ตอนที่ 26 ลูกสาวของคุณเป็นของผม   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 26 ลูกสาวของคุณเป็นของผม
ต๭นที่ 26 ลูกสาวของคุณเป็นของผม “เลขาธิการพรรคของเมือง”นินัทธ์พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “มาแลกเปลี่ยนกัน” ชิตวรมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง “มะ...หมายความว่ายังไง” “หนึ่งเดือนถัดจากนี้ ตำแหน่งเลขาธิการพรรคของเมือง A จะตกเป็นของคุณ...” นินัทธ์เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์และมีเสน่ห์ “ถ้าคุณยกลูกสาวให้ผม” ไม่น่าเชื่อ ชิตวรไม่ได้โกรธเลย แต่กลับจ้องมองนินัทธ์อย่างละเอียดด้วยความสงสัย ‘นินัทธ์ ที่จริงเขาซ่อนอะไรอยู่กันแน่นะ’ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร แต่ชิตวรก็รู้เป้าหมายของนินัทธ์อย่างแน่ชัด น้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวแบบนั้น อีกทั้งยังจริงจังเป็นอย่างมาก ชิตวรหันหลัง เอามือไขว้กันด้านหลังแล้วเดินสองสามก้าวไปที่ชั้นที่มุมห้อง จากนั้นก็หยิบกรรไกรขึ้นมาตัดแต่งกิ่งไม้ของไม้ประดับที่วางตรงนั้นด้วยตัวเอง นินัทธ์ยังคงนั่งเงียบรอคำตอบของชิตวรออยู่บนโซฟาอยู่โดยตลอด พอตัดแต่งกิ่งไม้จนพอใจแล้ว ชิตวรก็วางกรรไกรลง เขามองอย่างชื่นชมและพูดว่า “อาคงยกลูกสาวของอาให้คนที่ไม่มีประโยชน์ไม่ได้หรอกนะ” นินัทธ์ยิ้มอย่างลวงโลกแล้วลุกขึ้นยืน เขาเดินไปที่ประตู ผลักมันออกแล้วเดินจากไปโดยไม่ได้ทักท้วงอะไร ชิตวรค่อยๆ หันกลับมา แล้วมองเหม่อไปที่ประตูใหญ่ที่ปิดสนิทและคอตกเล็กน้อย ในตอนนั้นเศวยาก็เดินออกมาจากในห้อง “พ่อ นินัทธ์ล่ะคะ” “ไปแล้ว” “ข้างนอกยังฝนตกอยู่เลย พ่อปล่อยให้เขากลับไปได้ยังไงคะ!” เศวยาหยิบร่มแล้ววิ่งออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อนลนลาน พอเห็นว่าลูกสาวของตัวเองสนใจนินัทธ์มากขนาดนั้น ชิตวรก็นวดขมับตัวเอง เขาไม่รู้ว่าที่ตนตัดสินใจทำลงไปเมื่อครู่มันถูกหรือผิด “พ่อ” ไม่รู้ว่าบริวุตยืนอยู่ข้างหลังชิตวรตั้งแต่เมื่อไหร่ ชิตวรหันไป บริวุตลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วถามออกมาอย่างแน่วแน่จริงจัง “พ่อ พ่อรับปากจะยกพี่ให้หมอนั่นแล้วเหรอ” เห็นได้ชัดเลยว่าบริวุตได้ยินที่เขากับนินัทธ์คุยกันเมื่อสักครู่ ชิตวรเงียบไปพักใหญ่ จึงเปิดปากพูดออกมา “ถ้านินัทธ์นั่นทำเรื่องแบบนั้นได้จริง ๆ ก็คงไม่ง่ายแล้วล่ะ” จากนั้นเขาก็กลับไปนั่งที่โซฟา แล้วจ้องมองลูกชายของตนอย่างลึกซึ้ง “ไม่ใช่ว่าพ่อไม่อยากจะดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพักของเมือง