ตอนที่ 23 ฉันชอบรสชาติในครั้งนี้มาก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 23 ฉันชอบรสชาติในครั้งนี้มาก
ต๭นที่ 23 ฉันชอบรสชาติในครั้งนี้มาก ผู้คนก็ล้วนแต่จดจ้องสนใจ ทั้งๆที่ไม่เคยเฝ้ามองจับตาดูมาก่อน นินัทธ์ที่อยู่ในเงาดำ ในตอนที่เขาเห็นเค้ก ดวงตาก็เบิกกว้าง และเบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่เฉื่อยชาของเขามองไปยังเค้กที่อยู่ตรงหน้าอย่างทื่อๆ ช่วงที่ใจลอย เขาเห็นเค้กก้อนหนึ่งที่มีเทียนวันเกิดปักอยู่ส่งมายังตรงหน้าของเขา เป็นเสียงที่อ่อนโยนมาพูดใกล้ๆหูของเขา “นินัทธ์ สุขสันต์วันเกิดนะลูก” “นินัทธ์...ออกไปจากโลกที่สกปรกโสมมใบนี้กับแม่เถอะ เราจะไม่มีวันได้แยกจากกันอีก และจะไม่มีใครแย่งลูกไปจากข้างกายของแม่ได้” “นินัทธ์ ทำไมไม่กินล่ะ นี่คือเค้กสตรอเบอร์รี่นะ เป็นเค้กสตรอเบอร์รี่ที่ลูกชอบกินที่สุด แม่ทำให้ลูกโดยเฉพาะเลยนะ...กินเถอะ ไม่ต้องกลัว กินกับแม่นะลูก” เมื่อกินลงไปแล้ว ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมาน... ในตอนนั้น ผู้หญิงที่อ่อนแอคนนั้นพูดเช่นนี้ เดชชาตรียิ้มเล็กน้อยพลางหันมองซ้ายขวาอยู่ท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกเหรื่อ ในตอนที่เขาถือมีดขึ้นมาเตรียมจะตัดเค้ก มีดในมือกลับถูกใครบางคนดึงเอาไป เขาตกใจและนิ่งไปสักพัก พอหันไปก็เห็นรอยยิ้มที่ลึกลับของลูกชายตัวเอง สีหน้าของก็เปลี่ยนไป พร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง "นินัทธ์!" นินัทธ์เดินเข้ามาที่เค้กก้อนนั้นทีละก้าวๆ เขาเงื้อมมีดในมือขึ้น แล้วผ่าเค้กลงไปอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทันใดนั้นครีมที่อยู่บนหน้าเค้กก็กระจายไปทั่วทุกสารทิศ ทุกคนตกใจกับการกระทำของคุณชายแห่งตระกูลวรวงศ์คุณากร และยังเห็นเขาถือมีดโบกไปโบกมา บนใบหน้าที่หล่อเหลากลับแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ดูแปลกประหลาด ทุกคนตกใจจนถอยออกไป เดชชาตรีนิ่งไปสักพัก แล้วก็รีบเรียกคนเข้ามา “เร็วเข้า!จับเขาไว้!” พนักงานสองคนเข้ามา อยากจะห้ามนินัทธ์ แต่ใครจะไปรู้ว่า แค่เข้าไปใกล้แค่นิดเดียว ก็ถูกเขากระแทกตัวจนกระเด็นไปอีกฝั่ง ลูกตาที่เบิกกว้างของเขาแดงและดูไม่ปกติ เขาตัดและฟันเค้กจนเหมือนเค้กที่เป็นก้อนกลายเป็นซอสเค้กไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมที่จะวางมีดลง ทุกคนล้วนแต่กำลังตื่นตระหนกตกใจ แต่ในขณะนั้นกลับทำให้นักข่าวเก็บช็อตเด็ดไปได้เต็มๆ เสียงกดแชะๆจากกล้องดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย เมื่อเห็นแววตาสีแดงที่ดูคุ้นเคยของเขา เศวยาก็คิดอะไรไม่ค่อยทัน ทันใดนั้นก็พุ่งตัวเข้าไป “นินัทธ์ อย่า!”