมือนว่ามีเขาอยู่ด้วยก็ไม่กังวลอะไรมาก นัชชาพิงไปทางเขา เอาหัวพิงไหล่กว้างของเขา ค่อยๆหลับตาลง ขอให้ฝันดี …… ขณะที่เครื่องบินลงจอดที่เมือง J เป็นเวลาดึกแล้ว พวกเขาไม่ได้บอกญาติสนิทมิตรสหายให้มารับที่สนามบิน เพียงแต่ให้ผู้ช่วยเตรียมของให้ทั้งหมด เดินไปที่ทางออกสนามบิน VIP ข้างถนนมีรถครอบครัวสีดำจอดอยู่หนึ่งคัน ผู้ช่วยรีบน้ำกระเป๋าเดินทางไปเก็บไว้หลังรถ ยืนอยู่หน้ารถ เตชิตบอกลากับปรัณชั่วคราว “ช่วงนี้ลำบากหน่อยนะ ต่อไปนี้อาจจะไม่ค่อยรบกวนแล้ว” รถของปรัณอยู่ข้างหลัง เขาให้สุวีราขึ้นรถไปก่อน ได้ยินเตชิตพูดแบบนี้ เขาก็ตบบ่าอีกฝ่าย “พูดอะไรเนี่ย เป็นพี่น้องกัน เป็นเรื่องที่ควร” “ปรัณ” เตชิตเห็นเขากำลังไป ก็เรียกเขา สายตามองเข้าไปที่สุวีราในรถอย่างเหม่อลอย “เธอเป็นแฟนที่ดี สมควรได้รับความรัก” เตชิตไม่ใช่คนที่พูดอะไรเกี่ยวกับความรัก หาได้ยากที่จะโน้มน้าวเขา ทั้งสองก็รู้จักกันไม่สั้น ไม่เคยมีผลลัพธ์แบบนี้ ได้ผ่านความเป็นความตายมา ตอนนี้เขาได้รู้ซึ้งกับหนึ่งประโยค——รักคนตรงหน้า รอจนถึงเวลาที่รักไม่ทันแล้ว อะไรก็สายไปแล้ว บนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรทำให้มีความสุขไปกว่าคนที่เรารักยืนอยู่ตรงหน้า ได้ยินดังนั้น ปรัณก็ยิ้มอย่างเข้าใจ พยักหน้า “ฉันรู้น่า ไปแล้วนะ” เห็นรถแลนด์โรเวอร์สีดำหายไปจากสายตา เตชิตก็ย่อตัวเข้าไปนั่งในรถ นัชชาเห็นเขาเข้ามา ก็ขยับตัวให้ที่นั่งกับเขาทันที เขานั่งลงไป ก็ดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดอย่างเป็นธรรมชาติ “เหนื่อยไหม?” “ยังโอเคค่ะ หลับบนเครื่องบินไปแล้ว ไม่ง่วง” เขายกมือขึ้นลูบศีรษะเธอ ให้พลังที่ปลอบโยน หันไปบอกคนขับรถด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ไปไวโรจน์วิลล่าครับ” “ครับ ประธานเตชิต” สตาร์ทรถขับตรงไปที่ปลายทาง เตชิตกดปุ่มหนึ่ง ที่กันเสียงระหว่างด้านหน้าและหลังรถก็ค่อยๆเลื่อนขึ้นมา นัชชามองออกไปนอกหน้าต่าง คิดถึงเรื่องเมื่อก่อนที่เคยเล่าว่าเขากับตนผ่านอะไรกันมา จึงถามออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “ไวโรจน์วิลล่าคือที่ที่พวกเราอยู่ด้วยกันแต่ก่อนใช่ไหม?” “คือบ้านของพวกเรา” ห้าพยางค์ทุ้มเข้ามาในใจ ตื่นเต้นสั่นไหวขึ้นมา นัชชาอดไม่ได้ที่จะจินตนาการ ‘บ้าน’ ที่เขาพูดออกมา ความทรงจำของเธอหายไปทั้งหมด ไม่มีทางรู้สึกถึงความอบอุ่นพวกนั้น แต่อย่างไรก็ตาม หนึ่งชั่วโมงต่อมา ขณะที่รถขับเข้าไปในคฤหาสน์โอ่อ่า บ้านสไตล์ยุโรปสามชั้น ราวกับโดนบีบจมูก เกิดความแสบขึ้นมา รถเพิ่งจอดสนิทเธอก็รีบลงจากรถ ยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ ไม่ได้ประทับใจทั้งหมดตรงหน้าแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่เธอไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้กลับ น้ำตาสองข้างทางก็ไหลลงมาอาบแก้ม เตชิตเดินเข้าไป เห็นเธอหัวเราะไม่มีน้ำตา ในใจก็บีบรัด กอดอีกคนไว้อ้อมอกทันที “” นัชชาใช้ความพยายามอย่างมากในการพูดความรู้สึกให้เขาฟัง แต่ติดอยู่ที่ปาก ไม่รู้ว่าจะพรรณาอย่างไร เธอแค่ยกมือปิดปาก จ้องมองไปที่บ้านหลังนี้ “ไม่รู้ ฉันไม่รู้......ฉันแค่รู้สึกแย่ เหมือนว่าฉันควรกลับมาที่นี่ตั้งนานแล้ว......”
已经是最新一章了
加载中