ตอนที่ 27 เธอเป็นของผม   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 27 เธอเป็นของผม
ต๭นที่ 27 เธอเป็นของผม เศวยาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จอย่างรวดเร็ว เธอใส่กางเกงยีนส์เรียบๆ กับเสื้อสูทจากผ้าชีฟองสีขาว ที่เข้ากับเสื้อยืดลายแตงโมที่เป็นการ์ตูน ผมยาวถูกมัดรวบเป็นหางม้าที่ดูเป็นธรรมชาติและน่ารัก เมื่อเห็นสาวสวยอยู่ที่หน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นวัยรุ่นและช่างมีเสน่ห์มากมายเหลือล้นนั้น ในใจชวนีก็รู้สึกอิจฉา พระเจ้ายังคงเข้าข้างเศวยา ให้เธอเกิดมาในครอบครัวที่มีชื่อเสียง รวย และตำแหน่งสูงยังไม่พอ แต่ยังให้เธอมีใบหน้าที่สวยงามขนาดนี้อีกด้วยงั้นเหรอ !? ชวนีอยากจะทำลายบดขยี้เศวยาด้วยมือของเธอเอง เมื่อมาถึงคอนโดหรูแห่งหนึ่งในใจกลางเมือง ทั้งสองคนลงจากรถแท็กซี่ เศวยาเงยหน้ามองขึ้น ในแววตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน เธอไม่ได้รู้สึกว่าที่นี่เป็นที่แปลกหน้าเลย “เทพบอกว่า ที่นี่อยู่ใกล้บริษัท เวลาจะไปทำงานหรือกลับคอนโดจะได้ไม่เสียเวลาบนท้องถนนมาก”ชวนีพูดอย่างยิ้มตาหยี จากนั้นก็นำทางเศวยา วางมาตรเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของและคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี ลิฟต์มาหยุดอยู่ที่ชั้น 16 ทั้งสองคนเดินออกมา ชวนีเดินตรงไปแล้วเลี้ยวไปหยุดอยู่ขวามือ “มาเร็ว ที่นี่แหละ”เธอพูดแล้วกดกริ่งห้อง เศวยาสายตาเย็นชาและไม่ได้พูดอะไร บนใบหน้าของชวนีมีอารมณ์ที่ดีใจและได้ใจอยู่หน่อยๆ ดูเหมือนว่า ณ วินาทีนี้ มันกลับช่างหน้าขำซะจริง ทำไมตอนแรกตัวเองถึงต้องไปสนใจใส่ใจแบบนั้นด้วย ยิ่งไม่ยอม ยิ่งไม่เสียดาย ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ได้พิสูจน์ความแน่ของตัวเอง ประตูถูกเปิดออก ธนเทพยืนอยู่ที่ประตู ทันใดนั้นสายตาก็ไปตกอยู่บนร่างเศวยา และยิ้มอย่างมีบุคลิก “ทำไม พอผมบอกว่าจะจีบคุณ คุณก็หนีผมไปตลอดเลย...คุณเศวยา คุณอาจจะไม่ได้อายมากแล้วมั้ย แต่ผมแค่ล้อเล่นเอง ทำไมคุณต้องถือเป็นจริงเป็นจังด้วย” เศวยาหรี่แววตาที่สวยดั่งตานกฟินิกส์ของเธอ ทำไมอยู่ๆ ธนเทพถึงเปลี่ยนไป ทำลายประโยคล้อเล่นที่เคยพูดก่อนหน้านี้ซะหมดเกลี้ยง! เธอมองต่ำ ตั้งใจที่จะเลี่ยงสายตาของเขา ก่อนที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีภูมิคุ้มกันต่อผู้ชายคนนี้มั้ยนั้น เธอจะไม่ยั่วโมโหเขาเองก่อน สองปีที่มีความรักที่ลึกซึ้งได้ถูกทอดทิ้งไปแล้ว