ตอนที่ 28 นายน่ารำคาญกว่าปู่ของนายอีก
1/
ตอนที่ 28 นายน่ารำคาญกว่าปู่ของนายอีก
รักแค้นหรือรักแท้ คำถามจากหัวใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 28 นายน่ารำคาญกว่าปู่ของนายอีก
ตนที่ 28 นายน่ารำคาญกว่าปู่ของนายอีก สองสามวันมานี้ อยู่ดีๆ งานของชิตวรก็ท่วมหัว มีโอกาสเข้าร่วมการประชุมประจำจังหวัด และยังเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เดิมทีเขาก็ไม่มีเวลามากังวลเกี่ยวกับปัญหาของเศวยาแล้ว ดุสิดาก็ทำบ่นต่อหน้าเขาไปทีหนึ่งแล้ว ต่อหน้าสาธารณชนซะด้วย ในใจของเธอเข้าใจดี ตั้งแต่ที่จับได้ว่าดุสิดาเล่นพนันในครั้งนั้น ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาคู่นี้ก็ไม่ดีเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ลูกสาวตัวเองกับลูกชายคนอื่นกลับสนิทกันมากขึ้น เธอเองก็ต้องระมัดระวัง มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็คงจะต้องไปวิ่งเต้นไปหาสมาคมสตรี ตอนนี้เธอก็ได้รู้แล้วว่าต้องวางตัวอย่างไรกับเศวยา รุ่งเช้า เศวยาติดต่อไปหาพนิต เพื่อให้เขาพาเธอไปเปิดบัญชีกับบริษัทตลาดหลักทรัพย์ ในตอนนั้นพนิตยังคงรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าทำไมเศวยาถึงรู้ว่าเขาชอบศึกษาและวิจัยหุ้น ในตอนที่เห็นว่าเธอนำซื้อหุ้นที่จดทะเบียนใหม่ทั้งหมดของเธอไปขึ้นตลาดใหม่ พนิตกลับมีความเห็นที่ขัดแย้ง เกรงว่าเธอจะถูกพาตัวขึ้นศาล เศวยาได้แต่หัวเราะ ประโยคเบาๆแบบนั้น ถึงจะเกิดขึ้นจริงยังไง ก็คิดซะว่าเอาเงินไปจ่ายค่าเทอม พนิตไม่รู้จริงๆ ว่าจะชื่นชมอารมณ์ที่คึกคักอะเลิตแบบนี้ของเธอยังไงดี หรือว่าผู้หญิงที่มีอำนาจบารมีสูงส่งจะชอบทำแบบนี้กันนะ! ในตอนเที่ยง จันทรชาโทรมานัดเศวยาให้เจอกันที่ร้านอาหารฟ้าดส์ฟู้ดใต้บริษัทสำนักพิมพ์ของเธอ จันทรชานั่งอยู่ที่โต๊ะมุมในสุดของร้าน ในมือของเธอมีไอแพดเครื่องหนึ่ง เหมือนว่า่เธอจะไม่ได้พักเลยแม้แต่สักวินาทีเดียว เศวยาเดินเข้ามาในร้านแล้วนั่งลงตรงข้ามเธอ “เรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอ” จันทรชาตอบเศวยาโดยที่ไม่เงยหน้า “ภริยาใหม่ของท่านเดชชาตรีจะกลับมาแล้ว บินวันนี้” เศวยาโพล่งออกมา “คุณนิภาน่ะเหรอ” จันทรชาเงยหน้าขึ้น ชำเลืองมองเธอด้วยความรู้สึกสนอกสนใจ “ยังไม่ผ่านตม.เลย แต่เธอก็รู้ข้อมูลแล้วเหรอเนี่ย ไม่เลวเลยนะ” จันทรชาเก็บไอแพดลงไปในกระเป๋า ดับบุหรี่ที่อยู่ในมืออีกข้าง แล้วพูดกับเศวยาว่า “ฟังนะ ถ้าแกอยากจะช่วยนินัทธ์จริงละก็ วิธีที่ดีที่สุดก็คือจะต้องเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ซะก่อน” เศวยาปรับท่านั่งของตนให้สบายขึ้น “ดิฉันจะตั้งใจฟังค่ะ” จันทรชาหยิบซองที่ใส่เอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋าผ้า แล้วยื่นให้เศวยาดูพร้อมกับเลิกคิ้ว “คุณนิภา...คือรักแรกของท่านเดชชาตรีเหรอ” เธอไม่เคยได้เรื่องนี้มาจากปากของธนเทพมาก่อน แต่พอคิดไปคิดมา เขาในตอนนั้นต้องการแค่ผลประโยชน์จากเธอ เขาจะพูดถึงเรื่องส่วนตัวของแม่ตัวเองให้เธอฟังไปทำไม จันทรชายักไหล่ “พวกเขาใช้เวลาด้วยกันช่วงหนึ่งในมหาวิทยาลัย จากนั้นก็ถูกตระกูลวรวงศ์คุณากรสั่งให้เลิกกัน คุณเดชชาตรีต้องไปแต่งงานกับลูกสาวเศรษฐี ส่วนคุณนิภาก็แต่งงานกับพนักงานบริษัท” พูดจบ เธอก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายและลึกลับ “แต่...ฉันได้ยินมาว่า พวกเขาสองคนไม่ได้ตัดขาดกัน ภริยาคนเดียวของคุณเดชชาตรีก็คลั่งจนเป็นบ้าเพราะเรื่องนี้” “แชะ” จันทรชาจุดบุหรี่ แล้วเอาบุหรี่มาคีบไว้ระหว่างนิ้ว “แกต้องระวังยัยนิภานี่ไว้นะ ยัยนี่ไม่ใช่เล่นๆ” เศวยาจัดเรียงเอกสาร ทันใดนั้นก็ถามออกมาแปลกๆ “จันทรชา นี่แกหวังอะไรอยู่รึเปล่า” จันทรชาไม่ใช่คนชอบสาระแนเรื่องชาวบ้าน แต่เธอกลับสนใจเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด แววตาที่เบลอเล็กน้อยของจันทรชาทะลุผ่านม่านควันบุหรี่ “ฉันมีเซ้นส์น่ะ เพราะการปรากฏตัวของแกในวันนั้น ตระกูลวรวงศ์คุณากรเลยมีข้อมูลข่าวที่ไม่เลว” จันทรชาลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ ฉันต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว...อ้อ จริงสิ ถ้านินัทธ์เคลื่อนไหวอะไรละก็ อย่าลืมข่าววงในด้วยล่ะ” “แกจะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของเขาเหรอ” “นั่นก็ต้องดูก่อนว่าเป็นใคร” จันทรชาโบกมือลาอย่างสง่าผ่าเผย “ไว้เจอกันนะ” เศวยาจ้องมองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเหม่อลอย เธอเคยเจอกับนิภาเพียงครั้งเดียว แต่ก็แค่เห็นหล่อนอยู่ไกลๆ ผ่านกระจกหนาๆ ของสนามบิน ผู้หญิงคนนั้นมีสเน่ห์มาก ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคุณเดชชาตรีถึงลืมเธอไม่ลง พอเก็บเอกสารพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว เศวยาก็เดินออกมาจากร้านอาหารฟ้าดส์ฟู้ด เธอรู้ ว่าถ้าธนเทพกับแม่ของเขาร่วมมือกันละก็ จะต้องมีผลกระทบต่อคุณเดชชาตรีอย่างแน่นอน และผลกระทบนั่นก็น่าจะไม่เป็นผลดีกับนินัทธ์ด้วย ดังนั้น เศวยาจึงจำเป็นต้องชิงตอบโต้ฝั่งนั้นแทนนินัทธ์ก่อน! ในตอนที่จารุภาได้รับสายจากเศวยา เธอก็ตกใจเล็กน้อย ได้ยินว่าเศวยาต้องการแค่สอบถามเกี่ยวกับเรื่องของคุณชายนินัทธ์ เธอก็ยินยอมตกปากรับคำอย่างง่ายดาย โดยทั้งสองนัดไปคุยกันที่ร้านกาแฟที่เคยเจอกันครั้งก่อน เศวยายิ้มโดยไม่หันหลังกลับไป เธออยากจะถามสิ่งที่อยากถาม แต่สำหรับผู้หญิงที่ฉลาดหลักแหลมอย่างจารุภา คงเก็บซ่อนความจริงเอาไว้ได้ยาก จารุภายิ้มฟังเศวยาอยู่ตลอด มือของเธอก็คนกาแฟที่อยู่ในแก้ว จากนั้นก็เงยหามามองคู่สนทนาด้วยดวงตาที่สวยงามด้วยความเร็วที่กำลังเหมาะเจาะพอดี “คุณเศวยา ขอโทษที่ถามนะคะ แต่ฉันอยากทราบว่าที่คุณดูสนใจตระกูลวรวงศ์คุณากรมากขนาดนี้ คุณสนใจแค่เฉพาะคุณชายนินัทธ์ หรือว่า...