แต่ว่าพ่อไม่มีทางเอาลูกสาวของตัวเองมาแลกกับตำแหน่งหน้าที่การงานหรอก” ใบหน้าที่ตึงเครียดของบริวุตผ่อนคลายลง ยังดีที่พ่อไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง ไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะยืนอยู่ฝั่งพี่สาวของตน! ในตอนที่เศวยาวิ่งออกไปตามหานินัทธ์ ก็เห็นว่ามีรถจากบ้านตระกูลวรวงศ์คุณากรกำลังพานินัทธ์ขึ้นรถ รถค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้า แล้วหายไปในสายฝนและหมอกยามค่ำคืน พอนินัทธ์มองผ่านกระจกมองหลังแล้วเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ เขาก็ยิ้มมุมปากออกมาอย่างผ่อนคลาย เหมือนมีหยดน้ำฝนไหลพรำเข้าไปในหัวใจของเขา ธนเทพฉีกหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือ แล้วทิ้งลงบนพื้น หันไปเปิดหน้าต่างห้องสำนักงานให้หยาดน้ำฝนจากภายนอกกระเซ็นเข้ามา ทั้งสองมือของเขาล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง น้ำฝนที่ตกลงมาสาดกระเซ็นโดนใบหน้าทางด้านข้างที่อยู่ท่ามกลางเงามืด ในตอนที่ชวนีเดินเข้ามา ก็กวาดสายตาไปเห็นหนังสือพิมพ์ที่อยู่บนพื้น พอเธอเห็นรูปที่อยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์ สายตาของเธอก็จ้องไปที่คนที่อยู่ในภาพนั้นด้วยแววตาที่ดำมืดและเย็นชา เศวยา! หลังจากที่สูดหายใจเข้าไปลึกๆ ชวนีก็ค่อยๆ เดินเข้ามากอดธนเทพจากด้านหลัง “เทพ นีก็บอกเทพแต่แรกแล้วนะ ว่าเศวยาเป็นผู้หญิงที่หลงใหลได้ปลื้มกับเกียรติยศจอมปลอม เทพไม่จำเป็นต้องไปโมโหเพราะหล่อนหรอกนะ” ธนเทพไม่ได้พูดอะไร เขาเม้มปากแน่น เห็นได้ชัดว่าเขายังคงโมโหอยู่ “เทพ” ชวนีอ้อมมาที่ด้านหน้าของเขา ลมจากนอกหน้าต่างพัดผมยาวอันนุ่มนวลของเธอ จนผมของเธอปลิวไปสัมผัสแก้มของเขาเบาๆ “นับแต่นี้ไป พวกเราเปลี่ยนแผนกันน่าจะดีกว่านะ” ธนเทพหันไปมองเธอ ชวนียิ้มและพูดว่า “เศวยาสนใจคนบ้าคนนั้นไม่ใช่เหรอ มันจะดีกว่ามั้ยถ้าพวกเราเป็นตัวกลางให้ทั้งสองคนได้คบกัน” ธนเทพกดสายตาต่ำลง ‘จะให้ยกผู้หญิงคนนั้นให้นินัทธ์งั้นเหรอ’ เขายังไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขาอยากจะทำแบบนั้น! เขาหันออกแล้วเดินไปที่ตู้เก็บไวน์ เขาหยิบแก้วไวน์และเทไวน์ลงแก้ว พอดื่มหมดแก้ว เขาก็เขย่าขวดแล้วเทลงแก้วไวน์อีกครั้ง ท่าทีของเขาทำให้ชวนีกัดฟันแน่น เธอเดินไปหาเขาแล้วพูดต่อว่า “เทพ เทพอยากจะได้รับการยอมรับว่าเป็นคนในตระกูลวรวงศ์คุณากร อยากจะให้พวกสื่อมวลชนได้รับโทษที่ควรได้รับ เศวยาก็แค่หมากตัวนึง จะวางตรงไหนก็ได้ แค่ใช้ประโยชน์ให้มากที่สุดได้ก็พอ” ชวนีจ้องมองเขา ทันใดนั้นเธอก็พูดออกมาเบาๆ “หรือว่า...