ตอนที่ 34 เพราะว่านายคือ นินัทธ์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 34 เพราะว่านายคือ นินัทธ์
ต๭นที่ 34 เพราะว่านายคือ นินัทธ์ เศวยาไม่แม้แต่นึกถึง ซักวินาทีเดียว เธอวิ่งตามพลางถอดรองเท้าส้นสูงออก วิ่งเท้าเปล่าบนหาดทราย ธนเทพที่มองที่เธอที่ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา กำหมัดแน่น จนเส้นเลือดปูดขึ้นมา แววตาเย็นชานั้นเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ “นินัทธ์!” เศวยาวิ่งตามชายหาดไปจนถึงจุดลับตาคน แต่กลับไม่พบร่างของเขา ข้างหน้ามีป้ายที่เขียนว่า “อันตราย” เอาไว้ เธอค่อยๆย่ำลงไปในโคลนนั้น อย่างไม่สนใจ หินใต้เท้าค่อยๆเยอะขึ้น ทำให้เธอรู้สึกเจ็บ เศวยากัดฟัน เธอเดินมุ่งต่อไปด้วยความอดทน “นินัทธ์? นินัทธ์?” มืดรอบด้าน เสียงคลื่นทะเลกลบเสียงเธอจนหมด ทันใดนั้น เธอลื่น จนทั้งตัวล้มลงไปในโคลน เข้าซ้ายเข้าไปในซอกหิน เจ็บจนร้องออกมา “อ๊ะ!” เศวยาทนความเจ็บนั้น พยายามดึงเท้าออกมา แต่ติดอยู่แน่นมาก แค่ขยับก็เจ็บเจียนตาย อาจเป็นเพราะความเจ็บปวดที่ทำให้เธออ่อนแอ อาจะเป็นเพราะหานินัทธ์ไม่เจอจึงทำให้เธอตื่นกลัว เธอขดตัวแน่น เสียงที่ตะโกนเรียกเขาเริ่มจะสั่นเครือ “นินัทธ์...นินัทธ์! นายอยู่ที่ไหน...นายอยู่ที่ที่ไหน...” ตัวเริ่มรู้สึกหนาว ในใจเริ่มจะเย็นชาขึ้น ในหัวมีแต่ภาพที่เขาวิ่งหนีออกมา ที่เขาวิ่งออกมาจากสายตาเธอเช่นนั้น... เธอไม่ต้องการจะทำร้ายเขา ไม่ต้องการ แต่คนที่จะทำร้ายเขาได้ ก้มีเพียงเธอ แววตาที่เขาถูกทำร้าย เสียงร้องต่ำๆของเขา และทุกท่วงท่าอาการที่สั่นเทา ยิ่งทำให้เธอไม่มีวิธีที่จะช่วย เขาจะกลับมาไหม? เป็นไปได้ไหม? ก้มหน้าลง น้ำตาค่อยๆล่วงเผาะลงมา “นินัทธ์ นายอยู่ที่ไหน...” เธอร้องเรียก ฟุบหัวลงระหว่างเข่า นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความโดดเดี่ยว ต้องต่อสู้กับความมืดมิดอย่างลำพัง ทันใดนั้น เท้าของเธอที่ติดอยู่กับก้อนหิน ก็มีมือใหญ่ประคองขึ้นมา ค่อยๆจับราวกับว่ากลัวเธอจะเจ็บ เศวยารู้สึกตัว จึงเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าที่หล่อเหลาของนินัทธ์ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาคู่นั้น จ้องมองไปที่เท้า และมือขาวๆนั้นขุดดินโคลนออก มองไปที่เขา น้ำตาบดบังการมองเห็น ในใจของเธอราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ราวกับมีเข็มทิ่ม นินัทธ์ก้มหน้า ผมถูกลมพัดจนยุ่งเหยิง จนปกตาของเขา ทำให้เธอมองเห็นอารมณ์ของเขาได้ไม่ชัดเจน เขาประคองเท้าของเธอไว้ แล้วค่อดึงเท้าของเธอออกมาจากร่องหินนั้น แล้วรีบใช้ผ้าเช็ดเท้าจนสะอาด มองสำรวจรอบๆว่าเธอได้รับบาดเจ็บไหม จนมั่นใจว่าเธอไม่เป็นอะไร เม้มปากแล้วจึงค่อยโล่งอกที่เธอไม่เป็นอะไร “ถ้ามันกล้าทำให้เธอเจ็บละก็ ฉันจะระเบิดให้หายไปหมดเลย” เขาค่อยๆพูดขึ้น ช่างเป็นคำพุดที่อบอุ่นที่แฝงไปด้วยความเผด็จการ แต่เธอไม่รู้สึกรังเกียจ ไม่รังเกียจนินัทธ์ที่คอยรักดูแลทะนุถนอมเธอราวกับเป็นไข่ในหิน! แล้วเธอก็ดึงเขาเข้ามากอดไว้ ทั้งสองมือเต็มไปด้วยโคลน จับเสื้อเชิร์ตสีขาวของเขาแน่น แล้วเสียงแหบพร่านั้นก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ไม่ได้สงสาร ไม่ได้สงสาร... แต่เป็นเพราะนายคือนินัทธ์...” เธอไม่ใช่พระเจ้า ไม่มีทางที่จะให้ใจกับคนหนึ่งไปทั้งหมดเพียงเพราะสงสารเขา! ไม่ว่าเธอจะทำหรือพูดอะไร คงเป็นเพราะว่าเคยรักเธอมาก เธอจึงทำร้ายเขาได้อย่างลึกที่สุด ฝ่ามืออุ่นๆนั้น ค่อยๆลูบที่หลังของเธอ อย่างระมัดระวัง มองเห็นได้ชัดว่าเขารักเธอมาก ใบหน้าเย็นชานั้นค่อยๆซุกเข้ามาที่คอของเธอ ลมหายใจสั่นเทา และกอดแน่นขึ้น ราวกับกลัวเธอหายไป... เดินออกมาจากที่ลับตาผู้คน ออกมาจากชายหาด มาถึงถนนหลักนินัทธ์เดินแบกเศวยาอยุ่ เศวยาที่อยู่บนหลังเขาพูดขึ้นด้วยความกังวล “นินัทธ์ นายปล่อยฉันเดินเองได้ เท้าของฉันไม่เป็นไร เดินได้” “ไม่ได้” เขาตอบมาสั้นๆแค่สองคำ เป็นการปฏิเสธคำขอร้องของเธอ เศวยารีบตอบกลับ “แต่ว่า...ฉันหนักมาก!” เขาหัวเราะ “ไม่หนัก ฉันแบกได้กำลังดี” เศวยาเถียงเขาไม่ได้ ราวกับเหมือนเป็ดคุยกับไก่ จึงยอมอยุ่บนหลังเขา แล้วหลับตาลงครึ่งหนึ่ง มองท้องยามค่ำคืน และปล่อยสองเท้าตามสบาย ลมกลางคืนพัดผ่าน สบายมาก กลิ่นหอมๆจากตัวเธอ ลอยไปเตะจมูกเขา แล้วมุมปากข้างหนึ่งก็ยกขึ้น เขาค่อยๆเดินช้าลง และเดินยาวต่อไปในถนนเส้นนี้ เขาและเธอสองคน ด้านหน้า มีรถคันสีดำขับมาจอดอยู่ข้างทาง มีผู้ชายที่คลุมด้วยผ้าสีดำนั่งคอยอยู่ เมื่อเห็นนินัทธ์เดินมา จึงรีบเปิดประตูรถ เศวยาที่อยู่บนหลังนินัทธ์ จึงกล่าวทักเขาขึ้นอย่างเก้งก้าง “คุณผ้าคลุม สวัสดีค่ะ” มุมปากของชายผ้าคลุมดำนั้นกระตุกลง โดยเฉพาะกราวที่เห็นได้ชัดนั้น ราวกับเป็นการตอบรับ เมื่อสังเกตุเห็นทั้งตัวของนินัทธ์เต็มไปด้วยโคลน เขาจึงขมวดคิ้ว “นินัทธ์ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เศวยาดูออก ว่าเขานั้นเคารพต่อนินัทธ์มาก ไม่น่าจะเป็นแค่บอดี้การ์ดธรรมดาๆ ยิ่งทำให้สงสัยในฐานะของเขาเข้าไปอีก นินัทธ์ค่อยๆวางเศวยาลงที่นั่งเบาะหลังเบาๆ แล้วกล่าวเสียงเรียบ “ไม่เป็นไรนะ” แล้วนั่งตามเข้าไป “ไปเถอะ” ชายผ้าคลุมดำก็ไม่ใช่คนพูดมากอะไร เขานั่งลงที่ตำแหน่งคนขับแล้วขับรถออกไป เศวยาเท้าเปล่าเปลือย ถึงแม้ว่าที่ใต้เท้าจะมีพรมปูอยู่ แต่นินัทธ์ก็ยังยกเท้าเธอขึ้นมา วางไว้บนขาตัวเอง ไม่ให้โดนพื้น เศวยาหลังพิงกับประตูรถ หน้าค่อยๆแดงขึ้น มองเสออกไปด้านนอกด้วยความเขินอาย แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “ข้างล่างไม่เย็นซักหน่อย” นินัทธ์ทำเป็นไม่ได้ยิน ทำเป็นไม่ตั้งใจวางทั้งสองมือลงขาทั้งสองข้างของเธอ ความอุ่นในมือของเขา ให้ความร้อนแก่ผิวของเธอ แล้วใช้นิ้วนวดไปมา สัมผัสที่นุ่มนวลนั้น ยากที่จะไม่ให้ตกหลุมรัก สีหน้าของเศวยายิ่งเข้มขึ้น แดงไปจนถึงคอ เธอพยายามควบคุมลมหายใจตัวเอง ขาขยับสองสามครั้งอย่างไม่เป็นตัวเอง ไม่คิดว่า จะบังเอิญไม่ถูกขาของเขา และส่วนอื่นๆ… สัมผัสได้ว่าตรงนั้นกำลังแข็งชูชัน เศวยาถึงกับตัวแข็ง ไม่กล้าขยับ อายจนแทบจะมุดลงใต้ท้องรถ เธอรีบหันหน้าหนีไป ทำเป็นกินลมชมวิว คิ้วงามคู่นั้นผูกกันจนเป็นปาท่องโก๋เกลียว หน้าก็แดงจนแทบจะเป็นสีเลือด มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น ให้ตายสิ ทำไมเธอไม่ระวังอย่างนี้? นินัทธ์เขา… เขาคงไม่คิดว่าเธอตั้งใจใช่ไหม? หรือจะอธิบายดี? แต่ว่า จะว่ายังไงดี? จะบอกกับเขาไม่ได้ว่า ขอโทษ ที่ไปถูกน้องชายของนายอย่างไม่ตั้งใจ… พระเจ้า พระเจ้า ตายไปเสียดีกว่า! นินัทธ์ที่คอยดูการกระทำของเธออยู่นั้น ยิ้มขึ้นที่มุมปาก แล้วแกล้งเขยิบเข้าใกล้เธอมากขึ้น เศวยาตกใจ แล้วหันไป เกือบจะชนกับจมูกงามๆของเขา จึงรีบถอยกรูด หลังพิงชิดกับประตูรถแน่น มองไปที่เขา ใจเต้นแรงขึ้นมา “นาย…” เขามองที่ใบหน้างามๆของเธอ แล้วเผยแววตายิ้มหัวเราะแสนอบอุ่นขึ้นมา ริมฝีปากสีกุหลาบ และเสียงที่ดึงดูดนั้นพูดขึ้นมา ยิ่งทำให้เธอชาไปทั้งตัว “จำไว้ ว่าฉันเป็นของเธอ ทุกอย่างของฉัน เป็นของเธอ รวมถึง… ร่างกายของฉัน” “พูดมั่ว” เศวยาไม่กล้าแม้แต่กลืนน้ำลาย ถูกไฟในดวงตาของเขาหยุดเอาไว้ นินัทธ์ในตอนนี้ เป็นคนเจ้าเล่ห์ อยู่ๆมาพูดเชิญชวน ทำให้เธอยากที่จะรับมือ เธอรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “นายมาที่นี่…เพื่อมาหาฉันเหรอ?” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นินัทธ์จึงถอยกลับไปพิงกระจก มองออกไปด้านนอก ผ่านไปนาน จึงเริ่มพูดขึ้น “เมื่อกี้ เขาจูบเธอ” เศวยาหลุบตาลง แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ “จูบนั้น ก็เหมือนกับคนๆนั้น ไม่ได้แสดงถึงอะไร” นินัทธ์หันกลับมา มองไปยังเธอ แล้วเผยอปากขึ้นเบาๆ จากนั้นใช้นิ้วชี้ไปที่ปาก