ตอนที่585 เสียเธอไปไม่ได้   1/    
已经是第一章了
ตอนที่585 เสียเธอไปไม่ได้
ตอนที่585 เสียเธอไปไม่ได้ เสียงคำรามของวัยรุ่นถูกระบายออกไปในอากาศ ไวศทย์รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เขาหันไปมองคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ชนุดมคอยสังเกตดูเขา เขากลัวว่าไวศทย์จะทำอะไรขึ้นมา ชนุดมก้าวไปด้านหน้าและดึงตัวคนกลับมา “สงบสติอารมณ์หน่อย!” “ผมจะสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร คนที่นอนอยู่บนเตียงคือพี่สาวผม เป็นคนที่ดีที่สุด ดีที่สุดสำหรับผม ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะอยู่หรือว่าจะตาย คุณจะให้ผมสงบสติยังไง!” หลังจากที่คำรามจบ ไวศทย์ก็มองไปที่ชีวภา เขาคร่ำครวญ “พี่! พี่มองผมหน่อยสิ ผมกับแม่มาหาพี่นะ พี่ลืมตาดูพวกเราสิ…” ชนุดมมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเกิดดับอยู่มากมาย ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ ยิ่งมีประสบการณ์มาก ใจก็ยิ่งแข็งมาก ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เขาหวั่นไหวได้ง่ายๆ แต่ในเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงคร่ำครวญของไวศทย์ เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาเจ็บ โดยเฉพาะเมื่อเสียงเหล่านั้นได้หายไป คนบนเตียงก็ไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ความกระจ่างนั้น ความเงียบนั้น ทำให้เลือดในร่างกายแข็งตัวขึ้นมา ดุลยาและไวศทย์ใช้เวลาอยู่ในห้องผู้ป่วยเกือบยี่สิบนาทีก่อนที่จะสงบลง แม่และลูกชายมองไปที่ชีวภาที่นอนซีดเซียวอยู่บนเตียง ค่อยๆยอมรับความจริงเรื่องที่เธอได้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ดุลยาเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ตอนที่ป่วยเธอไม่มีแม้แต่น้ำตา แต่ตอนนี้น้ำตาทั้งหมดเหมือนจะกลั้นไว้ไม่อยู่และได้ไหลทะลักออกมา ไม่ร้องไห้แล้ว แต่อารมณ์ก็ยังเคว้งคว้าง หลังจากที่สงบลง เธอมองดูชนุดมด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า เสียงแหบแห้งจนแทบฟังไม่ออก “คุณเป็นเพื่อนของชีวภาของเรารึคะ” ชนุดมจ้องนัยน์ตาของหญิงชราซึ่งดูคล้ายชีวภาอยู่หลายส่วน หัวใจเขาเต้นแรง เขายืนตรงพิงกำแพงและพูดอย่างจริงจัง “คุณป้า ผมขอพูดอะไรด้วยหน่อยได้ไหมครับ” ดุลยาหันไปจ้องมองที่ลูกสาวซึ่งนอนอยู่บนเตียงอย่างไร้วิญญาณ เธอหยุดครู่หนึ่งและยืนขึ้นที่ข้างเตียง จากนั้นเธอก็เดินตามชนุดมไปที่ทางเดินของโรงพยาบาล ชั้นนี้เป็นชั้นวีไอพี มีเพียงไม่กี่ห้องเท่านั้น ทางเดินสะอาดตามาก ทั้งคู่เดินตามกันไปที่หน้าต่างสุดทางเดิน พวกเขามองออกไปยังท้องฟ้าสีเทาด้านนอก ลำคอของชายคนนั้นกลืนน้ำลายขึ้นลงสองครั้ง เขาคิดอยากจะสูบบุหรี่ แต่ก็หยุดตัวเองเอาไว้ “มีอะไรอยากจะพูดก็พูดเถอะค่ะ” ดุลยาเอ่ยปากขึ้นก่อน เธออายุเกือบจะห้าสิบปีแล้ว ท่าทีเธอดูไร้ชีวิตชีวายิ่งนัก ชนุดมหายใจลึก เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดที่คิดอยู่ในหัวเมื่อสักครู่และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น “คุณป้าครับ ผมต้องขอโทษด้วยที่ต้องแจ้งให้คุณป้าทราบในโอกาสนี้ แต่ว่าผมต้องการบอกความจริงกับคุณป้า---” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เสียงของเขาก็หายไปช่วงหนึ่ง จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอีกไม่กี่คำ “ผมเป็นแฟนของเธอครับ” ชีวภาชอบเขา เธอสารภาพตั้งแต่ที่อยู่เมืองQ แม้กระทั่งมอบความบริสุทธิ์ที่มีค่าครั้งแรกให้กับเขา ในเวลานั้นเขานิสัยไม่ดีคอยแต่หลบเลี่ยง แต่ในเวลานี้ เขาต้องการแบกรับความรับผิดชอบนี้ไว้ ทั้งไม่รู้ว่าผู้หญิงตัวน้อยคนนั้นจะฟื้นคืนสติขึันมาไหม จะตอบสนองได้หรือไม่ ขอความเป็นส่วนตัวให้เขาสักครั้งเถอะ ชนุดมคิดว่าเมื่อหล่อนได้ยินประโยคนี้ ดุลยาคงจะต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน แต่กลับไม่คาดคิด ผู้หญิงคนนั้นเพียงชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็โค้งคำนับอย่างใจเย็น “ฉันทราบค่ะ” ในเวลานี้ ชนุดมเองกลับเป็นคนที่ต้องประหลาดใจ “คุณทราบรึครับ” ดุลยาพยายามดึงริมฝีปากขึ้น ดูเหมือนว่าต้องการยิ้มให้กับเขา เธอทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์นี้ ในใจเธอนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานจึงยิ้มไม่ออกเลยจริงๆ “ชีวภาของพวกเราเป็นหญิงสาวที่มั่นใจในตัวเองมาก ถ้าเธอไม่ชอบใครเธอก็จะไปอยู่ใกล้ ในเมื่อคุณอยู่ข้างๆเธอได้ นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเธอชอบคุณ” ลักษณะนิสัยของดุลยาดูเป็นคนเข้มแข็งมาก ข้อนี้ ชีวภาน่าจะได้มาจากเธอ มือของชนุดมที่ห้อยอยู่ด้านข้างลำตัวกำแน่น ใบหน้าของความร้ายกาจพังทลายลงทันที เขาขยี้ตาเบาๆ จิตใจเขาคิดทบทวนหลายรอบและสุดท้ายก็เปิดปากขึ้น “เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากครับ” “ใช่ค่ะ” ดุลยาเหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เมื่อเธอพูดจบเธอก็เอามือปิดหน้าหันหลังกลับและสะอื้นขึ้น “แต่ว่าไม่มีอีกแล้ว… ไม่มีอีกแล้ว…” ชนุดมมองไปที่ไหล่อันสั่นสะท้านของดุลยา เขาคิดอยากจะปลอบเธอแต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรจริงๆ ได้แต่บอกให้เธอยืนหยัด “คุณป้าครับ ผมจะไม่ยอมแพ้ในตัวเธอครับ” “พูดง่ายค่ะ แต่สถานการณ์ของเธอในปัจจุบัน จะพื้นคืนได้สักเท่าไหร่ ก็ยังเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่..” ดุลยาพูดต่อไปไม่ไหว แค่เธอคิดขึ้นมาเพียงเล็กน้อย เธอก็เจ็บจนแทบทนไม่ไหว เด็กเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้เป็นแม่ ชีวภาที่ตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้ หัวใจของเธอก็เหมือนถูกตัดด้วยมีด ชนุดมได้ยินเธอพูดเช่นนั้น ใจคอเขาก็ไม่ค่อยดี เขาหอบหายใจและเปิดปากขึ้น “มีวิธี ผมเชิญผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทั้งในและต่างประเทศมา พวกเขาต้องมีทางออก” เมื่อพูดจบ ตัวของดุลยาก็แข็งทื่อ เธอหันหลังกลับมามองชายร่างสูงที่อยู่ทางด้านหลังเธอ ก่อนหน้านี้เธอเอาแต่โศรกเศร้าเท่านั้น จนไม่ทันได้สังเกตเห็น ตอนนี้เมื่อเธอพินิจพิเคราะห์ดูถึงได้รู้ว่า ชายคนนี้ไม่เหมือนกับพวกผู้ชายที่เธอเคยเจอก่อนหน้านี้ ถ้าหากต้องพูดออกมาว่าไม่เหมือนตรงไหน เขาไม่ใช่เด็กเมืองธรรมดาๆ ดูเป็นสุภาพบุรุษมาก เมื่อเห็นครั้งเดียวก็รู้ได้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา ความรู้ความเข้าใจนี้ทำให้ดุลยารู้สึกตื่นตระหนกขึ้นเล็กน้อย ชีวภาเป็นคนทั่วไป เธอไปรู้จักกับคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน “คุณชื่ออะไรคะ” เธอหันตัวกลับมา ดุลยาถามคำถามแรกเกี่ยวกับเขาในวันนี้ ชนุดมไม่ได้บิดบังอะไร “ผมชื่อชนุดมครับ” “คุณดม…” ดุลยาพยักหน้า และถอนหายใจ ไม่ยักรู้มาก่อน ตั้งแต่ชนุดมเกิดมาไม่เคยมีใครเรียกเขาเช่นนี้ ผ่านไปสิบวินาทีเขาถึงได้ตอบรับเสียงหนึ่ง “อื้อ” “ครอบครัวเราเป็นคนธรรมดา ก่อนหน้านี้ฉันป่วยมาก่อน ชีวภาต้องพักการเรียนชั้นปีสอง เธอกับน้องชายต้องทำงานทุกอย่างเพื่อฉัน ต่อมาอาการป่วยของฉันก็ดีขึ้นอย่างไม่ง่ายนัก เธอกลับเกิดเรื่องนี้ขึ้น...ครอบครัวเราไม่ใช่ครอบครัวที่มีฐานะ ใช้ชีวิตอย่างขัดสน เมื่อครู่คุณบอกว่าเชิญผู้เชี่ยวชาญมา พวกเราไม่มีความสามารถที่จะแบบรับภาระตรงนี้ได้” ดุลยาพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ ในฐานะของคนเป็นแม่ เธอรู้สึกโกรธตัวเองมาก เธอเสียใจที่ตัวเองไม่สามารถให้สภาพความเป็นอยู่ที่ดีแก่ลูกๆของเธอได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังลากพวกเขาให้ดิ่งลงอีกด้วย ความรู้สึกเช่นนี้ มันฝังลึกลงสู่ข้างใน ชนุดมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขารีบเอ่ยปากจัดการ “ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย คุณป้าไม่ต้องกังวล ผมแก้ไขได้ ตราบใดที่ผู้เชี่ยวชาญสามารถหาทางออกได้ ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ผมก็จะไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งวินาทีที่เธอตื่น” ประโยคนี้แทงใจของเธอ เธอเงยหน้าขึ้นและมองผู้ชายคนนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ใบหน้าของเขายังอ่อนเยาว์มาก แต่พูดแล้วก็น่าจะอายุสามสิบปีขึ้นไป เธอยังคงไม่วางใจ “ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับชีวภาของเราเป็นอย่างไรกันแน่ ฉันไม่สามารถยอมรับความช่วยเหลือจากคุณได้อย่างไม่มีเหตุผล” คำถามนี้ดึงความทรงจำเมื่อสองสามเดือนก่อนของชนุดมกลับมา รอยยิ้มของเธอ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอกลับมาปรากฎต่อหน้าเขาเหมือนหน้าจอภาพยนตร์ โกรธ มีความสุข เจ้าเล่ห์ สดใส มืดมน ทุกอย่างชัดเจนเหมือนเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ในพริบตาทุกอย่างก็หายไป ชนุดมถอนหายใจ ภาษาที่สั่นไหว สายตาที่แน่วแน่ “เธอช่วยผมไว้มาก ทำอะไรให้ผมมากมาย แต่ว่าผมทำผิดกับเธอไว้ นี่เป็นความเสียใจที่สุดในชีวิตของผม ดังนั้นคุณป้าครับ ผมใช่ได้ช่วยคุณป้า ผมกำลังชดใช้สำหรับตัวผมเอง” มีไม่กี่คนที่จะพูดว่า “ชดใช้” ไม่ใช่เพราะอะไรอื่น แต่เพราะว่าคำนี้มันศักดิ์สิทธิ์เกินไป อาจจะทำให้คนไม่พอใจได้ แต่ในเวลานี้เขาพูดเช่นนี้ ทำให้ดุลยาพูดอะไรไม่ออก ชายที่ตรงหน้าเปิดปากพูดอีกครั้ง “การสูญเสียเธอเป็นราคาที่ผมไม่สามารถจ่ายได้ ผมหวังว่าคุณป้าจะให้โอกาสผม”
已经是最新一章了
加载中