เธอกอดเขาจากข้างหลังไว้แน่น ต้องห้ามเขาไว้ ก่อนที่เขาจะก่อเรื่องทำร้ายตัวเอง สถาณการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันอยู่ตรงหน้า ก็ดึงดูดสายตาของผู้คนและทำให้ตกใจอีกครั้ง ลักษณะท่าทางของธนเทพดูเชื่องช้า รอยยิ้มยั่วเย้าที่มุมปากก็แข็งทื่อโดยฉับพลัน “ยา…” ชิตวรตกใจไปสักพัก แม้แต่เดชชาตรีก็ไม่ได้แสดงปฏิกริยาตอบกลับ มองดูเหตุการณ์อย่างงงๆ จันทรชารีบวางกล้องในมือ ขมวดคิ้วจ้องมองคนสองคนที่กำลังแนบกายกันตรงหน้า เศวยาไม่ได้สนใจสายตาจากภายนอกเลยแม้แต่น้อย เธอรู้แค่ว่า เธอจะให้นินัทธ์ได้รับความเจ็บปวดอีกไม่ได้ “นินัทธ์ ไม่เป็นไรแล้วนะ ทุกอย่างมันผ่านไปแล้วนะ…” เธอกอดเอวนินัทธ์ไว้แน่น เอาใบหน้าแนบกับแผ่นหลังของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยนปะปนไปด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “จะไม่มีใครมาทำอะไรเธออีกแล้ว จะไม่มีอีกแล้ว…” น้ำตาที่ร้อนผ่าวไหลซึมเข้าไปโดนผิวหนังภายใต้เสื้อสูทของเขา นินัทธ์ที่เดิมทีที่ยังตัดเค้กอย่างบ้าคลั่งนั้น ก็ได้หยุดลงอย่างกระทันหัน และค่อยๆหันตัวมา และมองเศวยาด้วยแววตาที่สับสนวุ่นวาย เศวยาพยายามที่จะส่งรอยยิ้มที่ไม่มีพิษภัยอ่อนโยนให้กับเขา และค่อยๆยื่นมือออกไป “นินัทธ์ ส่งมีดมาให้ฉันนะ” ในมือของนินัทธ์ถือมีดไว้ และจ้องเธออย่างไม่ขยับ ในใจชิตวรก็ร้อนรนกังวลใจขึ้นมาทันที คนอื่นไม่รู้เรื่องภายใน แต่เขารู้เรื่องทั้งหมด นินัทธ์เคยอยู่ที่โรงพยาบาลศรีธัญญาสองสามปี เป็นโรคซึมเศร้าที่ใจร้อน ถือว่าเป็นบุคคลที่อันตรายคนนึง!เขากังวลว่าลูกสาวจะได้รับบาดเจ็บ จึงรีบเข้าไป “ยา ออกมา รีบออกมาซะ เขา...เขาอาจจะทำร้ายลูกได้!” ถึงแม้ว่าเดชชาตรีได้ยินคำพูดแบบนี้ที่ขัดหูเอามากๆ แต่เขาก็เข้าใจสภาพของลูกชายดี ถ้าหากลูกของนายอำเภอพันล้านได้รับบาดเจ็บเข้าจริง ไม่อยากจะคิดถึงผลที่จะตามมา เขาส่งสายตาไปยังบอดี้การ์ดทั้งสองฝั่ง สองคนนั่นก็ค่อยๆเข้าไปใกล้ๆ เศวยามองนินัทธ์ บนใบหน้าของเขาไม่ได้ปรากฏความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เป็นแววตาที่อบอุ่นอ่อนโยน เหมือนเป็นความเงียบดั่งพระอาทิตย์ที่มาเช็ดโคลนออกจากตัวเขา นินัทธ์จ้องมองเธอ ทั้งสองห่างกันไม่ถึงสิบเซนติเมตร ใกล้ขนาดที่ว่าเห็นความชุ่มชื้นจากในดวงตาที่เหมือนดั่งตาหงส์ของเธอ สวยขนาดนั้น และเป็นใบหน้าที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ทำให้คนหลงง่ายมาก ในไม่ช้า เขาก็ยิ้มมุมปาก ยื่นมือออกมา แล้วเอานิ้วปาดครีมที่อยู่บนมีดแล้วเอาเข้าปากอย่างเบาๆ ลิ้มรสอย่างพอใจ อารมณ์ดีขึ้นมา แล้วก็เอานิ้วปาดอีกรอบ ครั้งนี้เขากลับยื่นไปให้เศวยา เหมือนกับเด็กที่ดื้อรั้นหัวแข็งคนหนึ่ง ที่อยากเป็นที่ยอมรับ และได้รับการให้อภัย เศวยายิ้ม ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะอ้าปากกินครีมที่อยู่บนนิ้วของเขา ในขณะลิ้นที่นุ่มลื่นของเธอ สัมผัสกับนิ้วของเขาอย่างนุ่มนวลนั้น รู้สึกได้ถึงร่างเขาสั่นไปสองสามทีอย่างชัดเจน เธอก้มหน้าลง รอยยิ้มจากมุมปากก็ยิ้มขึ้นอีก บางทีอาจเป็นเพราะครีมหวานเกินไป ก้นบึ้งของหัวใจก็เลยถูกกระตุ้นเหมือนเป็นระลอกคลื่นแต่ละชั้น แล้วก็ลามไปทั่วทั้งร่างกาย นินัทธ์มองเธออย่างตกใจ สายตาๆค่อยไปตกอยู่บนนิ้วมือของตัวเอง บนนั้นยังแฝงความรู้สึกที่เธอดูดอยู่ สายตาทั้งสองคู่จ้องมองกัน ทันใดนั้นบรรยากาศของระหว่างคนสองคนก็เปลี่ยนไปอย่างลึกซึ้ง บรรยากาศรอบข้างเหมือนสร้างอีกโลกหนึ่ง ที่คนนอกยังไงก็ไม่มีทางเข้ามาได้ นักข่าวไม่มีทางที่จะพลาดฉากแบบนี้ไป เสียงกดแฟลชก็ดังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง พิธีกรรีบขึ้นเวที พยายามที่จะสร้างบรรยากาศที่สนุกครึกครื้นต่อไป นี่เป็นรายการพิเศษที่คุณชายตระกูลวรวงศ์คุณากรเตรียมไว้ แต่สถาณการณ์นั้น ก็ได้เห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติของนินัทธ์ จึงทำให้คำพูดของเขานั้นไม่ค่อยจะมีน้ำหนัก บอดี้การด์ฉวยโอกาสนี้ไปข้างหน้า แล้วพูดเสียงเบา “คุณชายครับ เชิญลงไปพักข้างล่างกับผมก่อนเถอะครับ” นินัทธ์เม้มริมฝีปาก ก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ และเก็บพฤติกรรมที่ดูบ้าคลั่งไว้ เขาเกือบจะถูกสองคนนั่นเอาตัวออกไป เศวยามองร่างของเขาแล้วถอนหายใจออกมา ยังดีที่ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรขึ้นมา ตอนที่เดินลงจากเวที นินัทธ์ก็หยุดฝีก้าวลงอย่างกระทันหัน แล้วจ้องมองไปที่ซากเค้กที่เละ “ยา!” ชิตวรรีบวิ่งเข้ามาดึงลูกสาวของตนมาต่อว่า “ยา ทำอย่างนี้ได้ยังไง ไม่เห็นมีดในมือเขาเหรอ” เศวยายิ้ม “พ่อ ตอนนี้ยาก็ไม่เป็นอะไรแล้ว!” ยัยเด็กนี่นะ…” ชิตวรอยากจะพูดต่อ แต่เศวยาก็พูดขัดคอขึ้นมา “พ่อ ยาไปห้องน้ำก่อนนะ” เศวยายกถกชายกระโปรงที่ลากยาวขึ้น แล้วเดินท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองเธอแปลกๆ ออกมาจากห้องจัดงานเลี้ยงอย่างรีบร้อนลนลาน ในตอนที่กำลัจะเลี้ยวเข้าห้องแต่งหน้า ก็มีมือหนึ่งมาจับข้อมือของเธอไว้แน่น เธอตกใจและหันไปมองคนคนนั้น “ธนเทพ? นาย…” ธนเทพที่เย็นชาดึงเธอเข้าไปในห้องแต่งตัวโดยไม่พูดไม่จา จากนั้นก็ล้อกห้อง ดันเธอไปอยู่ที่มุมกำแพงแล้วจ้องด้วยสายตาที่น่ากลัวไร้ความปราณีและเยือกยนจนทำให้หวาดกลัว “เมื่อกี้คุณทำแบบนั้นทำไม” เศวยายิ้มอย่างเยือกเย็น “ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด” “ผมรู้ ว่าคุณเข้าใจ” ธนเทพเข้ามาใกล้มากขึ้นอีกนิด ใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาพูดออกมาทีละคำว่า “คุณช่วยเขาอยู่” เศวยาเลิกหางคิ้วขึ้น “แล้วจะทำไมเหรอ” มือข้างหนึ่งของธนเทพกดเธอไว้กับกำแพง มืออีกข้างก็บีบคางของเธอแล้วใช้แรงยกข้อมือให้เธอเงยหน้าขึ้นมองตาของเขา “ผมไม่อนุญาต”เขาก้มไปจูบเธออย่างบ้าคลั่ง พุ่งร่างที่น่ากลัวไปหาโอบเธอไว้ไม่เธอหนีไปได้ เหมือนกับว่ามีความอยากที่จะครอบครองเธอไว้ ราวกับมีงูพิษเข้ามารุกล้ำหัวใจของเขา โดยเฉพาะตอนที่เห็นเธอกอดนินัทธ์ไว้แน่น เขาอยากที่จะพุ่งตัวเข้าไปแยกสองคนนั่นจากกันแทบจะขาดใจ เมื่อความต้องการมันเริ่มเกิดขึ้นมา มันก็จะเปลี่ยนเป็นเหมือนสารที่เร่งปฏิกิริยาที่เข้ามาครอบคลุมเขา “คุณไม่อนุญาต? ฮะๆ” เศวยาหัวเราะแล้วสะบัดมือของเขาออก สายตาที่เยือกเย็นแฝงไปด้วยลำแสงสลัวที่กระพริบๆ ประตูหัวใจค่อยๆปิดแน่นสนิท “นายมีสิทธิ์อะไรที่จะไม่อนุญาตฉัน นายเป็นอะไรของฉันเหรอ แค่อ้างว่าอยากจะจะจีบ ฉันก็ต้องอยู่ทีเดิมเพื่อให้นายมีความสุขเหรอ” เธอไม่ได้สนใจสีหน้าที่เขียวซีดของเขา เศวยายิ้มแล้วส่ายหัว “ไม่มีทางหรอก และมันก็จะไม่มีทางอีกแล้ว” เธออยากจะเดินหนีไปแต่ก็ถูกธนเทพจับแขนของเธอไว้แน่น “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเหรอ เขาทำพลาดอะไรไปรึเปล่า ทำไมเธอถึงไม่มีความทรงจำดีๆกับเขาเลย ! ไม่ว่าเพราะอะไรก็ตาม ธนเทพกลับมั่นใจว่าเศวยาไม่มีทางพูดแบบนั้นออกมรอย่างไร้เหตุผลแน่ๆ! ในตอนนั้นเอง ก็มีคนจากข้างนอกต้องการจะผลักประตูเข้ามา “อะไรเนี่ย ทำไมประตูล้อกล่ะ” เศวยากวาดสายตามองไปที่ประตู ริมฝีปากสีแดงที่น่าหลงใหลค่อยๆ เผยอขึ้น “ตอนนี้ท่านประธานเดชชาตรีกำลังหัวเสียอยู่ เป็นลูกบุญธรรมเขาอย่างนาย ก็ควรจะช่วยเขาจัดการปัญหาคาราคาซังพวกนั้นสิ” ธนเทพค่อยๆ หลับตาลง “มีอะไรที่เธอไม่รู้บ้างมั้ย” เศวยาเอานิ้วชี้ไปที่แผ่นอกของเขา “ฉันไม่รู้...