ตอนที่ 11 เธอควรใจเย็นไว้   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 11 เธอควรใจเย็นไว้
ต๭นที่ 11 เธอควรใจเย็นไว้ เศวยาไม่ได้สนใจเลย ถ้าจะแบล็คเมลก็คงแบล็คเมลไปนานแล้ว คงไม่รอมาจนถึงตอนนี้หรอก “ให้ตายสิ คุณเศวยา คุณไปเรียนรู้นิสัยแย่ๆ มาจากไหน เย็นนี้คงต้องให้พ่ออบรมสั่งสอนคุณซะแล้ว!” เศวยากลับไปที่ห้อง แล้วหยิบเสื้อยืดตัวใหญ่สบายๆออกมา ถ้าไม่ดวลเหล้าก็จะไม่รู้ว่าตัวเองคออ่อนหรือคอแข็งขนาดไหน ไม่รู้ว่าฤทธิ์เหล้ามันเป็นยังไง ต่อไปกินเหล้า แล้วไม่รู้ฤทธิ์เหล้า แบบนั่นถึงจะเรียกว่าเกิดเรื่อง! บริวุตกระพริบตา ทันใดนั้นก็คิดได้ว่าคำพูดของพี่เศวยาก็ดูมีเหตุผลอยู่ หลังจากอดกลั้นมานานก็พูดออกมาว่า “แต่...แต่ดื่มเหล้าก็ไม่ดีนะ” เธอพูดอย่างขอผ่านไปที “ก็ได้ จากนี้ไปพี่ไม่ดื่มแล้ว ออกไป พี่จะเปลี่ยนเสื้อ” “อื้อ” บริวุตออกจากห้องไปอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับปิดประตูให้เธอด้วย แต่เขายังยืนอยู่หน้าประตู ไม่ได้เดินไปไหน จากนั้นก็ตะโกนผ่านประตู “พี่ แต่ยามที่เฝ้าประตูตะวันออกบอกว่า เมื่อเช้านี้มีผู้ชายมาหาพี่ด้วย” เศวยานวดคิ้วด้วยความเครียยด นึกไม่ถึงเลยว่ายามหน้าประตูบ้านจะนินทาเธอ แถมยังเอาเรื่องนี้มาบอกน้องชายเธออีก เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าพลางตอบแบบลวกๆ ว่า “ถามทางน่ะ” เธอไม่อยากให้คนในบ้านรู้ว่าเธอไปเกี่ยวข้องพัวพันอะไรกับธนเทพ ทางที่ดีก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขามีตัวตนอยู่! “ใช่เหรอพี่ ยามที่เฝ้าประตูตะวันออกบอกว่าพวกเขาจ้องมองมานานและเห็นว่าผู้ชายคนนั้นพยายามจะลวนลามพี่ พวกยามก็เตรียมลุยแล้ว แค่พี่ตะโกนเรียกก็จะบุกไปกระทืบหมอนั่นทันที!” เศวยาหน้าตาดี แต่งตัวแต่งหน้าก็เป็น พวกวัยรุ่นที่ทำงานเป็นยามในหมู่บ้านนี้ล้วนแต่มองเธอเป็นนางฟ้า ใครก็ตามที่กล้ารังแกนางฟ้าของพวกเขาก็คือพวกที่ไม่รักชีวิตของตัวเอง! “พี่ มันเป็นพวกที่มาจีบพี่ใช่ป่ะ ถ้าใช่ละก็ บอกวุต วุตจะพาคนไปตัดเจี๊ยวไอ้เหลือขอนั่น!” เขาพูดรัวเป็นชุดโดยไม่เว้นวรรคเลยสักนิด ประตูห้องถูกเปิดออก เศวยาโบกหัวน้องชายไปทีหนึ่ง “ไอ้โง่ที่ไหนจะโง่มาจีบที่นี่กันหล่ะ” บริวุตเบะปาก “ใครใช้ให้พี่เสน่ห์แรงล่ะ มาจีบที่นี่แล้วมันแปลกตรงไหน” เศวยาดึงแก้มของเขาจนยืด “แกเนี่ยนะ ไปตั้งใจเรียนซะไป ไม่ต้องเอาเวลามาห่วงพี่” เป็นครั้งแรกที่พี่ล้อเล่นกับเขาอย่างสนิทสนมกันแบบนี้ บริวุตรู้สึกมีความสุขจนอยากจะลอย เขารีบยื่นหน้าอีกฝั่งหนึ่งเขาไป “พระเยซูบอกว่าหยิกแก้มซ้ายแล้ว ก็ต้องหยิกแก้มขวาด้วยน่ะ” เศวยาถูกเขาแหย่เล่นจนเผลอยิ้มออกมา พี่สาวน้องชายคู่นี้ดูมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมปรองดองกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในตอนที่ดุสิดากลับมาจากข้างนอก ก็เห็นว่าลูกชายกับเศวยาเดินคุยไปยิ้มไปเข้าห้องรับแขก เธอยังคิดว่าตนมองผิดไป ทำไมเจ้าหญิงองค์น้อยของบ้านหลังนี้ ถึงเปลี่ยนไปแบบนี้อย่างกระทันหันได้” ต่อให้เศวยาเห็นดุสิดาก็ยังทำตัวเหมือนไม่เห็น บริวุตยกมือโบกเพื่อทักทายจากนั้นก็กลับมาอยู่ข้างกายพี่ของตนอีกครั้งเหมือนกับลูกหมาตัวเล็กๆ ที่แกว่งหางไปมาเพื่ออ้อนให้ลูบหัว ดุสิดาเห็นลูกชายมีท่าทางเหมือนไม่มีอนาคตก็โกรธจัดเอามากๆ เดิมทีในบ้านนั้น เค้าชอบผู้หญิงคนนี้มาก