ตอนที่ 15 ข่าวใหญ่   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 15 ข่าวใหญ่
ต๭นที่ 15 ข่าวใหญ่ เศวยาไม่ได้กลับบ้านเลย เธอไปหาจันทรชา ทั้งสองนัดกันที่ภัตตาคารใต้ตึกของบริษัทจันทรชา เศวยาพูดออกมาตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อมว่า “อยากได้ข่าวใหญ่มั้ย” “อะไร” “เกี่ยวกับตระกูลวรวงศ์คุณากร” จันทรชานิ่งไปสักพัก “ตระกูลวรวงศ์อะไรที่ไหนน่ะ” เศวยาค่อยๆ พูดทีละคำ “ตระกูลวรวงศ์คุณากรแห่งเทือกเขาตะนาวศรี” สีหน้าท่าทางของจันทรชาเปลี่ยนไปเล็กน้อย สีหน้าท่าทางและแววตาที่ไร้ความสนใจก็เปลี่ยนเป็นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีอกดีใจและฮึกเหิม ตระกูลวรวงศ์คุณากรแห่งเทือกเขาตะนาวศรีอยู่ในเมืองA ที่ไม่มีใครในอำเภอLไม่รู้จัก สี่สิบปีก่อนตระกูลวรวงศ์คุณากรมีเพียงแค่ภัตตาคารเล็กๆ แถวเทือกเขาตะนาวศรี แต่จนถึงตอนนี้ก็ได้เติบโตกลายเป็นบริษัทที่มีสาขาย่อยมากว่าสิบแห่งทั่วประเทศ เพราะว่าก่อตั้งกิจการแห่งแรกที่เมืองA ดังนั้นคนในเครืออุตสาหกรรมจึงเรียกพวกเขาว่าตระกูลวรวงศ์คุณากรแห่งเทือกเขาตะนาวศรี บริษัทฟู้ดส์วิลล่าเป็นกิจการของตระกูลนี้ ประธานคณะกรรมการบริหารคนปัจจุบันคือเดชชาตรี แค่เขาย่ำเท้าทีนึงก็ทำให้เมือง A สั่นคลอนไปหมดได้ จันทรชาย่อมเป็นอีกคนที่อยากจะขุดข่าวของตระกูลวรวงศ์คุณากรนี้ได้! เธอจ้องมองเศวยาด้วยความสนใจ “มีข่าวอะไรเหรอ” เศวยาค่อยๆ พิงพนักเก้าอี้ แล้วกระตุกคิ้วเล็กน้อย “ฉันยังจำได้ว่า ว่ามีคนฉวยโอกาสตอนที่ฉันเมา เอาตัวฉันไปฝากไว้กับคนอื่น แล้วจากนั้นก็หายตัวไป” จันทรชาก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “บอกมาสิ ว่าจะให้ฉันขอโทษเธอยังไง” พอจันทรชาพูดถึงตรงนี้ เศวยาก็โน้มตัวมาตรงหน้า “ฉันอยากจะตามแกไปตอนที่แกสัมภาษณ์ตระกูลวรวงศ์คุณากร!” พอเห็นจันทรชาคิ้วขมวดด้วยท่าทางที่สงสัยเคลือบแคลงใจ เศวยาก็พูดออกมาทันที “วางใจเธอ ฉันจะไม่ทำอะไรเลย รับรองได้เลยว่าฉันไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของแกแน่นอน” จันทรชาเอาแขนทั้งสองขัดกันไว้ที่อก “คฤหาสน์ของตระกูลนั้นไม่ได้เข้าไปง่ายขนาดนั้นนะ ยิ่งไปกว่านั้นฉันก็ยังเป็นมือใหม่ที่เพิ่งมาสำนักพิมพ์นี้ ถ้าฉันทำผิดกฏฉันคงต้องเสียงานนี้แน่” “เรื่องพวกนี้เธอไม่ต้องห่วงหรอก ให้ฉันจัดการก็ได้” เศวยาพูดอย่างซื่อสัตย์ พอได้ฟังคำที่น่าเชื่อถือของเศวยา จันทรชาก็ครุ่นคิดอยู่สักพัก “ขอฉันลองฟังก่อนว่าข่าวนี้คุ้มค่ากับความเสี่ยงนี้รึเปล่า” เศวยาหรี่ตา “อีกสองเดือนเดชชาตรีจะซื้อบริษัทหยกทองฟู้ดส์ไปบริหารต่อ” “ทำไมตระกูลวรวงศ์คุณากรถึงได้เทคโอเวอร์ล่ะ”จันทรชาถามอย่างสงสัย “ทำไมไม่ใช่บริษัทแกลรี่ฟู้ดส์ล่ะ ฉันได้ข่าวมาว่าตอนนี้บริษัทแกลรี่ฟู้ดส์กำลังรวบรวมเงินทุนมหาศาล ทั้งสองบริษัทกำลังเจรจาขั้นตอนนี้กันอยู่” เศวยายิ้ม “แต่บริษัทแกลรี่ฟู้ดส์รวบรวมเงินเพื่อบังหน้าเท่านั้น เพื่อกระตุ้นบริษัทที่กำลังลังเลว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อดี ทำไมคุณเดชชาตรีถึงจะดูไม่ออกล่ะ คุณฐานทัตที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราก็เคยพูดแล้ว เสือซ่อนเล็บจะไม่ออกหน้า ไม่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ อีกสองเดือนข้างหน้า และเรื่องตลกที่กำกับเองแสดงเองนี้ก็จะปิดฉากลง เดชชาตรีไม่ปล่อยโอกาสนี้ไว้แน่” สายตาที่จันทรชามองเศวยาเปลี่ยนจากสงสัยเป็นแปลกประหลาดใจ “แล้วแกรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง” เศวยาไม่ยอมบอกเพื่อนของเธอแน่ว่าตัวเธอกลับมาเกิดใหม่จากโลกอนาคตสองปีข้างหน้า แต่เธอก็พูดอย่างเลี่ยงๆ ว่า “ฉันเข้าไปในบ้านตระกูลวรวงศ์คุณากรได้ ดังนั้นเลยต้องมีทางรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างแน่นอน” จันทรชาก็ไม่ใช่คนที่ชอบถามจนกว่าจะรู้คำตอบ เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจะได้ข่าวใหญ่ จันทรชามั่นใจว่าตนจะทำให้ดีที่สุด บอกลาจันทรชาแล้วเศวยาก็กลับบ้านตระกูลศิริวัชรภัทร วันนี้ดุสิดามือขึ้นมาก เล่นไพ่ชนะจนได้เงินมาก้อนหนึ่ง เธอจึงฮัมเพลงเดินกลับเข้าบ้าน เศวยานั่งอยู่ในห้องรับแขก พอดุสิดามา เศวยาก็กวาดสายตามอง “แม่ ทำไมดูมีความสุขจัง” เศวยาไม่ค่อยเรียกเธอว่าแม่บ่อยนัก ดุสิดาจึงนิ่งและงงไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดไปยิ้มไป “วันนี้ที่สมาคมสตรีแก้ไขข้อพิพาทในครอบครัวได้สำเร็จ แม่ก็เลยดีใจน่ะจ่ะ” เศวยาร้องอ๋อออกมาอย่างแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง จากนั้นก็หันไปดูโทรทัศน์ต่อ อีกไม่นานนักแม่เลี้ยงของเศวยาจะต้องชดใช้หนี้สินจำนวนมาก พ่อของเธอก็บอกใครไม่ได้เพราะเป็นเรื่องอัปยศอดสูภายในบ้าน เขาต้องอดกลั้นกัดฟันเอาของสะสมในบ้านมากกว่าครึ่งมาใช้หนี้แทนเธอด้วยความโกรธ จุดอ่อนของเขาจึงตกไปอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม ในเมื่อเป็นแบบนี้ตอนที่ดุสิดาคือคือคนที่พ่อต้องการมากที่สุด