สนใจในตัวคนอื่นอีกมั้ยคะ” เศวยาตอบอย่างไม่ลังเล “นินัทธ์ค่ะ” “เอ๋”จารุภาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ “คุณจารุภาคะ ฉันของพูดตรงๆ เลยนะคะ”เศวยาจ้องเธอเขม็ง และพูดเน้นแต่ละคำอย่างชัดเจน “ฉันอยากจะช่วยนินัทธ์ ต้องเป็นเขาเท่านั้น ฉันจะไม่ให้ใครพาเขาไปเด็ดขาด!ไม่ว่าใครก็ตาม!” แววตาของจารุภามีประกายวับด้วยความสนใจมากขึ้น “คุณเศวยา หรือว่าคุณจะชอบคุณชายของพวกเราเข้าแล้วคะ” เศวยานิ่งไปสักพัก ทันใดนั้นก็หลบตา แล้วส่ายหัวไปมา “ถ้าฉันจะบอกว่า นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ คุณจะเชื่อมั้ยคะ” จารุภามองเศวยาด้วยแววตาที่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง เธอยิ้ม และบอกกับผู้หญิงตรงหน้าของเธอ ที่สวยจนเธออดที่จะชมไม่ได้ “คุณอยากจะรู้อะไร ก็ถามมาได้เลยค่ะ” เศวยาหยิบรายชื่อของอะไรบางอย่างมาจากจารุภา นั่นคือรายชื่อสมาชิกเก่าแก่ผู้ร่วมกันก่อตั้งกิจการ ล้วนแต่เป็นบรรพบุรุษของปู่ของนินัทธ์ทั้งสิ้น พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมประชุมบ่อยนัก ส่วนมากจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทายาทรุ่นหลัง แต่ว่าการจัดอันดับผู้อาวุโสเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับธุรกิจของครอบครัว ดังนั้นเธอจึงต้องทำให้พวกเขามาช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้กับนินัทธ์ให้ได้! พอบอกลาจารุภา เศวยาก็เดินมาที่หน้าประตูร้านกาแฟ หลังจากใส่แว่นกันแดดแล้ว เธอก็ยื่นมือออกมาโบกรถแท้กซี่ “เทือกเขาตะนาวศรีค่ะ” นี่คงถึงเวลาที่จะต้องเจรจากับนินัทธ์แล้ว พอมาถึงคฤหาสน์ตระกูลวรวงศ์คุณากร มีบอดี้การ์ดสองคนอยู่ที่หน้าประตู พวกเขาคุ้นชินกับเธอแล้ว เธอจึงเข้ามาได้สบายๆ น้าลิลลี่ก็เห็นว่าเศวยาเป็นคนสนิท จึงรีบเรียกเธอเข้ามาในตัวคฤหาสน์ “คุณเศวยา รีบเข้ามาเถอะค่ะ” “ขอบคุณค่ะ น้าลิลลี่...นินัทธ์ล่ะคะ” เศวยาพูดพลางมองไปรอบๆ “ฮะๆ คุณชายน้อยเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องน่ะค่ะ คุณท่านบอกว่าจะพาคุณชายไปรับคนรู้จักที่สนามบินน่ะค่ะ” น้าลิลลี่ยิ้มหน้าบานเหมือนกับดอกไม้ ยิ่งน้าลิลลี่ได้เห็นหน้าของเศวยา เธอก็ยิ่งชอบ แม้ว่าจะเป็นลูกสาวของนายอำเภอ แต่กลับประพฤติตัวดี มีมารยาท รู้จักกาละเทศะ ไม่เหมือนกับลูกสาวเศรษฐีคนอื่นๆ เศวยาได้ยินก็นิ่งไป เดชชาตรีต้องการให้นินัทธ์ไปรับนิภาแน่ๆ ช่างเป็นผู้ชายที่ไร้หัวใจจริงๆ ทำเพื่อตัวเองโดยไม่สนใจความรู้สึกของลูกชายเลย นึกไม่ถึงเลยว่าเดชชาตรีจะให้นินัทธ์ไปรับผู้หญิงที่ทำร้ายจิตใจแม่ของเขาจนตาย น้าลิลลี่หันไปด้านหลัง “อ้ะ คุณชายคะ ทำไมยังไม่เปลี่ยนชุดอีกล่ะคะ” เศวยาเงยหน้าไป ก็มองเห็นนินัทธ์ใส่ชุดนอนเดินลงจากบันไดด้วยสีหน้าที่เย็นชาไร้อารมณ์ ดูเหมือนควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ พอสายตาของนินัทธ์มองไปเห็นเศวยา ใบหน้าของเขาก็ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน นินัทธ์ก้าวเท้ายาวเดินมาตรงหน้าเศวยา แล้วจ้องดวงตาที่เหมือนกับนกฟินิกส์ของเธอ ก็พูดว่า “เธอตั้งใจมาหาฉันเหรอ” พอเห็นเศวยาพยักหน้า เขาก็ดีใจจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ แต่เขาก็พยายามปิดบังความรู้สึกของเขาเอาไว้ ทันใดนั้นเขาก็ดูสดใสขึ้นมา น้าลิลลี่เอาแต่เร่งให้นินัทธ์ไปเปลี่ยนเสื้อ นินัทธ์หันกลับมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาไร้ความรู้สึก “นั่นมันเรื่องของเค้า มันไม่เกี่ยวอะไรกับผม” ใบหน้าของน้าลิลลี่มีความอึดอัดใจเล็กน้อย เธออ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรออกม แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไร และทำได้แต่เพียงโทรไปหาคุณท่านเดชชาตรี นินัทธ์จูงมือของเศวยาอย่งคุ้นชินและเป็นธรรมชาติ เศวยากลับรู้สึกไม่สบายใจ เธออยากจะเอามือของตนออกมา แต่เขากลับจับมือเธอแน่นกว่าเดิม ไม่ยอมให้เธอหนีไปไหน ในห้องรับแขกมีเสียงเพลงประกอบการ์ตูนเรื่องทอมแอนด์เจอร์รี่อีกครั้ง แต่สายตาของนินัทธ์กลับมองไปที่ใบหน้าของเศวยาอยู่ตลอด เศวยากระแอมออกมาสองทีอย่างไม่ค่อยสบายใจ เธออยากจะหลีกหนีไปจากการจ้องมองของเขา แต่กลับถูกเขากุมมือเอาไว้แน่น เธอเริ่มรู้สึกว่าฝ่ามือร้อนผ่าว และรู้สึกว่าความร้อนนั้นกระจายไปทั่วร่าง เศวยาค่อยๆ หันไปมองนินัทธ์ “นินัทธ์ วันนี้...วันนี้นายว่างมั้ย” ทันใดนั้นนินัทธ์ก็ก้าวเข้าไปใกล้เธออีก จนปลายจมูกของเขาสัมผัสกับหน้าผากของเธอ “ถ้าเธอจะนัด ก็ว่าง” “งั้น...งั้นถือว่านัดกันแล้วนะ”ตอนที่เธอเว้นช่องว่างขณะพูด ใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอ ก็แดงมากขึ้นเรื่อยๆ นินัทธ์ยิ้มออกมา เขาลึกขึ้นและเดินจูงมือเศวยาออกนอกประตูไป โดยไม่ได้ถามเธอสักคำว่าจะไปไหน น้าลิลลี่วางสาย แล้วรีบพูดว่า “คุณชายคะ!คุณชายจะไปไหนคะ” พอเห็นว่านินัทธ์เมิน เศวยาก็รีบตอบว่า “วางใจเถอะค่ะ น้าลิลลี่ นินัทธ์อยู่กับหนู ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ” น้าลิลลี่ยังคงวางใจไม่ได้ “คุณเศวยาคะ คุณชายอยู่ข้างนอกดึกมากนักนะคะ…” “ทราบแล้วค่ะ” เศวยาพูดพลางโบกมือ จากนั้นก็หันไปกดหัวเขาเข้าไปในรถ แล้วเธอก็เข้าไปนั่งข้างๆ เขา ไม่นานนักเขาก็จับมือของเธออีกครั้ง เศวยามองเขาด้วยความรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่มือของตัวเองที่ถูกเขาจับอยู่ “ปล่อยมือได้รึยัง” นินัทธ์ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยมือ แต่กลับดึงเธอเข้ามาใกล้ตัวเองมากกว่าเก่า ทั้งสองอยู่ห่างกันแค่เอื้อม ใกล้กันซะจนเห็นขนตาที่สวยงามของเธออย่างชัดเจน สายตาของนินัทธ์จ้องไปที่เธออย่างไม่ละสายตา แล้วพูดวนไปวนมาอยู่ข้างๆ หูของเศวยาด้วยน้ำเสียงที่น่าดึงดูด “ฉันกลัวเธอจะหนีไปอีก” ‘นี่คงไม่ได้อ่อยใช่มั้ยเนี่ย’ เศวยาไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นนินัทธ์เป็นแบบนี้มาก่อน แต่พอตอนนี้ได้เห็นอีกครั้ง