ตอนที่584 พี่สาวเธอไม่ตาย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่584 พี่สาวเธอไม่ตาย
ตอนที่584 พี่สาวเธอไม่ตาย แต่ว่าเป็นเจ้าหญิงนิทรานี่ดีแล้วรึ มีเพียงแค่ชีพจรและลมหายใจ แต่กลับไม่สามารถพูดหรือว่ามองเห็นอะไรได้ นัชชานึกถึงหล่อนซึ่งปรากฏตัวต่อหน้าเธอเมื่อไม่นานมานี้ หญิงสาวที่สวยงามและมีเสน่ห์ ดวงตาเธอก็แดงขึ้นมา เตชิตยกมือขึ้นแตะที่ขอบตาเธอ “ที่ไม่อยากบอกเพราะว่ากลัวคุณจะร้องไห้นี่ล่ะ” “ผลลัพธ์เช่นนี้จะให้คนยอมรับได้อย่างไร…” แม้แต่เธอเองยังเป็นเช่นนี้ ไม่กล้าคิดว่าชนุดมจะรู้สึก อย่างไร “เขาหมดสติไป หมอเพิ่งให้ยาเพื่อช่วยคลายเครียด” เตชิตรู้ว่าเธอคิดอะไร เขาจึงเอ่ยปากขึ้นมา หัวใจของนัชชาหมดความรู้สึกใด เมื่อเธอคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะธีมนต์ เธอก็รู้สึกผิดจนสุดหัวใจ “อีกฝ่ายหนึ่งต้องการที่จะทำร้ายชนุดม การลักพาตัวธีมนต์ก็เพื่อนที่จะหยุดเขา คุณไม่ต้องโทษตัวเอง” ในใจเตชิตเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน แต่เขาไม่ต้องการให้นัชชาโทษว่าเป็นความรับผิดชอบของตัวเอง “นัชนัช คนอย่างผมและชนุดม เมื่อคนที่รักเดินมาถึงจุดจบมันไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งอยากจะรักแต่ก็พบว่าคนที่รักกลับไม่อยู่แล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้มแข็ง คนที่รักทะนุถนอมตรงหน้า สำหรับผมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” มองดูชนุดมและชีวภาอยู่บนเส้นระหว่างความเป็นความตาย เตชิตเกิดความรู้สึกเห็นใจ และต้องการที่จะทะนุถนอมนัชชามากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดแล้วไม่มีอะไรโชคดีไปกว่าการที่คนรักได้อยู่เคียงคู่กัน นัชชาซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ในดวงตา เธอยิ้มและน้ำตาคลอ “ฉันเข้าใจค่ะ” --- ในวันที่ห้าชีวภาก็ถูกย้ายโรงพยาบาล สภาพร่างกายของเธอทรงตัวแล้ว ปรัณหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีส่วนร่วมในการรักษาเธอในโรงพยาบาลประจำตระกูลของปรัณ ในประเทศ โรงพยาบาลปรัณนับว่าเป็นโรงพยาบาลที่ทันสมัยที่สุด แม้ว่าชนุดมจะรู้สึกกระอักกระอวลต่อปรัณและเตชิต แต่ชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ และเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับชีวภา เขาไม่คิดอะไรมากก็ตกปากรับคำ นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับอัตตา หลังจากที่การโยกย้ายโรงพยาบาลให้ชีวภาประสบความสำเร็จ ปรัณรู้สึกโล่งอก เขากลัวว่าจะมีเหตุไม่คาดคิดอยู่บ้าง เขาส่งตัวผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดไป ราวกับว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองและประสาทวิทยาทั้งหมดของทั้งในและต่างประเทศต่างมารวมตัวกันที่นี่ สถานการณ์ของชีวภา หากมองในแง่ร้าย เมื่อบุคลากรทางการแพทย์ตรวจก็จะรู้ได้ ตอนนี้เธอต้องการได้รับการรักษาเพื่อให้ฟื้นคืนสติกลับมา มันยากมากที่จะบรรลุผล ความลำบากนี้ไม่ได้เป็นแค่ปัญหาทางเทคนิคเท่านั้น แต่เป็นสิ่งท้าทายเกินขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ สมองของเธอได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง อันที่จริงเนื้อเยื่อสมองทั้งหมดได้เข้าสู่ภาวะ “นอนหลับ” หาต้องการตื่นขึ้นมา มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มละสามท่าน ทั้งหมดล้วนหาทางออกมากมาย แต่ความสำเร็จขึ้นสุดท้ายกลับไม่มากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงล่าช้าออกไป ชีวภาจึงได้แต่อาศัยเครื่องมือเพื่อช่วยพยุงชีพไว้เท่านั้น เตชิตได้รู้ความคืบหน้าจากปรัณ สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ หลายวันมานี้ ชนุดมไม่ได้ถามถึงสถานการณ์ของชีวภาเลยสักคำ แต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว ชายที่ฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ เห็นผู้เชี่ยวชาญมากมายอับจนหนทาง เขาก็คงรู้ได้แน่นอนว่าผมลัพธ์คงจะไม่ดีแน่ จึงได้ไม่ถามอะไร คนคงยังมีความหวังอยู่เล็กน้อย ชีวภาไม่ได้ไปเรียนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ไม่ได้กลับบ้าน