เธอกลับหอบเงินทั้งหมดที่มีอยู่หนีไปพร้อมกับคนรักใหม่อย่างเด็ดเดี่ยวและใจดำอำมหิต โดยไม่สนแม้แต่ลูกชายของตนเลยแม้แต่น้อย... เธอตายไปแล้วย้อนอดีตมาเกิดใหม่ในชาตินี้ จะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมอีกอย่างแน่นอน! วันต่อมา หลังจากที่ดุสิดาเดินออกจากบ้านไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ เศวยาก็ต่อสายไปหาคุณญิบพัน “คุณลุงญิบพัน สวัสดีค่ะ นี่เศวยาเองนะคะ…” ชิตวรเพิ่งจะประชุมเสร็จ เลขาก็รีบเข้ามาในห้องทำงานของเขาพร้อมกับก้มหัวแล้วบอกอะไรบางอย่างแก่เขา พอเขาได้ยินก็ลุกขึ้นทันที “บอกคุณญิบพันว่าผมจะรีบไปทันที” “ทราบแล้วค่ะ” ตกเย็นวันนั้นเศวยานั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขกอย่างเรื่อยเปื่อย น้าลดาวัลย์กำลังเตรียมมื้อเย็น ชวนีอยู่ในห้องคนเดียว ไม่นานนักชิตวรก็กลับมา โดยมีดุสิดาที่ท่าทางอับอายขายขี้หน้าเดินตามหลังมา สีหน้าของชิตวรดูไม่สู้ดีนัก “ยา ลูกกลับเข้าไปในห้องก่อนนะ” “ค่ะ” เศวยาลุกขึ้น หันไปมองดุสิดาแวบหนึ่ง ดุสิดากัดฟันและจ้องมองเธอด้วยความโกรธเคือง เศวยายิ้มอยากเยือกเย็นแล้วเดินเข้าห้องไป พอปิดประตูก็ได้ยินเสียงตำหนิของชิตวร “ “ชิต ฟังดาอธิบายก่อน ดาเล่นไพ่ก็เพื่อช่วยพี่น้องของดา พวกเราไม่ได้เล่นกันเยอะขนาดนั้น…” “ตอนนี้มีหนี้ตั้งแสนกว่าแล้ว เธอยังกล้าพูดว่าไม่ได้เล่นเยอะอีกเหรอ?!” “ฉัน…” เศวยานั่งสวมหูฟังอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เธอเปิดคอมแล้วมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างผ่านๆ โดยที่แสยะยิ้มมาตลอด เสียงทะเลาะกันดังอยู่ครู่ใหญ่ ทันใดนั้นชิตวรก็ออกไปพร้อมกับปิดกระแทกประตูอย่งแรง ดุสิดาก็เดินมาที่ห้องของเศวยาอย่างโกรธจัด เธอยืนร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างควบคุมไม่ได้อยู่ที่หน้าประตู “ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจเหรอ เธอให้สารวัตรญิบพันมาจับพวกนักพนันทำไม?! แกบอกมาตลอดว่าแกเห็นว่าฉันขวางหูขวางแกมาก ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ทำให้ฉันขายหน้าแล้วหน้าของพ่อแกจะมีออร่าขึ้นรึไง? เศวยาเอาหูฟังออก หมุนเก้าอี้ล้อหมุนแล้วเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่สวยสดงดงามดั่งนกฟินิกส์ “ดุสิดา เธอฟังฉันให้ดีนะ” “แก! แกเรียกฉันว่าอะไรนะ?!” การที่เศวยาเรียกเธอแบบนี้ทำให้ดุสิดาโกรธจนสั่นไปหมดทั้งตัว
已经是最新一章了
加载中