มีเพียงเด็กคนนี้ที่เป็นลูกเมียหลวงแต่ถูกแม่เลี้ยงที่เป็นเมียน้อยดูแล แต่แม่เลี้ยงอย่างดุสิดาก็ไม่ได้ถูกมองเป็นคนสำคัญของเธอเลยแม้แต่น้อย! ไม่เพียงแต่มองไม่เห็น แต่ยังเอาแต่พึ่งพาชาวบ้านอีก! จากนี้ไปดุสิดาจะหวังอะไรกับลูกชายของตนได้ พอดุสิดาโกรธ ก็หยิบกระเป๋าแล้วออกไปเล่นไพ่ ดีที่ช่วงนี้มีบ่อนเปิดใหม่ และเธอก็มือขึ้นมาตลอด เล่นไพ่ชนะจนได้เงินไปไม่น้อย ถือเป็นการปลอบใจตัวเอง วันต่อมา เศวยาก็ไปที่บ้านทรงยุโรปหลังนั้นอีกครั้ง ตอนที่เพิ่งลงจากรถก็เห็นผู้ชายใส่สูทสองสามคนกำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างอยู่ เธอจึงเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย “ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นใครคะ” มีคนหนึ่งหันมาหาเธอ อาจเป็นเพราะความสามารถอย่างหนึ่งของสาวงามที่มีตั้งแต่กำเนิดผู้ทำให้คนสบายตาอย่างเธอ เดิมทีคู่สนทนามีหน้าตาที่เคร่งขรึมจริงจัง แต่พอเห็นหน้าเธอก็ฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย “สาวน้อย เธอมาที่นี่มีธุระอะไรเหรอ” “ฉันมาพบคนคนนึงค่ะ” “คนในบ้านนี้น่ะเหรอ” “ใช่ค่ะ” “งั้นเธอก็มาช้าไปก้าวนึงแล้วล่ะ พวกเขาย้ายออกแล้ว บ้านนี้พวกเขาขายให้เราแล้ว” ทันใดนั้นดวงตาที่เหมือนตาของนกฟินิกส์ของเธอก็เบิกกว้าง “ย้ายไปแล้วเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่” “เมื่อเช้านี้เอง” อาจเป็นเพราะเจอคนสวย คนคนนี้จึงพูดมาก “น่าจะเป็นเรื่องด่วน ตอนพวกเขาย้ายออกดูค่อนข้างจะรีบมาก” เศวยายืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่สวยงามดั่งนกฟินิกส์ของเธอค่อยๆ เล็กลง ‘น้าลิลลี่ต้องกลัวว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้น ก็เลยแจ้งข่าวในตระกูลวรวงศ์คุณากร ดังนั้นพวกเขาเลยรีบร้อนย้ายออกไปแบบนี้ และพานินัทธ์ไปซ่อนตัว’ เธอตำหนิตัวเองด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับคำสาปแช่ง ทำไมเธอต้องคิดที่จะรีบมาที่นี่ด้วยนะ คู่สนทนาของเธอยังคงอยากที่จะพูดต่อ เธอพูดขอบคุณแล้วลงไปจากทางบนภูเขา พอคิดได้ว่านินัทธ์อาจถูกขังอยู่ในกรงทอง เธอก็รู้สึกไม่สบายใจ โดยที่เธอไม่ได้สังเกตเลยว่ามีรถออดี้สีดำคันหนึ่งค่อยๆ ขับกลับมา พอลดกระจกหน้าต่างรถลงก็เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของธนเทพ ในตอนที่เห็นเธอเขาก็ตกใจมาก “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เศวยากลับไม่รู้สึกแปลกใจที่เจอธนเทพ แถมยังพูดกลับไปว่า “ที่นี่วิวสวยดีน่ะ เลยมาเดินเล่นชมวิวสักหน่อย” สายตาที่คมกริบเฉียบแหลมของธนเทพมองไปที่ชุดเสื้อนอกที่เธอใส่ “คุณเศวยา คุณนี่แปลกจริงๆคุณสวมชุดแบบนี้มาเดินเล่นเหรอ” “รสนิยมของฉันน่ะ คนทั่วไปไม่เข้าใจหรอก” เธอไม่อยากจะพูดอะไรอีก ฝ่ายตรงข้ามคือธนเทพ เธอยังโกรธและเย็นชาได้ไม่มากพอ ธนเทพมองด้วยสายตาที่คมกริบมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเธอจะดูขัดแย้งมาก เขากลับไม่ถามเรื่องนั้นต่อ และยังพูดเสียงเรียบว่า “ขึ้นรถสิ ฉันไปส่งเธอเอง” “ฉันจะเดินเล่น” ในตอนที่เธอพูดกลับไม่ได้ระวังจึงสะดุดเข้ากับก้อนหินจนเท้าพลิก เศวยาล้มไปนั่งและลูบข้อเท้าตัวเองความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจนี้ทำให้เหงื่อเย็นชืดไหลลงมาท่วมใบหน้าของเธอ ธนเทพจอดรถแล้วเปิดประตูรถ พอเดินมาหาเศวยาเขาก็โน้มตัวลงมา “ไหนขอผมดูหน่อย”
已经是最新一章了
加载中