ดุลยาและไวศทย์ก็ไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ พวกเขาได้แต่ให้ทางตำรวจแจ้งให้ครอบครัวทราบ ตอนบ่ายของวันที่ทราบข่าว ดุลยาและไวศทย์ก็มาถึงที่โรงพยาบาล แม่ลูกสองคนแทบจะวิ่งเข้าไปในห้องของผู้ป่วย พวกเขาเห็นคนสวมหน้ากากออกซิเจนอยู่บนเตียง และสวมใส่ท่อและอุปกรณ์มากมาย พวกเขาปวดใจจนน้ำตาไหล “ชีวภา ลูกเป็นอะไรไป ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร…” ใบหน้าของดุลยาขาวซีด น้ำตาของคนชราไหลออกมานับไม่ถ้วน จะนั่งที่ขอบเตียงแต่ก็นั่งไม่ไหว ตัวคนทั้งตัวลงไปกองอยู่ที่พื้น เธอนึกได้ว่าเมื่อตอนที่ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ คนคนนั้นบอกเธอว่าลูกสาวของเธอกล้าหาญมากต่อการลักพาตัว เกิดการต่อสู้ดิ้นรนกับโจรและได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้คนอยู่ที่โรงพยาบาล ยังไม่ได้สติ กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราชั่วคราว ระหว่างทางที่มา หัวใจของดุลยาไม่อาจสงบนิ่ง เธอพูดพึมพำกับตัวเองว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน ต้องเป็นเรื่องที่ตำรวจหรือว่าโรงพยาบาลเข้าใจผิด ลูกสาวของเธอฉลาดและมีไหวพริบ จะถูกโจรผู้ร้ายลักพาตัวได้อย่างไร จนกระทั่งเมื่อเปิดประตูเข้าไป ดุลยาเชื่อว่าตัวเองมีโชคเสมอ แต่สายตาเธอเห็นคนที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดขาว ลูกสาวที่ดูเหมือนไร้วิญญาณ ในใจเธอร้องไห้ออกมา ร่างเธอทรุดลงทั้งตัว เธอเป็นคนที่รู้เรื่องรู้ราวมากที่สุด เป็นลูกสาวที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุด แต่พริบตาเดียวกลับกลายเป็นเช่นนี้ เธอจะไม่รู้สึกเศร้าโศรกได้อย่างไร “ไม่ง่ายเลยที่จะเข้มแข็งขึ้นมาได้ ไม่ง่ายเลยที่จะกลับไปเรียนหนังสือ….โอ้ พระเจ้า ทำไมถึงลงโทษเธอเช่นนี้ เธอทำอะไรผิดถึงได้ตอบแทนเธอเช่นนี้ ฉันขอรับมันแทนเธอฉันขอร้องล่ะ…” ดุลยาเศร้าโศก เสียงคร่ำครวญราวกับกริชที่ทิ่มแทงหัวใจผู้คน เสียงนั้น คำพูดนั้น ความเสียใจของผู้เป็นแม่ ผู้ที่พบเห็นได้แต่ทุกข์ใจและร้องไห้ตาม เปรียบเทียบดุลยาดังดินภูเขาที่กำลังถล่ม ไวศทย์ดูสงบนิ่งกว่ามาก ตั้งแต่วินาทีที่เข้ามาในห้องจนถึงตอนนี้ เขายืนอยู่ที่ปลายเตียงไม่ไหวติง ผมสั้นทรงวัยรุ่น ผิวหนังที่กร้านจากการฝึกทหาร มองไม่เห็นอะไรบนใบหน้า ต้องจ้องมองอย่างละเอียดถี่ถ้วยเท่านั้นถึงจะสามารถบ่งบอกอะไรได้ สองมือของเขากุมมือที่อยู่ข้างลำตัวเธอแน่น แขนทั้งสองข้างของเขาสั่นเล็กน้อย ริมฝีปากมีสีม่วงอมน้ำเงินเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ จมูกฟุตฟิตขึ้นมา สิ่งที่น่ากลัวก็คือดวงตา เบิกโตถึงขีดสุด รูม่านตาหดตัว ตาขาวเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงอย่างชัดเจน ทั้งตัวของเขาเหมือนถูกสะกดเอาไว้ ราวกับว่ากำลังจะระเบิดและตายไป ความสนใจของคนทั้งคู่อยู่ที่ร่างที่นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ชนุดมที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ตกลงในห้วงบรรยากาศเดียวกัน ไวศทย์ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่สาวผู้ที่ขยันและทำงานหนักเช่นเธอ ไม่นานกลับมานอนบนเตียงโรงพยาบาลเช่นนี้ ไม่สามารถพูดหรือขยับตัว แม้แต่จะลืมตามองพวกเขาก็ยังทำไม่ได้ เขายังไม่ได้ให้หาเงินตอบแทนหล่อนเลย ทำไมถึงกลายเป็นเช่นนี้… ไวศทย์ไม่อยากจะเชื่อ และไม่ยอมเชื่อ “พี่สาวไม่เป็นไรนะ” ทันใดนั้นเด็กน้อยก็พูดออกมา เสียงเขาแหบห้าวเหมือนคนที่อยู่กลางทะเลทรายมาแล้วห้าวัน ดุลยาดูเหมือนจะไม่ได้ยิน เธอคุกเข่าอยู่ที่ข้างเตียง ร้องไห้เป็นวักเป็นเวร เสียงร้องที่น่าเวทนาของเธอดังเข้าถึงในหูของชายหนุ่ม ในเวลานี้ ไวศทย์ไม่สามารถดูแลแม่ของเขาได้ เขาทนไม่ได้ที่จะส่งเสียงดังออกมา “แม่ อย่าร้องไห้เลย พี่สาวยังไม่ตาย พี่สาวยังไม่ได้เป็นอะไร!” เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น แม้แต่ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยหมอกหนา เขาอดทน เก็บกดลงไป เมื่อพูดแล้วก็ไม่กล้าร้องออกมา พี่สาวของเขายังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะไม่ร้องไห้
已经是最新一章了
加载中