ตอนที่573 ผู้หญิงมีความสำคัญกับผมมาก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่573 ผู้หญิงมีความสำคัญกับผมมาก
ตอนที่573 ผู้หญิงมีความสำคัญกับผมมาก สิ่งที่นัชชากลัวที่สุดก็คือการที่ทำให้ผู้คนรอบตัวเธอรู้ว่าเธอความจำเสื่อม บอกไปตรงๆเลยได้หรือไม่ ได้ แต่ว่าเธอไม่รู้ว่าทำไมเรื่องนี้เธอถึงทำเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเมื่อคนใกล้ชิดรู้ถึงการความจำเสื่อมของเธอ มันจะทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป เธอไม่ชอบวิธีที่ทุกคนปฏิบัติกับเธอในฐานะคนอื่น ดังนั้นเธอจึงไม่อยากพูดอะไรอีก ทางที่ดีปล่อยให้ความจำค่อยๆฟื้นคืนมาดีกว่า ถึงแม้ว่าจะหลอกณัชชนม์และเมธนีได้ หลอกธีมนต์ได้ แต่กลับหลอกชนุดมไม่ได้ ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาเข้าประตูมา ดวงตาอันแหลมคมของเธอ ในใจก็มีเสียงแอบบอกว่าไม่ดี ประกายที่ออกมาจากดวงตาเหมือนรังสีเอ็กซ์เรย์ ที่ต้องการมองทะลุทุกคน แต่กลับไม่คิดว่า เพราะเหตุนี้เธอถึงถูกจับได้ เธอเคยพบคุณชีวภาแล้ว เรื่องนี้เตชิตเองก็ไม่รู้ ดังนั้นก่อนที่เธอจะพูดประโยคนี้ออกมา เขาจึงไม่ได้ห้ามเธอเอาไว้ นัชชาอ้าปากค้าง ผ่านไปสองวินาทีเธอถึงได้ยินเสียงตัวเอง “อ้อ ใช่แล้ว อาจจะเพราะฉันจากไปนานก็เลยลืม เมื่อสักครู่มองก็รู้สึกว่าคุ้นหน้าแต่ว่านึกไม่ออก ฉันก็คิดว่าต้องเคยเจอกันแล้ว แต่ว่า….” “นัชชา” เขาไม่รอให้เธอพูดจบ ชนุดมขัดจังหวะขึ้นพร้อมหัวเราะขึ้น เพียงแต่ว่าเสียงหัวเราะนี้กลับไม่ใช่เสียงหัวเราะอย่างผ่อนคลาย “พวกคุณพบกันที่บาร์ มันเป็นที่เฉพาะอย่างมาก คุณไม่มีวันลืมผู้หญิงที่ปรากฏตัวข้างผม คุณประทับใจในตัวเธอมาก” เขาพูดไม่กี่คำ นัชชาก็เถียงอะไรไม่ออก มือของเธอที่ถูกเตชิตจับไว้กำแน่นขึ้นจนคนนั้นรู้สึกได้ เขาจึงลดเสียงลง “คุณชนุดม เลิกถามเซ้าซี้เถอะ” เขาไม่ได้อธิบาย แต่คำพูดประโยคนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการยอมรับ ชนุดมหันมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่หน้าตาสดใสแต่แววตาว่างเปล่าอีกครั้ง สุดท้ายแล้วเขาก็เข้าใจทุกอย่าง และด้วยเหตุนี้เขาจึงหัวเราะไม่ออกอีกเลย ระหว่างทางที่ขับรถมาเมื่อรู้ว่าเธอได้กลับมาประเทศจีนแล้วเขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ตอนนี้ความตื่นเต้นนั้นกลับกลายเป็นความกังวล เขากังวลถึงสภาพของเธอในปัจจุบัน เป็นห่วงว่าเธออยู่ข้างกายเตชิตแล้วจะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ดี ชนุดมมองดูท่าทีของชายที่อยู่ด้านข้าง เขาทำราวกับว่าต้องการจะปกป้องเธอเอาไว้ที่ด้านหลัง พวกเขาทั้งสองคนบุกป่าฝ่าดงมาด้วยกัน ผ่านชีวิตหลังความตาย เรื่องดีร้ายใดๆก็ผ่านกันมาหมดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถพรากพวกเขาออกจากกันได้ เขาจำได้ว่าเคยเห็นประโยคหนึ่งบนอินเตอร์เน็ตมาก่อน