ที่สุดแล้วความรู้สึกของเธอก็ไม่ได้กลายเป็นควันหรือผุยผง แยกย้ายก็คือแยกย้าย ชวนีเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างธนเทพกับเศวยาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ชวนียิ้มเล็กน้อยและพูดขัดจังหวะขึ้นมา “เทพ ให้ยาเข้าไปพูดอะไรหน่อยดีมั้ย” เศวยาไม่โต้กลับเลย เธอเดินเข้าไปแล้วก็เห็นว่ามีคนสองคนอยู่ในห้องรับแขก จารุภาโบกมือให้เศวยา แล้วยิ้มพลางพูดว่า “คุณเศวยา เจอกันอีกครั้งแล้วนะคะ” “สวัสดีค่ะ คุณจารุภา” หลังจากที่เศวยากล่าวทักทาย สายตาของเธอก็หันไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างจารุภา เดิมทีนินัทธ์มองเธอด้วยใบหน้าที่เย็นชาไร้ความสนใจ แต่ตอนนี้เขากลับมองเธอด้วยสายตาที่นุ่มนวลงดงามราวกับรูปปั้นแกะสลักที่มีชีวิต เขาสวมแค่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำ แต่กลับการแต่งตัวที่เรียบงานที่เข้าชุดกันดีจนทำให้ร่างกายสูงโปร่งหุ่นดีของเขาดูเด่นและดูดี เขาลุกขึ้นยืน แล้วนำช่อดอกท้อยื่นให้กับเศวยา เศวยานิ่งไป เธอจ้องมองช่อดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้าเธอด้วยความรู้สึกคุ้นเคย ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ “นี่นายตัดดอกท้อที่สวนหลังบ้านมาให้ฉันเหรอ” จารุภาที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ยกมือขึ้น แล้วพูดออกมาอย่างขำๆ “ฉันเป็นพยานค่ะ” นินัทธ์หันไปจ้องมองเธอ ดวงตาที่กลมทำให้คนที่เห็นรู้สึกใจไม่ดี “ตอนนั้นเธอทัดหูแล้วดูดีน่ะ” “ก็เลย…”เศวยารับช่อดอกไม้มาด้วยความรู้สึกงงๆ อย่างบอกไม่ถูก “ก็เลยตัดมาให้ฉันน่ะเหรอ” เศวยาก้มหน้าลง แล้วดมกลิ่นช่อดอกไม้ที่นินัทธ์มอบให้ ‘หอมจัง’ เธอยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็เอาดอกไม้มากอดไว้ในอ้อมแขน แล้วดมกลิ่นหอมนั่นอีกครั้ง ความเงียบเหงาในหัวใจก็จางหายไป แต่ก็เหมือนกับดอกไม้ธรรมดา ที่เบ่งบานแล้วสวยงาม แล้วทำไมเธอถึงได้ชอบดอกท้อช่อนี้กันนะ…? นินัทธ์จ้องมองรอยยิ้มของเธอ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาทำให้คนยิ้มอย่างใจสั่น นินัทธ์ก็ยื่นมือมาสัมผัสผมหางม้าของนินัทธ์ แล้วประทับริมฝีปากลงไปโดยไม่สนใจว่ามีคนอื่นยืนอยู่ข้างๆ เศวยานิ่งไปสักพัก ใบหน้าของเธอก็แดงแจ๋ขึ้นมาทันที “นะ...