ตอนที่ 17 ตระกูลวรวงศ์คุณากร
1/
ตอนที่ 17 ตระกูลวรวงศ์คุณากร
รักแค้นหรือรักแท้ คำถามจากหัวใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 17 ตระกูลวรวงศ์คุณากร
ตนที่ 17 ตระกูลวรวงศ์คุณากร เศวยาเปิดประตูรถ เดินลงมาจากรถแล้วเงยหน้ามองไปตรงนั้นแวบหนึ่ง ริมฝีปากบางที่มีสีกุหลาบอันสวยงามยกขึ้นจนเผยให้เห็นรอยยิ้มอ่อนๆ อย่างที่ไม่ได้พบเห็นมานาน จันทรชาแบกกล้องลงจากรถตามหลังมาอีกที ธนเทพยืนกำชับอยู่หน้ารถ “ไม่อนุญาตใหถ่ายรูปนะ” จันทรชาคิ้วตกด้วยความหดหู่ ทันใดนั้นก็ยักไหล่ “ก็ได้” จากนั้นก็เอากล้องถ่ายรูปไปวางในรถอย่างสบายใจ ธนเทพเดินนำหน้า พวกเขาเดินตามแผ่นหินทีวางเรียงเป็นถนนอยู่บนพื้นหญ้ามุ่งตรงไปยังตึกเล็กๆ สามชั้นหลังที่อยู่ตรงหน้า เศวยาเดินตามเขาไปติดๆพอมาถึงหน้าประตูบานที่ปิดสนิท ก็เห็นว่าธนเทพกดกริ่งที่อยู่ข้างประตู ในตอนนั้นเธอก็สูดหายใจเข้าไปลึกๆ โดยที่คนอื่นไม่รู้ คนที่เปิดประตูก็คือผู้หญิงวัยกลางคนที่ค่อนข้างอวบ พอเธอเห็นธนเทพบนใบหน้าของเธอก็ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่เบิกบานใจ "คุณชายธนเทพ" “น้าลิลลี่” ธนเทพโบกมือทักทายเธออย่างเกรงอกเกรงใจ น้าลิลลี่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ในตอนที่เห็นเศวยา เธอก็นิ่งไปชั่วขณะทันใดนั้นคิ้วทั้งสองก็ขมวดเข้าหากันด้วยความหวาดระแวงและสงสัย "ผู้หญิงคนนี้ใช่คนที่เคยมาหาคุณชายรึเปล่าคะ" เศวยายิ้ม แต่ไม่ได้อธิบายอะไร แล้วเดินผ่านน้าลิลลี่เข้าไปให้โซนรับแขก สถานที่แห่งนี้ตกแต่งและประดับแบบจีนๆ บานประตูและหน้าต่างเป็นลายประดับไม้แกะสลัก พื้นทำด้วยหินอ่อน สรุปแล้วทุกๆ จุดในบ้านเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความโบราณเก่าแก่ที่เข้มข้น ต่างจากคนทั่วไปที่ชอบจัดวางไม้ยืนต้น ชั้นวางกระถางต้นไม้หรือไม่ก็ฉากบังลมที่ทำจากไม้จันทร์แดงอะไรพวกนั้น ในห้องรับแขกของบ้านตระกูลวรวงศ์คุณากรมีตุ๊กตารูปั้นผู้หญิงโบราณแบบจีนที่สูงหนึ่งเมตรกว่ายืนอยู่ เป็นศิลปะการแกะสลักที่งดงามวิจิตรตระการตาที่ดูมีชีวิตชีวาราวกับของจริง บนโต๊ะก็มีพระศรีอริยเมตไตรยที่ทำจากเครื่องเคลือบที่ดูบริสุทธิ์ น่าหลงใหลและดูสุภาพอ่อนโยนตั้งอยู่ ทั้งสี่ทิศรอบห้องก็มีโซฟาที่แกะสลักจากไม้แดงตั้งอยู่ชุดหนึ่ง จันทร์ชาเดินกวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง พร้อมกับพูดชื่นชมสิ่งที่เธอเห็น เธอเคยเข้าไปในบ้านของคนมีเงินมามากมายหลายครั้ง ส่วนมากถ้าไม่หรูหราฟุ่มเฟือยก็จะตกแต่งให้ดูเว่อร์วังโอ่อาไม่เหมือนใคร