ชีวิตคนคนหนึ่งจะอยู่กับใครนั้น ตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดมาก็ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เขาไม่เคยเชื่อคำพูดเหล่านี้ มันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกมีศรัทธาขึ้นมา นัชชาและเตชิตจะยังคงดำรงอยู่เช่นนี้ ราวกับว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อกันและกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้ สำหรับเขา ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเพียงผู้รับชมเท่านั้น ผู้ชมก็คือผู้ชม เขาแค่เพียงหวังว่านัชชาจะมีความสุข ชนุดมเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันของเธอ หลังจากที่ทำให้เรื่องต่างๆชัดเจนขึ้นแล้ว เขาก็ไม่ต้องการที่จะบีบบังคับอีกต่อไป จึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอาการปัจจุบันของธีมนต์และการรักษาของเธอในระยะนี้แทน เวลาผ่านไปทีละน้อย เขาเหลือบมองไปดูก็เห็นว่าเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว เก้าอี้ที่ด้านข้างก็ยังคงว่างเปล่า ไม่ใช่บอกว่าแค่ออกไปเล่นกับเด็กน้อยรึ ทำไมยังไม่กลับเข้ามาอีก ความจริงแล้วเพื่อต้องการหลบเขา ถึงไม่ยอมกลับเข้ามาล่ะสิ เมื่อคิดเช่นนั้น ชนุดมก็กำลังจะก้มหน้าลงกดโทรศัพท์โทรหาเธอ ทันใดนั้นผู้จัดการร้านน้ำชาก็รีบผลักประตูเข้ามา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล แม้แต่ประตูก็ไม่ได้เคาะ ดวงตาของเขาเบิกกว้างและหายใจหอบ “เต ประธานเต เกิดเรื่องแล้ว ลูก ลูก…..” เขาวิ่งมาตลอดทาง ลมหายใจติดขัด พูดออกมาได้ไม่เต็มคำ ชนุดมฟังด้วยความอดทน เขารู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ เขาก้าวไปข้างหน้าและคว้าคอเสื้อผู้จัดการขึ้น “ตอนนี้คนอยู่ที่ไหน พูดให้ชัดเจน!” “สวนด้านหลัง อยู่ที่สวนด้านหลังครับ…” เมื่อคำพูดออกมา ผู้จัดการรู้สึกเพียงว่ามีลมหอบหนึ่งผ่านหน้าไป เงาดำที่ด้านหน้าเขาก็หายลับตามไปด้วย เตชิตตามไปอย่างติดๆ มือที่จูงนัชชาอยู่ทำให้ช้าลงบ้างเล็กน้อย ชนุดมก้าวขาออกมาจากร้านน้ำชา มุ่งไปที่ประตูไม้ทางไปสวนหย่อมด้านหลัง เมื่อเปิดประตูออก ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวเข้าไป ธีมนต์ซึ่งอยู่ด้านข้างก็กระโดดออกมา “คุณลุง!” เสียงนั้นค่อนข้างแหลม นั่นเพราะความตื่นเต้นและความกลัว เขาดึงตุ๊กตาน้อยไปกอดไว้ในอ้อมอก แสดงออกถึงด้านที่อ่อนโยน “ลุงอยู่นี่” “คุณน้า…” เสียงของเด็กดังมาจากที่ข้างหู ชนุดมค่อยๆปล่อยเขาออก เขาใช้มือทั้งสองจับไหล่ของเด็กน้อยอย่างเบามือและจ้องไปที่เขา “ธี คุณน้าอยู่ที่ไหนครับ” “เธอถูกคนสองคนพาตัวไป ตอนแรกผมเล่นอยู่ในสวนหลังร้าน อยู่ๆก็มีคนสองคนเดินเข้ามาจากข้างนอก ดึงมือจะลากผมไป คุณน้าชีวภาผลักพวกเขาให้ผมหนีไป ผมเห็นคุณลุงผู้จัดการก็เลยบอกเขา แต่ตอนที่ผมกลับไปก็ไม่พบแล้ว