เทพไม่เคยคิดจะปล่อยยาไปน่ะ” ธนเทพขมวดคิ้ว ดวงตาสีดำของเขามองไปที่ชวนี “คำถามเดิมแบบนี้ เทพไม่อยากจะอธิบายเป็นรอบที่สองแล้ว” “งั้นเปลี่ยนแผนกันเถอะ เรามาเป็นตัวกลางให้เธอคบกับนินัทธ์กัน!”ชวนีตัดสินใจด้วยท่าทางที่แน่วแน่และมองธนเทพด้วยสายตาที่จริงจัง “เทพ เทพคิดดูสิ เศวยาชอบคนบ้าคนนั้นใช่มั้ย ยาเป็นผู้หญิงที่ฉันรู้จักและเข้าใจมากที่สุด ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้ได้เงินของตระกูลวรวงศ์คุณากรมก็เท่านั้น ฉะนั้นพวกเราก็ควรจะให้โอกาสยานะ” พอเห็นสายตาที่ธนเทพมอง ชวนีก็กดตาต่ำแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ก็แค่ข่าวลือ มันไม่ร้ายแรงเท่าฆ่าคนตายหรอกน่า” ธนเทพคิ้วกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย “แล้ว?” “เราจะหาช่องโหว่ของเศวยาได้ง่ายกว่า ถ้าเธอทำผิดอะไร เราก็สามารถโยนความผิดไปนินัทธ์ได้ ไม่ว่าความผิดเหล่านั้นจะใหญ่เล็ก จะเบาหรือหนักแค่ไหน และแน่นอนว่า ในอนาคตเศวยาจะต้องเป็นมเหสีของตระกูลวรวงศ์คุณากร” ความคิดของชวนีนั้นง่ายมาก คือเตะเศวยาออกไปให้ไกลจากธนเทพ อย่าให้หล่อนมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาอีก! คิ้วของธนเทพขมวดชนกันแน่น เขาเทไวน์ลงแก้วไวน์แล้วดื่มลงไปอีกครั้งช้า ๆ ทันใดนั้นก็เผลอหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งอก “ผู้หญิงของนินัทธ์ ผู้หญิงของนินัทธ์…” เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้น่าสนใจมากกว่าเรื่องลูกสาวของนายอำเภอ!หากเป็นเช่นนั้น ความผิดพลาดของเศวยาอาจไม่สามารถอภัยให้ได้ ถ้าอย่างั้นความผิดก็จะตกเป็นของ...นินัทธ์และชิตวร! ชวนีจ้องเขาตลอดเวลา “เทพ พวกเรามีเวลาไม่มากนะ นีกลัวว่าบริษัทจะรอนานขนาดนั้นไม่ได้” สายตาของธนเทพมีความเย็นชาเล็กน้อย “เทพรู้” ชวนีฉลาดมาก เธอรู้ว่าธนเทพไม่ชอบให้ใครมาขัดควางากรตัดสินใจของเขา ธนเทพวางแก้วไวน์ลง แล้วหันหน้ามา “ไม่กลับบ้านสองวันแล้วแบบนี้ ไม่กลัวว่าคนที่บ้านจะถามหาเหรอ” “นีบอกแม่ว่าไปดูแลน้องสาวของเพื่อน แม่ไม่ถามหรอก” ชวนีพูดพลางเอาหน้าซุกแผ่นอกของธนเทพ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงที่นุ่มนวล “เทพ นีก็แค่อยากอยู่กับเทพ จะหนึ่งนาทีหรือหนึ่งวินาที นีก็ไม่อยากจะแยกจากเทพ” ธนเทพก้มหน้า ใจสงบลง เขาโอบเธอด้วยมือข้างเดียว เอาคางวางไว้บนหน้าผากของเธอ “หลังจากเรื่องทั้งหมดนี้จบลงแล้ว พวกเรามาแต่งงานกันนะ” เขาอยู่กับชวนี เขารู้สึกว่าตัวเองรู้สึกสบายใจมาก ความรู้สึกที่จิตใจสงบแบบนี้ อาจเป็นเหตุผลที่เขาอาลัยอาวรณ์เธอ ในใจของชวนีรู้สึกดีใจจนแทบจะบ้าคลั่ง แต่ก็เก็บไว้ในใจ ไม่แสดงออกมาให้เห็น