แล้วพูดกับเธออย่างชัดถ้อยชัดคำ “ฉันก็ต้องการ” เศวยาสติหลุด เธอเมินหน้าหนี “ไม่ได้” นินัทธ์กัดริมฝีปากสีกุหลาบ มือทั้งสองบีบลงที่ขาเธออย่างไม่ตั้งใจ “เขาได้ ฉันไม่ไดเ เขากอดได้จูบได้ ฉันกอดไม่ได้จูบไม่ได้…” ฝ่ามือของเขาร้อนมาก และความแผ่เข้าสู่เศวยา ทำให้เธอหลุดจากพะวัง แล้วรีบหดขากลับมา แล้วอธิบายให้เขาฟัง “นินัทธ์ เรื่องไม่ได้เป็นแบบที่นายคิด…” นินัทธ์ช้อนแววตาที่เป็นประกายขึ้นมา จดจ้องไปที่เธอ “เศวยา เธอ… ชอบเขา?” เศวยานิ่งไป เธอจ้องไปที่เขา แล้วค่อยๆพยักหน้า ในที่สุดนินัทธ์ก็ยิ้มขึ้นมา แล้วหันตัวมุ่งไปข้างหน้า ดมกลิ่นหอมๆบนตัวของเธอ รู้สึกสบายจนทำตาพริ้ม “งั้นก็ดี” ชายผ้าคลุมสีดำมองลอดผ่านกระจก มีเพียงเขาที่เข้าใจ ว่าประโยคที่นินัทธ์ละไว้หมายความว่าอะไร รถแล่นมาจนถึงกลางเมือง ยังคงคึกคักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นินัทธ์ให้ชายผ้าคลุมสีดำนั้นหยุดรถลง แล้วเขาก็อุ้มเศวยาลงจากรถ เดินตรงเข้าไปในร้านรองเท้า รู้สึกได้ถึงสายตารอบๆ เศวยาอายจนต้องก้มหน้าลง แล้วขัดขืนเสียงเบา “นินัทธ์ ที่นี่เป็นถนนใหญ่! ขอเถอะ ปล่อยฉันลงดีไหม? นายทำอย่างนี้… มันแปลกมากเลยนะ!” นินัทธ์ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่คนอื่นชอบดู เกี่ยวอะไรกับเขา? เขาพาเศวยาเดินเข้ามาในร้านรองเท้า มองไปรอบๆ เลือกรองเท้าผ้าใบที่ใส่สบายๆมาให้เธอคู่หนึ่ง สีขาว สวยมาก พนักงานรีบเข้ามาต้อนรับ เขาบอกเบอร์เท้าของเธอไป เศวยาตกใจ “นายรู้ได้ไง?” เขามองไม่ที่รองเท้าพลางพูด “เมื่อกี้ได้จับแล้ว” พนักงานออกไปด้วยสีหน้างุนงง เศวยาตอนนี้แม้กระทั่งอายยังดูไร้เรี่ยวแรง เธอรู้ดี ว่าตอนที่อยู่กับนินัทธ์ เธอจะเอาเรื่องที่เก็บไว้ลืมไปจนหมด ในเท้าใส่รองเท้าผ้าใบที่เขาเลือกให้ สบายมาก เธอเดินไปมาบนพื้น แล้วยิ้มอย่างพอใจ “สวยมาก” นินัทธ์จ่ายเงินแล้ว กำลังจะหันไป เธอกลับลากเขาเดินออกมาข้างนอก “ของขวัญนี้ฉันจะเก็บไว้” แล้วหัวไปยิ้มให้เขา “แต่ว่า ฉันก็มีให้นายเหมือนกัน” เขาเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้ถามอะไร แต่ก็ยอมให้เธอลากออกมา คนที่คลุมด้วยผ้าสีดำเห็นนินัทธ์เดินออกมา จึงขับรถตามหลังอย่างเงียบๆ เศวยาลากนินัทธ์เข้าร้านโทรศัพท์ร้านหนึ่ง หันไป ดองตาที่สวยงามคู่นั้นมองหาโทรศัพท์สีดำเครื่องหนึ่ง “ฉันเอาเครื่องนี้” พยายามจะจ่ายเงินเอง และตั้งใจเลือกเบอร์ที่จำได้ง่าย หันหลังไป แล้วเอาโทรศัพท์ยัดใส่มือนินัทธ์ เศวยายิ้ม “นี่ฉันให้นาย เก็บดีๆ ห้ามโยนทิ้งอีก! จำไว้รึยัง?”
已经是最新一章了
加载中