ว่าข้างในนี้เป็นสีอะไร และฉันไม่รู้ ว่าตลอดการของคนคนนึงมันนานเท่าไหร่” เธอเงยหน้ามามองเขา “ธนเทพ ในตอนที่นานเรียนรู้ที่จะไม่รักใครสักคนได้จริงๆ ไม่ว่านายมีเป้าหมายหรือแผนการอะไรในใจก็ตาม นายก็อย่ามาหลอกใช้ฉันเลยนะ” ชาตินี้เธอจะอยู่ห่างจากเขาให้ได้ ธนเทพขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็ส่ายหัวและยิ้มแหยๆ เขาเอามือทั้งสองข้างวางลงบนไหล่ของเธอ แล้วดึงเธอเข้าหาเขา “เศวยา เธอยังจะทำให้ฉันประหลาดใจได้ตลอดเลย” ในงานเลี้ยงครบรอบหนึ่งปีของตระกูล เรื่องในคืนที่นินัทธ์ก่อเรื่องอาละวาดในห้องจัดงานเลี้ยงครบรอบการก่อตั้งกิจการของตระกูลวรวงศ์คุณากรไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากนัก แต่ฉากโรแมนติดของเขากับเศวยากลับกลายเป็นจุดสนใจของสื่อมวลชน คนหนึ่งคือลูกสาวคนโตของนายอำเภอเมืองA อีกคนคือลูกชายคนเดียวของท่านประธานเดชชาตรีแห่งตระกูลวรวงศ์คุณากร ถ้าหากทั้งสองตระกูลที่เป็นผู้มีอำนาจในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของเมือง A ได้เกี่ยวดองสมรสกันก็เกรงว่าจะทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นในระยะยาว ในร้านกาแฟ เศวยาสวมแว่นกันแดดนั่งอยู่โต๊ะติดหน้าต่าง ถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือ พอเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เธอก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ในช่วงไคลแมกซ์แบบนี้ แต่ตระกูลวรวงศ์คุณากรกลับไม่ออกมาพูดอะไรเลยสักคำ มันก็เป็นเพียงแค่เสียงวุ่นวาย นินัทธ์กับข่าวฉาวของตัวเอง ไม่ได้ทำเขาเสียหาย กับเป็นผลประโยชน์พลอยได้ต่างหาก มันสามารถทั้งช่วยยกระดับตำแหน่งประธานที่อยู่ในใจเขา อีกทั้งยังกลบความผิดปกติในค่ำคืนนั้นของเขาได้อีกด้วย ในเมื่อเป็นแบบนี้ เศวยายังคงเลือกที่จะ เงียบต่อไป เพียงแค่ให้เธอช่วยนินัทธ์ได้ ไม่ว่าทำอะไรเธอก็ยอม! เพียงแต่ว่า...การเจรจากับทางพ่อของเขานั้นค่อนข้างยาก “คุณเศวยา?” เธอเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามีผู้หญิงแปลกหน้าอยู่ตรงหน้าเธอ เธอสวมชุดเดรส เป็นคนสวยมาก เธอนึกว่าผู้หญิงตรงหน้าเธอเป็นนักข่าว เศวยานิ่งเงียบไม่พูดอะไร เธอวางหนังสือพิมพ์ และเตรียมที่จะลุกขึ้นเพื่อเดินจากผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ “ฮะๆ คุณเศวยา อย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันคือจารุภา เป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกิจการในเครือวรวงศ์คุณากรค่ะ” “ผู้จัดการของตระกูลวรวงศ์คุณากรเหรอ” เศวยาถอดแว่นกันแดดออก จารุภา ยิ้มให้และพูดว่า “ฉันขอนั่งด้วยได้มั้ยคะ” 
已经是最新一章了
加载中