บ้านที่ดูยิ่งใหญ่และเกรดไม่ต่ำเหมือนกับของตระกูลวรวงศ์คุณากรเห็นได้น้อยมากจริงๆ ตอนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก น้าลิลลี่ก็ยกน้ำมาเสิร์ฟ ธนเทพรับมาและกระซิบถามน้าลิลลี่เบาๆ “นินัทธ์ล่ะครับ” “อยู่ในห้องค่ะ หน้าขึ้นไปเรียกเขาให้นะคะ” น้าลิลลี่พูดพลางเดิงขึ้นไปข้างบน หัวใจของเศวยาเต้นรัวไม่หยุด นินัทธ์ ในที่สุดเธอก็จะได้พบกับเขาแล้ว! เธอมีเรื่องราวมากมายอยากจะบอกเขา อยากจะบอกเขาว่าขอโทษ อยากจะชดเชยสิ่งที่เคยทำไม่ดีกับเขา ธนเทพดื่มน้ำและมองเศวยาอย่างใกล้ชิดโดยทะลุผ่านขอบแก้วน้ำเปล่า ในตอนนั้นเขาก็ได้เห็นใบหน้าที่แอบซ่อนความกังวลเอาไว้ไม่ได้ของเศวยาอย่างชัดเจน เขาวางแก้วน้ำลง แล้วก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย เธอมาเพื่อเจอกับนินัทธ์ อาจพูดได้ไม่เต็มปากว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ใสบริสุทธ์ขนาดนั้น เพราะเหมือนว่าเธอคิดจะตกถังข้าวสารโดยการแต่งงานกับคนรวยๆ เขามีความเกรี้ยวกราดไม่พอใจอยู่ลึกๆ ในอก แล้วก็เริ่มรู้สึกเกรี้ยวกราดมากขึ้นอย่างแปลกประหลาดและไม่มีใครอธิบายได้ว่าเพราะอะไร เวลาผ่านไปไม่นาน น้าลิลลี่ก็ลงมาจากบันได “คุณชายน้อยไม่อยู่ในห้องค่ะ อาจจะอยู่ที่สวนหลังบ้านก็ได้” ธนเทพลุกขึ้น "ให้ฉันไปตามเขาให้มั้ย" อยู่ดีๆ เศวยาก็เปิดปากพูดออกมา "ฉันไปด้วย" จันทรชาขมวดคิ้วและมองไปที่เศวยา ‘ทำไมยัยนี่กะตือรืนร้นกว่าฉันอีกนะ’ ธนเทพก้มต่ำกวาดสายตามองเธอไปทีหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็หันตัวเดินผ่านห้องรับแขกไป เศวยาพยายามทำให้เสียงเต้นแรงของหัวใจของตัวเองเบาลง แล้วเดินตามเขาไป พอออกมาจากห้องรับแขก ก็ผลักประตูไม้แกะสลักกว้างสามเมตรให้เปิดออก สิ่งที่เห็นก็คือสวนดอกท้อขนาดใหญ่ ในสวนหลังบ้านตระกูลวรวงศ์คุณากรปลูกต้นท้อไว้สิบกว่าต้น ทุกต้นมีอายุมากกว่าสิบปี ใบเขียวชอุ่มงอกงาม กลีบดอกสีชมพูดูสวยงามเย้ายวนให้คนเด็ดมาเชยชม ทั้งที่ตอนนี้เป็นช่วงเดือนตุลาคมที่มีอากาศจะอบอุ่น แต่ช่วอากาศอบอุ่นที่ทำให้ดอกไม้บานได้หาชมได้ยากมาก ธนเทพยืนอยู่หน้าประตู มีต้นท้อขวางสายตาอยู่ เขามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นนินัทธ์เลย “ไปดูตรงนั้นกันเถอะ” พอทำให้ตัวเองตื่นเต้นน้อยลงได้ เศวยาก็เดินตามเขาไปในดงต้นท้อ อาจเป็นเพราะเธอดีใจมากเกินไปจนไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่บนพื้น ไม่ทันไรเธอก็สะดุดเข้ากับรากไม้ ในตอนนั้นธนเทพก็เข้ามาพยุงเธอไว้ทันเวลาพอดี “ระวังหน่อย” “อื้อ” เธอยืนได้มั่นคงแล้วก็เพิ่งจะรู้สึกถึงมือของเขาที่โอบเอวเธออยู่ คิ้วของเธอขมวดเข้ามาชิดกัน “คุณช่วย…” ในตอนนั้นมีหินก้อนหนึ่งมุ่งหน้าลอยละลิ่วมาหาพวกเขา ธนเทพเห็นเข้าพอดีจึงยื่นมือออกไปดึงเศวยาเข้ามาไว้ในอ้อมกอด จากนั้นก็หมุนตัวเอาแผ่นหลังของตัวเองมาเป็นเกราะกำบังเธอจากก้อนหินก้อนนั้น -เสียงเอะอะโวยวาย- ก้อนหินยังคงอยู่บนหลังของเขา ทำให้เสื้อสูทคุณภาพสูงของเขาเปรอะเปื้อนสกปรก เศวยาตกใจจนนิ่งไป แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยแววตาที่เป็นประกายแวววับที่อ่อนโยนนุ่มนวลและลึกซึ้งจากในอ้อมอกของเขา เขายิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย” เศวยาส่ายหัว จากนั้นก็เบนสายตามองไปที่ด้านหลังของธนเทพ ไม่ไกลนัก มีผู้ชายคนหนึ่งยืนพิงลำต้นของต้นท้ออยู่ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่สะอาดสะอ้านไร้ราคี กางเกงขายาวสีดำที่หลวมโพรก สีขาวดำที่ตัดกันโดยมีพื้นหลังเป็นดอกท้อสีชมพูทำให้คนที่สวมเสื้อสีขาวดำดูเด่นขึ้น เป็นสีที่ตัดกันจนดูแตกต่างแต่ก็กลมกลืนกัน เขายืนพิงลำต้นของต้นไม้ มองลักษณะท่าทางได้ไม่ชัดเจน เห็นได้แค่เพียงริมฝีปากที่ยิ้แสยะด้วยความเสียดสีและถากถาง ถือหินอีกก้อนในมือ เหมือนกำลังครึ่นคิดว่าอยากจะปาหินอีกก้อนออกไป โดยไม่คิดจะปกปิดความผิดที่โยนหินก้อนก่อนหน้านี้ออกไปเลยแม้แต่น้อย ‘นินัทธ์...’ พอเห็นตนขาเรียวยาวของเขาที่ยืนพิงต้นท้ออยู่ ดวงตาของเศวยาก็เริ่มมีน้ำตาเอ่อล้น ‘ดีจัง’ ในที่สุดเธอก็ได้เห็นนินัทธ์ตอนยืนสักที “เป็นอะไรไปเหรอ” เสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของธนเทพดังอยู่บนหัวของเธอ เธอไม่สนใจการเล่นพิเรนของชายที่อยู่ตรงข้ามเธอเลยแม้แต่น้อย หรือว่าแม้กระทั่งในสายตาของคนในตระกูลวรวงศ์คุณากรก็ไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้บ้าคลั่งและอารมณ์ร้ายมาก่อน พอเห็นธนเทพอยู่กับผู้หญิงคนนั้นโอบกอดกันอย่างใกล้ชิด ริมฝีปากของเขาก็แสยะยิ้มด้วยความถากถางอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ “เปล่า ไม่มีอะไร” เศวยารีบก้มหน้าลง เพื่อปกปิดว่าตัวเองคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ จากนั้นก็ผละตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชายที่หันหน้าเข้าหาเธอที่อยู่ไกลไม่มากนัก “เขาคือ…” ธนเทพค่อยๆ หมุนตัว หันไปมองตามสิ่งที่เธอมอง แล้วพูดด้วยเสียงเรียบและเยือกเย็น “นินัทธ์ไง คุณชายน้อยแห่งตระกูลวรวงศ์คุณากร ”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 17 ตระกูลวรวงศ์คุณากร
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A