เพียงแต่พยักหน้าอย่างน่ารักน่าเอ็นดู “นีรู้จ้ะ” พอเดชชาตรีรู้ว่าเมื่อวานลูกชายของตัวเองไปหาลูกสาวของบ้านศิริวัชรภัทร ก็ทั้งตกใจทั้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จากนั้นเขาก็โทรไปกล่าวขอโทษชิตวรด้วยตัวเอง แม้ว่าเขาตั้งใจจะใช้เศวยาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากนินัทธ์ แต่เขาก็ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าในใจของเขาจะมีเธออยู่ล้นหัวใจขนาดนี้! ถ้าเศวยาเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ก็คงจะปล่อยวางได้ แต่หล่อนเป็นถึงลูกสาวของนายอำเภอ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทั้งสองตระกูลจะต้องแตกหักกันเป็นแน่! พอวางสาย เดชชาตรีก็ให้จารุภารีบไปหานินัทธ์ที่เทือกเขาตะนาวศรี ตอนนี้เป็นช่วงสำคัญ จะให้ผิดพลาดเพราะความประมาทอีกไม่ได้ ทันทีที่จารุภาไปถึงบ้านวรวงศ์คุณากรบนเทือกเขาตะนาวศรี ก็พบว่ามีบอดี้การ์ดที่เฝ้าหน้าประตูมากกว่าสองคน ตอนที่เพิ่งเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงของน้าลิลลี่ดังออกมาจากสวนหลังบ้าน “คุณชายคะ ระวังหน่อยค่ะ ระวังด้วยค่ะ เดี๋ยวจะตกลงมานะคะ...” จารุภางงไปสักพัก แล้วรีบเดินผ่านห้องนั่งเล่นไป มองปราดเดียวก็เห็นว่านินัทธ์กำลังใช้กรรไกรแต่งกิ่งตัดดอกท้อที่บานสะพรั่งอยู่บนบันไดช่าง น้าลิลลี่ยืนอยู่ข้างล่างด้วยสีหน้าที่ตกใจจนซีดเซียว แต่ก็ไม่กล้าที่จะตะโกนออกมาเสียงดัง เพราะเกรงว่าจะทำให้นินัทธ์ตกใจ “คุณชายคะ พอแล้วล่ะค่ะ รีบลงมาเถอะค่ะคุณชาย” จารุภาตกใจจนนิ่งไป ดอกไม้พวกนี้เป็นหัวใจของท่านประธาน เขาพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า ถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้กัน แต่ก็รับรู้ถึงกันได้ ถึงแม้ว่าตระกูลวรวงศ์คุณากรจะหลบทางโลก แต่ผู้คนก็ยังรู้จักตระกูลเขาอยู่ดี คนทั้งบ้านไม่มีใครกล้าที่จะแตะต้องดอกท้อที่มีค่านี้ วันนี้นินัทธ์เป็นอะไรไปนะ เธอเดินมาอยู่ตรงหน้าน้าลิลลี่ “น้าคะ คุณชายเด็ดดอกท้อพวกนั้นไปทำไมคะ” น้าลิลลี่มองจารุภาแล้วพูดอย่างร้อนรนว่า “โอ้ย น้าก็ไม่ทราบค่ะ น้าแค่ได้ยินคุณชายรำพึงรำพันตลอดเวลาว่า จะเอาสิ่งเหล่านี้จะทำให้หล่อนเด่นขึ้น แล้วคุณชายก็ให้น้าไปหาบันไดมาให้ค่ะ คุณชายปีนขึ้นไปคนเดียว ตายๆๆ ถ้าคุณท่านรู้ คงไม่ยกโทษให้คุณชายแน่” “สิ่งเหล่านี้จะทำให้หล่อนเด่นขึ้นเหรอ” จารุภากลอกตาไปมา ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ ในวันครบรอบการก่อตั้งกิจการของตระกูลวรวงศ์คุณากร เศวยาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอย่างน่าทึ่ง