คุณน้าหายตัวไปแล้ว” ในที่สุดก็เป็นเด็กหกขวบ การแสดงออกทางภาษาทั้งชัดเจนและทั้งทำให้เห็นถึงความตกใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว เตชิตที่ตามมาทางด้านหลังและได้ยินคำพูดเหล่านั้น คิ้วหนาทั้งคู่ก็กดลงตรงกลาง เขามองดูผู้หญิงในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าที่เพ่งเล็งไปที่ผู้จัดการนั้นแย่มาก “ให้ผมดูกล้องวงจรปิดของสวนด้านหลังเดี๋ยวนี้ ครึ่งชั่วโมงก่อนจนถึงตอนนี้” ผู้จัดการรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ได้แต่รับคำ “ได้ครับคุณเตชิต ผมจะไปเดี๋ยวนี้” …. ห้านาทีหลังจากนั้น ภายในสำนักงานของร้านชา เตชิตและชนุดมมองไปบนจอมอนิเตอร์ซึ่งกินเวลาประมาณห้านาที สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มเสีย ชีวภาถูกพาตัวไป ไม่ ถ้าจะพูดให้ชัดคือถูกใครก็ไม่รู้ลักพาตัวไป เห็นได้จากภาพขาวดำ ตอนแรกชายสองคนต้องการที่จะเอาตัวธีมนต์ไป แต่เมื่อชีวภาเผชิญหน้ากับพวกเขาไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร เธอเอาตัวเองแลกเปลี่ยนกับพวกเขาแทน สิ่งที่สามารถแน่ใจได้ในตอนนี้ก็คือ ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ตั้งใจมาหาเด็ก มิเช่นนั้นธีมนต์จะไม่ถูกปล่อยออกมาแน่ ถ้าเช่นนั้นมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว ว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการเล่นงานชนุดม “แจ้งความซะ” เตชิตมองไปที่ชายที่เยือกเย็นทางด้านข้าง “เวลาผ่านไปไม่นาน ให้พวกเขาตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนท้องถนน ก็สามารถสะกดรอยตามได้ทัน” เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ แม้ว่าชนุดมอยากจะให้คนของตัวเองเป็นคนตรวจสอบ แต่ว่าที่นี่คือเมืองJไม่ใช่ลอนดอน วิธีที่เร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดก็คือการโทรหาตำรวจ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้คัดค้าน เตชิตจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นและกดโทรศัพท์ไปหาคนรู้จักในสำงานตำรวจโดยทันที ชนุดมนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังจอแสดงภาพ สายตาไม่ละจากจอมอนิเตอร์แม้เพียงนิดเดียว แม้แต่ตอนที่นัชชาเข้ามาปลอบใจ คนคนนี้ก็ยังไม่เงยหน้ามอง ดูเหมือนกำลังมีไฟลุกโชนอยู่ในสายตาคู่นั้น เขารู้สึกเกลียดที่ไม่สามารถมองออกได้จากหน้าจอมอนิเตอร์นี้และช่วยเหลือผู้หญิงที่อยู่ในจอภาพได้ หลังจากที่เตชิตแจ้งตำรวจเสร็จเรียบร้อย เขาก็ยังคงอยู่ในท่าทางเดิม ผู้ชายเป็นคนเรียบง่ายและตรงไปตรงมา จะพูดไปแล้วก็มีความรับผิดชอบต่อพวกเขา เขาตบไหล่ชนุดม “วางใจเถอะ จะต้องหาเจอแน่” บุคคลนี้ลุกขึ้นโดยไม่คาดคิด เขาพูดออกมาคำหนึ่ง “เรื่องนี้รบกวนคุณด้วย ผู้หญิงคนนี้สำคัญกับผมมาก ความช่วยเหลือครั้งนี้ผมจะจดจำไว้”
已经是最新一章了
加载中