นินัทธ์” จากนั้นสายตาของเธอก็เหลือบมองไปที่จารุภาโดยไม่รู้ตัว ขนตาที่หนาและยาวของนินัทธ์กระพริบถี่ๆ แล้วพูดออกมาอย่างไร้เดียงสา “ชอบผมของเธอจัง” ในตอนนั้นจารุภามองตาค้าง เธอไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เธอเห็นอยู่ในตอนนี้ หรือว่าทอมกับเจอร์รี่จะลักพาตัวคุณชายนินัทธ์ตัวจริงไปแล้ว เขา...นี่เขาออกตัวจีบสาวได้ขนาดนี้เลย?! แบบนี้เรียกได้ว่าเป็นการจีบขั้นสูงซะด้วย! ธนเทพยืนจิบไวน์แดงอยู่ที่หน้าประตู พอเห็นภาพบาดตาบาดใจตรงหน้า เขาก็จับแก้วไวน์ทรงสูงในมือแน่น สายตาของเขาก็ดูดุดันมืดมนไปในทันที แววตาที่เฉียบคมดั่งมีดมองไปเห็นแก้มของเศวยาที่แดงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ธนเทพสั่งอาหารเดลิเวอรี่จากร้านอาหารฝรั่งใกล้ๆ มาเป็นมื้อเที่ยง นินัทธ์ทานไปได้ไม่มากก็วางช้อนส้อมลง แล้วเดินไปนั่งอยู่ข้างๆ เศวยา มือข้างหนึ่งของเขาจับศีรษะของเธอไว้ ในตอนที่เขาจ้องตาของเธอ พวกเขาห่างกันไม่กี่เซนติเมตร เขาทำเหมือนกับว่าอยู่กับเศวยาตามลำพัง เศวยาก้มหน้า เธอไม่สามารถควบคุมสมองและจิตใจของเธอได้ แม้แต่จะหั่นสเต้กเนื้อก็ยังทำไม่ได้ เธอหั่นพลาดจนมีดกับจานกระทบกันเสียงดัง ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ เธอวางส้อมในมือลง แล้วหยิบแก้วไวน์มาจิบไปคำหนึ่ง ใครจะรู้ว่านะนินัทธ์หยิบจานสเต้กเนื้อวัวของเศวยามา แล้วใช้มีดหั่นสเต้กเป็นชิ้นเล็กๆ ให้กับเธอ สเต้กแต่ละชิ้นพอดีคำ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป จากนั้นเขาก็เลื่อนจานกลับไปตรงหน้าของเศวยา “กินสิ” ทุกคนตรงนั้นมองเขาเป็นตาเดียว ใบหน้าของเศวยาก็ร้อนผ่าวเหมือนกับไฟมากขึ้น ธนเทพมองต่ำด้วยสาตาที่ขบขัน ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย เขากำลังยิ้มเหน็บแนมอย่างเห็นได้ชัด ชวนียิ้มและพูดว่า “คุณชายนินัทธ์เอาใจใส่ดีจังเลยนะคะ” พูดจบ เธอก็หันไปมองธนเทพ จารุภาก็พยักหน้า เธอดื่มไวน์แดงไปไม่น้อย ตาของเธอจึงสะลึมสะลืมและพูดออกมาอย่างหยอกล้อว่า “นึกไม่ถึงเลยนะคะ ว่าคุณชายของพวกเราจะคาวาอี้ขนาดนี้น่ะ” พอรู้สึกว่ามีสายตาเฉียบคมมองมาจากฝั่งที่นั่งตรงกันข้าม เศวยาก็เงยหน้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ในตอนนั้นธนเทพก็ลุกขึ้นยืน ณ วินาทีนั้นคิ้วของเศวยาก็ค่อยๆ ขมวดมาชนกัน สายตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มของนินัทธ์ได้เปลี่ยนเป็นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา พอทานมื้อเที่ยงเสร็จ จารุภาก็รีบกลับไปประชุมที่บริษัทก่อน ชวนีนำผลไม้ออกมาเสิร์ฟถึงห้องรับแขก “คุณชาย ยา ไม่ต้องเกรงใจนะ” จากนั้นชวนีเข้าๆ ออกๆ ห้องครัว จนทำให้เศวยารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนนอก “ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” เศวยาลุกขึ้น และเดินไปห้องน้ำโดยไม่ได้ถามทางเจ้าของบ้าน เธอผลักประตูห้องน้ำเข้าไป ก็พบว่าทุกอย่างในนี้ยังดูคุ้นเคยเหมือนเมื่อก่อน นินัทธ์นั่งอย่างขี้เกียจอยู่บนโซฟา เขาชำเลืองมองไปในทางเดินที่เศวยาหายไป ในแววตาของเขามีแสงสว่างที่เยือกเย็น ทำให้รู้สึกได้ถึงความเย็นชาและโหดร้าย ไม่นานนัก เขาก็เพ่งสายตาไปที่ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม ธนเทพเลิกคิ้วสูง เขาจงใจแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ ทำไมธนเทพจะไม่รู้สึก “เศวยาเป็นของผม”นินัทธ์เอ่ยปากออกมาอย่างเย็นชา นอกจากพ่อของเศวยาแล้ว เขาก็ไม่ยอมเป็นรองใครอีก เมื่อเผชิญหน้ากับธนเทพ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงภัยคุกคามที่อาจไม่เป็นอันตราย แต่เขาก็จะไม่ยอมทนอีกต่อไป เศวยาคือคนของเขา ไม่ว่าใคร...ก็ห้ามคิดจะแย่งคนของเขา! ธนเทพนิ่งไปสักพัก นึกไม่ถึงเลยว่านินัทธ์จะตรงไปตรงมาแบบนี้ ไม่ปล่อยที่ว่างไว้ให้ใครเลย ธนเทพอยากจะเหยียดนินัทธ์ว่าคนอย่างเขาไม่มีทางตามผู้หญิงแบบนั้นทัน! และเพื่อแผนการนั้น ธนเทพก็ต้องให้เขามีความสัมพันธ์ที่ชัดเจน! แต่ธนเทพยังไม่แน่ใจว่านินัทธ์คนนี้มั่นใจในตัวเองหรือว่าแค่เล่นๆ เขาจึงยิ้มออกมาอย่างแฝงความหมายเอาไว้ลึกๆ “นายกลัวเหรอ” นินัทธ์เอียงคอชำเลืองมองธนเทพ “กลัวนายอ่ะเหรอ” ท่าทีที่โหดร้ายแบบกากๆ ของนินัทธ์ ทำให้ธนเทพหุบยิ้ม แววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดมน พอเห็นว่าประตูห้องน้ำถูกเปิดออก สายตาของนินัทธ์ก็ชำเลืองไปมองผู้หญิงที่ริมฝีปากงดงามที่เดินออกมาจากห้องน้ำ นินัทธ์ก็พูดออกมาในลำคอเสียงเบาๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่เจ้าตัวกับธนเทพ “ถ้านายกล้าแตะต้องเธอละก็ ถ้านายมาทางไหน ฉันจะทำให้นายไสหัวกลับออกไปทางนั้น” จากนั้นนินัทธ์ก็ลุกขึ้นเดินไปหาเศวยา “ไปกันได้แล้ว” แล้วเขาก็จับมือเธอเดินไปที่ประตูอย่างเป็นธรรมชาติ “อ้ะ”เศวยางงไปเล็กน้อย เธอหันไปมองธนเทพ ก็เห็นได้ว่าใบหน้าของเขาดูเย็นชาและมืดมน ‘บรรยากาศ ดูมาคุสุดๆ’ “เดี๋ยวสิ” ทันใดนั้นเศวยาก็สะบัดมือของนินัทธ์ออก แล้วเดินกลับมาที่ห้องรับแขก นินัทธ์ยืนนิ่ง จ้องมองมือที่ถูกสะบัดออกของตน จากนั้นก็เริ่มรู้สึกบ้าคลั่งขึ้นมา... เศวยาเดินเข้าไปในห้องรับแขก และกวาดสายตามองหาธนเทพ แต่เธอก็รีบลดสายตาลง “ลาก่อน” จากนั้นเธอก็หยิบช่อดอกท้อที่นินัทธ์มอบให้ขึ้นมา แล้วหันตัวเดินออกจากห้องนั้นไป ธนเทพรู้สึกหน้าชาไปครึ่งซีก เขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้คืออะไร ทั้งสองมือของเขาวางไว้บนหน้าขา รู้สึกเหมือนตะคริวแทบจะกินอยู่แล้ว พอนินัทธ์เห็นว่าเศวยาเดินถือดอกไม้ที่เขามอบให้อย่างระมัดระวัง และกำลังเดินมาหาเขา เขาก็นิ่งไปสักพัก ความบ้าคลั่งเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นความอบอุ่นอ่อนโยน เหมือนกับว่าเขาหว่านแหออกไป แล้วเธอว่ายเข้ามาติดกับ ในห้องนั้นเงียบไปชั่วขณะ ชวนีเดินมาที่ประตู พอมองธนเทพ เธอก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก ชวนีหายใจเข้าลึกๆ ยิ้ม แล้วเดินเข้ามารวบแขนทั้งสองของเขาไว้แน่น และพูดออกมาเบาๆ ว่า “ดูออกเลยล่ะ ว่านินัทธ์จะชอบเศวยามาก” ทันใดนั้นธนเทพก็ยิ้มอย่างเย็นชา แผ่รังสีที่เยือกเย็นออกมา “กับคนแบบนั้น เหมาะเหรอที่จะไปชอบ” ชวนีชะงักไปชั่วครู่ คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันอย่างขมขื่น “เทพ ที่สำคัญไม่ใช่นินัทธ์นะ เทพยังจะสนใจเขาอยู่อีกเหรอ” ธนเทพลุกขึ้น เขายืนมองลงไปเบื้องล่างจากห้องที่อยู่บนตึกสูงชั้นสิบหก “ก็แค่กลัวน่ะ ว่าคนที่เราไม่ได้สนใจ จะย้อนกลับมาทำร้ายเอาน่ะ” เศวยากับนินัทธ์เดินเข้าไปในลิฟต์ พอกดปุ่มที่มีเลขหนึ่งอยู่ ลิฟต์ก็ค่อยๆ ลงไปสู่ชั้นหนึ่ง เศวยายืนอยู่ข้างหน้า สายตาของเธอเอาแต่จ้องมองตัวเลข ฝ่ามือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ ผู้ชายที่อยู่ข้างหลังยืนพิงผนังลิฟต์ เขากำลังยืนยิ้มและมองเธออยู่ นินัทธ์เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลังของเธอค่อยๆ ยืดตรงขึ้นเรื่อยๆ เธอดูแข็งทื่อผิดธรรมชาติ ทันใดนั้นเขาก็เดินเข้าไปหา พอได้ยินเสียงฝีเท้าของนินัทธ์ เศวยาก็ตกใจ จนหัวใจเต้นรัว เพราะไม่นึกว่าเขาจะเข้ามาหาอย่างกะทันหันแบบนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยอยู่ห้องเดียวกับเขามาก่อน แต่เพื่อช่วยธนเทพจัดการงานเอกสาร เธอเลยตอบตกลงที่จะอยู่กับเขาวันนึง มีแค่เขาและเธอเพียงสองคน นอกจากความหงุดหงิดและขยะแขยง เธอก็ไม่ได้มีความรู้สึกอย่างอื่นเลย คิดแต่เพียงว่าอยากจะออกไปจากที่นั่น อยากจะกลับไปอยู่ข้างกายของธนเทพ แต่หลังจากที่เธอเกิดใหม่แล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด ในตอนที่เธอได้อยู่กับนินัทธ์ตามลำพัง เธอจะรู้สึกว้าวุ่น