วันนั้นเธอมีดอกท้อสีสวยงามทัดหู “หล่อน”ที่นินัทธ์พูด น่าจะหมายถึงเศวยา ถ้าแบบนี้ แม้แต่ตัวจารุภาเองก็รู้สึก ว่าผู้หญิงคนนั้นสวยกว่าดอกท้อถึงสามเท่า พอนึกมาถึงจุดนี้ จารุภาก็หัวเราะคิกคัก แล้วดึงน้าลิลลี่ให้เดินออกมา “น้าคะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณชายก็แค่จะเลือกดอกท้อไปเอาใจสาวสักสองสามดอกละมั้งคะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ให้ภาไปคุยกับคุณชายสักหน่อยก็ได้แล้วแหละค่ะ” น้าลิลลี่แปลกใจมาก “อุ้ยต๊าย คุณชายมีคนในแล้วงั้นเหรอคะ” ทันใดนั้นก็ตกใจขึ้นมาอีกครั้ง “หรือว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้น...ที่เป็นลูกสาวท่านนายอำเภอที่ลงข่าวหน้าหนึ่งกับคุณชาย” จารุภายิ้มแต่ไม่พูดอะไร น้าลิลลี่นิ่งไปพักนึง จึงพูดออกมาอีกว่า “ก่อนหน้านี้ เด็กสาวคนนั้นก็เคยมาหาคุณชายด้วย น้าคิดว่าเป็นนักข่าวซะอีก แถมยังพาคุณชายธนเทพมาที่นี่ด้วย” จารุภาคิ้วกระตุกทีหนึ่ง”อ้ะ มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอคะ” “ใช่ค่ะ น้าเห็นว่าตอนนั้นคุณชายธนเทพพาผู้หญิงคนนั้นกับนักข่าวอีกคนหนึ่งมาด้วย น้าก็คิดว่าเป็นคนรู้จัก ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นน่ะค่ะ” ธนเทพ... จารุภาขมวดคิ้ว เธอไม่เคยรู้สึกอะไรกับธนเทพ เธอมักจะรู้สึกว่าอีตาแผนสูงเจ้าเล่ห์คนนี้จะลึกลับมากเกินไปแล้ว มีความทะเยอทะยานในตระกูลวรวงศ์คุณากรเป็นอย่างมาก ในตอนนั้น นินัทธ์เดินเข้ามาโดยที่ถือดอกท้ออยู่ในมือ ทว่าน้าลิลลี่จ้องมองด้วยความอึดอัดใจ จารุภายิ้มและพูดว่า “คุณชายคะ คุณจะเอาดอกไม้พวกนั้นไปให้ใครคะ” นินัทธ์ไม่ได้สนใจจารุภา เขาเอาแต่มองดอกไม้ในมือและยิ้มอยู่คนเดียว จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน น้าลิลลี่เห็นก็รีบพูดแทนคุณชายว่า “คุณจารุภาคะ อย่าถือสาคุณชายเลยนะคะ คุณชายก็เป็นงี้แหละค่ะ” จารุภาหัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ท่าทางและความคิดของนินัทธ์ก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว กับท่านประธานเดชชาตรีเขาก็เป็นแบบนี้ นับประสาอะไรกับเธอ ในโลกของนินัทธ์ ผู้คนที่มีชีวิตอยู่รอบตัวเขาเป็นเพียงแค่ของประดับตกแต่ง แต่ครู่หนึ่ง นินัทธ์ก็เดินลงบันไดมา แล้วเดินมาถึงตรงหน้าของจารุภา เขาลังเลสักพัก จึงเอ่ยออกมาว่า “ดอกไม้...