ก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป มันเปลี่ยนไปเร็วมาก แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่ทันรู้ตัว เศวยาพยายามที่จะสงบ แล้วยื่นที่อยู่ไปให้คนขับรถ “รบกวนช่วยพาไปที่นี่หน่อยค่ะ” คนขับรถนิ่งไปสักพัก เขาอยากจะถามความเห็นจากคุณชายนินัทธ์ แต่พอเห็นว่าคุณชายไม่พูดอะไรออกมาสักคำ ก็รู้แล้วว่าควรทำอะไร เขาก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายสถานที่ที่จะขับรถไป หลังจากที่รถจอด เศวยาก็ผลักประตูรถ และเดินลงมา นินัทธ์ตามหลังเธอมา เธอทำแค่เงยหน้าใช้สายตาสถานที่ที่อยู่ข้างหน้า แววตารู้สึกมีลางไม่ดีสักเท่าไหร่ เศวยายืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ หันมาแล้วคุยกับนินัทธ์ด้วยสีหน้าที่จริงจัง “นินัทธ์ เดี๋ยวไม่ว่าฉันจะพูดอะไร นายต้องตอบว่าใช่ สัญญากับฉันได้มั้ย” นินัทธ์ยิ้มมุมปาก มีความรักลุ่มหลงออกมาจากแววตา และใช้ท่าทางที่หลงระเริงเอาเธอเข้ามากอด เศวยากดกริ่งที่ประตู ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก มีผู้ใหญ่คนหนึ่งออกมา แล้วใช้สายตาที่เฉียบคมมองเศวยา “เธอเป็นใคร” “คุณเดชชาตรีคะ สวัสดีค่ะ ฉันคือ…”คู่สนทนาเห็นนินัทธ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ก็รีบเรียกให้เข้ามา โดยไม่รอให้เธอพูดจบก่อน “เข้ามาสิ” เศวยาตกใจ หันไปมองนินัทธ์ เขาจับมือเธอไว้ แล้วเดินตรงเข้าไป ท่าทางที่ดูใจกว้างแต่ก็เย็นชาแบบนั้น มันเหมือนยามเวลาว่างแล้วไปตัดดอกพีชจากหลังสวนตัวเองมาชัดๆ ยังไม่รอทั้งสองคนเข้ามา เดชชาตรีก็ไปเอาถุงกระดาษสีน้ำตาลอ่อนออกมา แล้วรีบยัดให้เศวยา “เอาของนี่ไป แล้วรีบพาเจ้านั้นออกไปซะ!”เมื่อเห็นเขาวางมาดรีบเร่งแบบนั้น มันเหมือนกับว่าเขาไม่อยากเจอนินัทธ์เอามากๆ เศวยารู้สึกสับสนไปหมด มองของที่อยู่ในมือ แล้วถามอย่างงงๆ “นี่คือ…” เดชชาตรีมองแวปหนึ่ง “ถามอะไรน่ะ พวกเธอมาที่นี่ ไม่ใช่เพราะว่าของสิ่งนี้เหรอ” เหมือนจะไม่ชอบที่คนอื่นมาตำหนิเศวยา นินัทธ์ยื่นมือลากเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมอก แล้วกวาดสายตามองเดชชาตรี จากนั้นก็เอาถุงกระดาษสีน้ำตาลอ่อนมาจากมือของเศวยา น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนเฉยเมย เหมือนกษัตริย์ผู้ที่มีพระมหากรุณาธิคุณต่อขุนนางและพสกนิกร “บอกพวกเขา ว่าไม่ควรที่จะมายุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทีหลังอย่ามายุ่งอีก” เดชชาตรีโกรธจนหน้าแดงไปหมด มองเขาด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม “เจ้าบ้า นายมันน่ารำคาญกว่าปู่ของนายจริงๆ” นินัทธ์ทำเป็นไม่ได้ยิน ลากเศวยาเข้าสู่กลุ่มเมฆหมอก แล้วหันตัวเดินจากไป ทั้งสองคนเพิ่งก้าวเท้าออกจากประตู ประตูเหล็กที่อยู่ด้านหลังปิดลงดัง “ปัง”ทำไมให้เศวยาตกใจ เธอลูบๆอก แล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากที่เรียวบางและยั่วเย้า