ควบคุมตัวเองไม่ได้ บางที อาจเป็นเพราะเธอยังรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ เธอจึงไม่มีวิธีหาเหตุผลเต็มที่ที่จะพูดได้เต็มปากเต็มคำ นินัทธ์เข้ามาใกล้และใช้จมูกดมซอกคอของเศวยา เขาได้กลิ่นหอมจากตัวของเธอกับกลิ่นดอกท้อปะปนกัน เป็นกลิ่นหอมเย็นๆ ที่ทำให้เขาหลงใหล เขาชอบกลิ่นแบบนี้มาก พอเขาเข้าใกล้เธอมากขึ้น ปลายจมูกที่เย็นเหมือนน้ำแข็งของเขาก็ชิดติดกับผิวหนังที่ละเอียดอ่อนเกลี้ยงเกลาของเธอ ทำให้เขารู้สึกละโมบมากขึ้น ร่างกายของเศวยาแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้อย่างไร สติสัมปชัญญะบอกให้เธอผลักเขาออกไป แต่พอเธอนึกถึงแววตาที่เจ็บปวดของเขา เธอก็ทนไม่ไหว... ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าคอของเธอเริ่มชื้น เศวยาจึงนิ่งไปชั่วขณะ นึกไม่ถึงเลยว่านินัทธ์จะแลบลิ้นออกมาเลียคอของเธอ! เหมือนกับว่ามีเสียงระเบิดดัง “ปัง” ที่ทำให้ใบหน้าของเศวยาแดงระเรื่อ เธอหันตัวแล้วเอาหลังพิงกับประตูลิฟต์อย่างแนบชิด “นะ...นาย” ในตอนนั้นลิฟต์ก็มีเสียงดัง “ติ๊ง” ขึ้นมาพอดี เศวยาไม่ทันระวัง เธอเสียความทรงตัว และร่างของเธอค่อยๆ หงายหลังไปสู่พื้นด้านนอกลิฟต์ “ระวัง”เสียงที่นุ่มนวลของนินัทธ์ดังขึ้นมาพร้อมกับมือที่เขายื่นออกมาจับเอวของเธอไว้ จากนั้นเขาก็ดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของเขา ทันทีที่เข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเขา ใบหน้าของเศวยาก็แดงมาก “ขะ...ขอบคุณ” ในตอนที่เธอคิดจะปลีกตัว กลับพบว่าเขาจับข้อมือของเธอไว้แน่น ไม่ได้มีท่าทีว่าเขามีตัณหา เขาเพียงแค่ดื้อรั้นที่จะแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นสมบัติของเขา เศวยาเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ เขายื่นมือออกมาแตะที่ปลายจมูกของเธอที่เพิ่งชนเข้ากับแผ่นอกของเขาจนแดงอย่างจริงจัง “เธอเป็นของฉัน ฉันไม่อนุญาตให้เธอเจ็บนะ” เศวยามองเขาอย่างงุนงง ทันใดนั้นก็ก้มหน้าเพื่อปิดบังใบหน้าของตัวเอง “ฉัน...ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่” เธอหนีไปแล้ว เธอไม่สามารถยอมรับประโยคที่เขาพูดออกมาได้อย่างสบายใจ หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น คือครั้งแรกที่เธอเข้าโรงพยาบาล เขานั่งอยู่ในรถเข็นและพูดกับเธอด้วยประโยคนี้เหมือนกัน ...