ต้องห่อยังไงเหรอ” จารุภานิ่งไปสักพัก ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนมีคนเข้าหาและรู้สึกชอบพอ โอ้โห คุณชายตระกูลวรวงศ์คุณากรเข้ามาคุยกับเธอด้วยตัวเอง นี่มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากกว่าการที่ท่านประธานให้โบนัสครึ่งปีซะอีก จารุภาพูดแล้วยิ้มตาหยี “น้าลิลลี่คะ ช่วยหากระดาษห่อดอกไม้สวยๆ มาให้สักแผ่นหน่อยค่ะ ขอแบบเรียบ ๆ ไม่ฉูดฉาดนะคะ” “ค่ะ น้าไปเอาให้เดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ” น้าลิลลี่ก็รู้สึกดีใจมากที่คุณชายเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนากับคนอื่นได้แล้ว นี่เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ! นินัทธ์เอาดอกไม้วางไว้บนโต๊ะ ตัวเองนั่งตรงกันข้ามกับดอกไม้ แล้วมองอย่างละเอียดตั้งใจ เหมือนกลัวว่าเธอจะทำกลีบดอกไม้เสีย จารุภาหัวเราะ ก็ไม่รู้ว่าคุณชายชื่นชอบดอกไม้เหล่านี้ หรือว่าชอบหญิงสาวที่จะส่งดอกไม้ให้ จารุภาชำนาญมือมาก ไม่ทันไรก็ห่อดอกไม้จนเสร็จเรียบร้อย “เสร็จแล้วค่ะ แบบนี้โอเคมั้ยคะ” นินัทธ์หันมองซ้ายขวา แล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ “อื้ม” พอได้มีช่วงเวลาแบบนี้ จารุภาก็รู้สึกซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้ จารุภาได้รับความไว้วางใจจากคุณชายแล้ว! อยากถามลองเชิงว่า ใครกันที่ได้รับเกียรติในการับดอกไม้ช่อนี้ “บอดี้การ์ดข้างนอกนั่น...เกิดอะไรขึ้นเหรอ” พอได้ยินเสียงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของจารุภาก็ลดน้อยลงไปเล็กน้อย แล้วหันไปทักทายเจ้าของเสียงนั้นอย่างมีมารยาท “อ้าว คุณชายธนเทพ” ธนเทพยิ้มอ่อน “ผู้จัดการจารุภาวันนี้ว่างก็เลยมาหานินัทธ์เหรอ” “ฮะๆ มีเรื่องที่ต้องมาทำที่นี่พอดีค่ะ ก็เลยได้โอกาสมาเยี่ยมเยียนเขาหน่อยน่ะค่ะ” พอเห็นดอกท้อที่อยู่บนโต๊ะ ธนเทพก็คิ้วกระตุกไปทีหนึ่ง แล้วกวาดสายตาไปที่สวนหลังบ้าน “ดอกไม้พวกนี้คือ…” จารุภาตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ “ไม่มีอะไรค่ะ น้าลิลลี่เก็บดอกไม้มาค่ะ” น้าลิลลี่พยักหน้ารัวๆ “ใช่ค่ะๆ น้าเห็นว่าทิ้งไว้ก็น่าเสียดาย ก็เลยให้คุณจารุภาช่วยห่อให้น่ะค่ะ จะเอาไปมอบให้คนอื่นก็ไม่เลวนะคะ!” พวกหล่อนจงใจปกป้องใครบางคนอยู่ ทำไมธนเทพจะมองไม่ออกล่ะ เขายิ้มออกมาอย่างสุภาพเรียบร้อย แล้วเดินไปอยู่ข้างนินัทธ์โดยไม่ได้ถามคำถามเดิมนั้นต่อ “นินัทธ์ ฉันย้ายเข้าบ้านใหม่แล้ว อยากเชิญเพื่อนสักสองสามคนไปฉลอง นายว่างมั้ย ไปด้วยกันมั้ย” นินัทธ์ขี้เกียจที่จะสนใจเขา ทำให้ธนเทพขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย จารุภาที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่ได้ช่วยแก้ตัวเองแทนนินัทธ์ ธนเทพก็ได้ชื่อว่าเป็นคุณชายของตระกูลวรวงศ์คุณากรเหมือนกัน คนที่รู้เรื่องนี้มีไม่มาก แม่ของเขาก็คือนิภา