โดดเด่นขึ้นมาภายใต้แสงอาทิตย์ เปล่งประกายดังสีมีมิติ ทำให้เขาอยากจะกัดมันสักคำ พอรู้สึกได้ว่านินัทธ์เข้ามาหาอย่างกะทันหันอีกครั้ง เศวยาตกใจ หันไปแล้วไปเจอกับสายตาที่มันวาวและเหลวไหลของเขา พร้อมกับหรี่ตาครึ่งหนึ่ง แฝงไปด้วยความอยากและความต้องการ เหมือนเป็นความต้องการที่จะกลืนเธอเขาไปอย่างบริสุทธิ์ เมื่อเห็นริมฝีปากและปลายลิ้นของเขาเริ่มอยากจะขยับ เศวยาก็ตกใจ ยกมือขึ้นไปจับคออย่างไม่รู้ตัว เพื่อขวางเขาที่จะเข้ามา สายตาที่ร้อนผ่าวพยายามมองข้ามเขา เศวยารีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา มองไปที่ถุงกระดาษสีน้ำตาลอ่อนใบนั้น “ข้างในนั่นมีอะไรเหรอ เขาบอกว่าพวกเรามาเพื่อของที่อยู่ในถุงนั่น มันหมายความว่าอะไร อ้อ แล้วก็ ยังมีสิ่งที่นายคุยกับเขา...” นินัทธ์เก็บสายตาไว้ แล้วยิ้มมุมปาก จับมือเธอเพื่อที่จะเดินกลับไป “วันนี้ แค่ไปออกเดท” บนรถ นินัทธ์ถามอย่างจริงจัง “เธออยากเดทที่ไหน”ท่าทางที่สนใจแบบนั้น เหมือนกับว่าเธอเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในโลกใบนี้ ความชอบของเธอ ท่าทางของเธอ ตัดสินทุกอย่าง เศวยาตกใจไปครู่หนึ่ง มองไปยังสายตาของเขาที่กำลังมองเธออย่างตั้งใจ แล้วพูดออกมาว่า “ซอยเก่า” ที่นั่น...เป็นที่ที่เธอเคยผิดนัด นินัทธ์พยักหน้า “ไปที่นั่นกัน” “ซอยเก่า”เป็นซอยพื้นบ้านซอยหนึ่ง เป็นเขตอนุรักษ์ที่สำคัญของเมือง A เพราะว่าตกอยู่ในสภาพที่กึ่งเปิดกว้าง ปกตินักท่องเที่ยวจึงไม่ได้มาที่นี่มากนัก บ่ายวันอังคาร คนในซอยก็เริ่มน้อยลง แสงอาทิตย์กำลังดี ข้างในซอยมีแสงอาทิตย์สอดส่องลงมาตามช่องว่าง ราวกับกระแสเวลาที่อยากให้หวนกลับมานานแสนนาน ในซอยเก่าที่แสนจะแคบ ความกว้างสามารถจุคนเดินได้แค่หนึ่งคน แต่สิ่งที่น่าสนุกที่สุดก็คือปีนข้ามกำแพงที่เก่าที่นี่ทีละชั้นพอดี เมื่อเดินมาจนสุด ก็ไม่ต้องไปสนใจสิ่งอื่นรอบตัวที่มันสลับซับซ้อนยุ่งยาก เมื่อเงยขึ้นมา แค่ได้เห็นท้องฟ้าอยู่บนหัวของตัวเอง ก็เป็นอันพอใจ เศวยาเดินอยู่ข้างหน้า มือทั้งสองเดินคลำกำแพงตามสัญชาตญาณ สิ่งที่มือสัมผัสถึงก็คือสี และเศษปูนผนังผุที่เสื่อมตามกาลเวลา เมื่อก่อนเธอไม่ชอบสถานที่แบบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะว่าเธอโตขึ้น ใจจึงกว้างขึ้น ตอนนี้กลับรู้สึกมีความสุขกับความเงียบสงบในที่แห่งนี้ มือของเธอถูกจับไว้อย่างรวดเร็ว เศวยาหันไป เห็นนินัทธ์กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบฝุ่นที่เปื้อนมือเธออย่างตั้งใจ เธอมองเขาแล้วหัวเราะออกมา “นินัทธ์ นายทำแบบนี้ เหมือนฉันเลย”ตอนเด็กๆ ก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าฉันจะสกปรกมอมแมมตรงไหน พ่อก็จะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดให้จนสะอาด
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 28 นายน่ารำคาญกว่าปู่ของนายอีก
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A