นี่คือนินัทธ์ที่เธอเมินมาตลอด รถโรลสลอยส์ของตระกูลวรวงศ์คุณากรจอดอยู่หน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์แล้ว คนขับรถสวมเครื่องแบบสีดำทั้งชุด ยืนรออยู่หน้าประตู พอเห็นนินัทธ์เดินออกมา เขาก็เปิดประตูรถ “คุณชาย เชิญขึ้นรถครับ” นินัทธ์จูงมือของเศวยา แล้วพาเธอวิ่งตรงไปที่อื่น แบบนี้ไม่โรแมนติกเลยสักนิด “อ้ะ คุณชาย! คุณชาย!” คนขับรถรีบขับรถตามหลังนินัทธ์ไป เศวยาถูกนินัทธ์จูงมือเดินไปตามถนนใหญ่ เธอรู้สึกแปลกๆ แต่กลับไม่มีวิธีจะปฏิเสธเขาได้ รถโรลสลอยส์ป้ายทะเบียน 9999 ดูสะดุดตามาก ในตอนที่ออกข่าวในเมือง A ก็มีรถคันนี้ตลอด ไม่มีใครไม่รู้จักรถของตระกูลวรวงศ์คุณากรแห่งเทือกเขาตะนาวศรีคันนี้ นินัทธ์เดินช้ามาก รถคันนั้นตามมาใกล้มาก เพราะเกรงว่าจะคลาดกับคุณชายน้อย แล้วจะกลับไปรายงานผลไม่ได้ ทันใดนั้นเขาก็หยุด เมื่อมองย้อนกลับไปรู้สึกเหมือนว่าหมอกบังตา เขามองไปที่เศวยาแวบหนึ่ง “ฉันต้องทำยังไง ต้องทำยังไงเธอถึงกลายเป็นของฉัน” เขาถามอย่างระมัดระวังและจริงจังมาก เศวยาตัวสั่นเล็กน้อย แววตาที่เหมือนกับนกฟินิกส์ของเธอแฝงไปด้วยความประหลาดใจ เขาผู้ที่ไม่เคยสนใจความคิดคนอื่นมาก่อนนั้น กลับมาถามเธอคำถามแบบนี้กับเธออย่างตั้งใจ ทันใดนั้น เธอก็ยิ้มออกมา แล้วมองต่ำ พูดเบาๆทีละคำ “ฉับกลับมาที่นี่ ก็เป็นเพราะว่ามาอยู่ข้างกายนาย” ปกป้องเขา เพื่อชดใช้หนี้บุญคุณ แววตาของเขาเปลี่ยนเปล่งประกายมากขึ้น ราวกับกวาดเมฆที่บดบังออกไปหมด “เอ่อ...คุณเศวยาครับ”ด้านหลัง มีคนขับรถเปิดกระจกรถ แล้วเช็ดเหงื่อที่คอ พูดกับเศวยาว่า “ช่วยพูดให้คุณชายขึ้นรถทีเถอะครับ” เศวยาได้สติ รีบพยักหน้า แล้วพูดกับนินัทธ์ “นินัทธ์ พวกเรากลับกันก่อนเถอะ” นินัทธ์ไม่แม้แต่ลังเล และยิ้มให้เธอ ในที่สุดคนขับรถก็โล่งใจ แล้วพาทั้งสองคนออกไปอย่างรวดเร็ว ไปส่งเศวยากลับบ้านก่อน เศวยาย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะไปหาเขา และยังกำชับคนขับรถอยู่พักหนึ่งถึงจะลงจากรถ แต่เมื่อเศวยาเดินออกไปไม่กี่ก้าว นินัทธ์ก็ขมวดคิ้ว อยากที่จะเปิดประตูลงจากรถ เมื่อคนขับรถเห็นก็รีบพูดว่า “คุณชายครับ ท่านประธานเพิ่งโทรมาเมื่อสักครู่ บอกว่าให้คุณชายกลับไปตอนนี้เลยครับ” นินัทธ์ไม่ฟัง เท้าข้างหนึ่งได้ก้าวออกไปจากรถเรียบร้อยแล้ว “คุณชายครับ คุณเศวยาจะต้องโกรธแน่ๆครับ…” นินัทธ์ตกใจ เท้าข้างที่ก้าวออกไป ก็รีบก้าวกลับบนรถอย่างช้าๆ จากนั้นประตูรถก็ปิดลง แววตาก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง “กลับไป” คนขับรถรีบเหยียบคันเร่ง เหมือนกลัวว่าคุณชายนินัทธ์จะเปลี่ยนใจ
已经是最新一章了
加载中