ภริยาคนใหม่ของเดชชาตรี ตอนนี้คงกำลังไปพักร้อนที่เกาะไซปัน เดชชาตรีเคยตอบรับแล้วว่าหลังจากที่เธอกลับมา จะประกาศฐานะของพวกเขาที่เป็นสามีภรรยากันต่อสาธารณชน เมื่อถึงตอนนั้น เรื่องที่ธนเทพยื่นมือเข้าไปในตระกูลวรวงศ์คุณากร ก็จะยิ่งบานปลายมากขึ้น จารุภาก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมท่านประธานเดชชาตรีถึงได้ชื่นชมธนเทพแบบนี้ แต่นี่เป็นเรื่องในบ้านของเจ้านาย แน่นอนว่าเธอจึงไม่กล้าจะก้าวก่าย ธนเทพนั่งพิงพนักเก้าอี้ เขาเหลือบตามองนินัทธ์จาด้านข้าง หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ที่จริงก็ไม่มีคนไปเยอะหรอก ฉันก็ไม่ชอบคนเยอะเหมือนกัน...อ้อ จริงสิ เศวยาก็ไปด้วยนะ” พอเห็นสายตาที่มองเปลี่ยนไปของนินัทธ์ สายตาของธนเทพก็มองต่ำลงและดูมืดมนลงเล็กน้อย นินัทธ์โดนผู้หญิงคนนี้ทำให้หัวใจหวั่นไหวตามที่คาดไว้เลย! พอรู้แบบนี้ มันยิ่งเป็นไปตามแผนมากขึ้น แต่กลับไม่มีผลดีต่อความรู้สึกของเขา ณ เวลานี้ มันทำให้เขารู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก ณ บ้านศิริวัชรภัทร ชวนีผลักประตูเข้าไปในห้องของเศวยา แล้วเห็นว่าเธอกำลังดูสถานการณ์ตลาดหุ้นทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ชวนีนิ่งไปสักพัก แล้วพูดว่า “ยา เธอหัดเล่นหุ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ” เศวยาปิดคอมพิวเตอร์อย่างไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก “ว่างน่ะ เลยหาอไรทำฆ่าเวลา” มีประสบการณ์ที่ผ่านมาสองปีอีกครั้ง ถ้าไม่กลับมาเล่นอีกก็เสียดายแย่สิ ยิ่งกำลังอยู่ข้างกายธนเทพพอดี ก็เลยเข้าใจเรื่องหุ้นเพิ่มอีกขึ้นอีก เธอรู้ดีว่าเทรดยังไง และเล่นหุ้นของอะไรถึงจะได้เงินมาก “ฮะๆ เรียนๆไว้ก็ดีนะ” ชวนีไม่ได้สนใจซะเท่าไหร่ เดินเข้าไปแล้วพูดว่า “ยา วันนี้มีงานฉลองเลื่อนตำแหน่งของเทพ เขาอยากชวนให้พวกเราไปน่ะ” เศวยาหยิบนิตยสารมาพลิกเปิดทีละหน้าอย่างขอไปที “ฉันไม่ว่าง” กลับกลายเป็นว่าท่าทีของเธอทำให้ชวนีเบิกบานใจ แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเศวยาไม่ได้รู้สึกอะไรกับธนเทพ “โธ่ ไปเถอะนะ”ชวนีสังเกตเห็นการแสดงออกของเธอ จึงพูดออกมาเบาๆ “เทพบอกว่า คุณนินัทธ์นั่นก็อาจจะไปด้วย” เศวยาฟังแล้วสีหน้าและสายตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วพลิกหน้านิตยสารช้าลง ‘ธนเทพ นายต้องการจะทำอะไรกันแน่นะ’ นิตยาสารถูกวางลงบนโต๊ะดัง “ปึง” เศวยาลุกขึ้นและพูดว่า “ฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ” “ไม่มีปัญหา” ชวนียิ้ม เธอรู้อยู่แล้วว่าหัวใจของเศวยาอยู่ที่นินัทธ์!
已经是最新一章了
加载中