ตอนที่ 37 นี่นับว่าเป็นคำถามไหม
1/
ตอนที่ 37 นี่นับว่าเป็นคำถามไหม
รักแค้นหรือรักแท้ คำถามจากหัวใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 37 นี่นับว่าเป็นคำถามไหม
ตนที่ 37 นี่นับว่าเป็นคำถามไหม พนิตนั่งลงต่อจากเศวยา แล้วกระซิบถาม “นินัทธ์? ใช่คุณชายตระกูลวรวงศ์คุณากรคนนั้นไหม?” เศวยายิ้มแล้วพยักหน้า พนิตตกตะลึง ก่อนหน้านี้เคยได้ยินข่าวของเธอกับคุณชายตระกูลวรวงศ์คุณากร ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ มันไม่น่าเชื่อ แต่ความจริงมันยืนยัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองว่าไม่ธรรมดา! ตอนนี้ พิมลแขนั่งตรงข้ามทั้งสอง แล้วถามขึ้น “คุณเศวยาสนิทกับคุณนินัทธ์หรอคะ?” “ก็ประมาณหนึ่ง” เศวยาค่อนข้างระวังเวลาอยู่ต่อหน้าพิมลแข รู้สึกได้ว่าเธอปลีกตัวออกห่างตัวเอง พิมลแขจึงยิ้มอ่อนๆ “นินัทธ์ยากที่จะมีเพื่อนซักคน ก็เป็นเรื่องที่ดี ถ้าพ่อของเขารู้ คงจะดีใจมาก” “ฮ่าๆ นินัทธ์เขามีเพื่อนตั้งเยอะ คุณอาวางใจได้” เศวยาตาใสแป๋ว ใบหน้าที่สวยงามของเธอ ลับกับคมคิ้วและรอยยิ้มที่สวยงาม เมื่อเทียบกับความสูงส่งของพิมลแขแล้วนั้น กลับไม่ได้ดูแย่กว่าเลย พิมลแขจ้องเด็กผู้หญิงคนนั้น แล้วยิ้มขึ้น “งั้นก็ดี” พนิตมองทั้งสอง ก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล นั่งอยู่ข้างๆทั้งสองราวกับเป็นมนุษย์ล่องหน “เศวยา!” เสียงที่ฟังดูสบายหูดังขึ้นจากด้านหลัง เศวยาหันไป มองนินัทธ์ที่ใส่เพียงเสื้อเชิ้ตคอวีสีดำบางๆ และกางเกงขายาวแบบหลวมๆ เดินก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ท่าทางของเขาดูอ่อนแอ แต่ก็เหมือนกับราวเสื้อผ้า ไม่ว่าจะใส่สีขาวหรือสีดำ ก็ดูดี เมื่อเดินมาตรงหน้า ไม่สนใจว่าใครอยู่ตรงนั้นบ้าง เขายิ้มโปรยเสน่ห์แพรวพราวออกมา ราวกับดอกท้อในสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ ริมฝีปากสีกุหลาบ ยิ่งทำให้ดูน่าหลงใหล ที่ทั้งทำให้คนใจเต้นและลุ่มหลง จับหน้าของเธอขึ้นมา แล้วพรมจูบลงไปเบาๆ ตอนที่จะจากไป เข่ทำดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจเฉียดริมฝีปากเธอไปเพียงนิดเดียว เร็วมาก เร็วจนเกือบเข้าใจว่ามันคือความบังเอิญ มีเพียงเศวยาที่รับรู้... เขาจงใจ! ภาพนั้น ทำให้ผู้คนตกตะลึง พิมลแขตกตะลึง แววตาสงสัยมองนินัทธ์แล้วก็มองกลับไปที่เศวยา เธอไม่เข้าใจ ว่าผู้หญิงคนนี้แท้จริงทำอะไรลงไป ที่ทำให้ลูกเลี้ยงของเขาที่สนใจแต่ “แมวกับหนู” นั้น แสดงการกระทำที่สนิทสนมนั้นออกมา! ความคิดของผู้หญิงนั้นซับซ้อน เธอสัมผัสได้ ว่านินัทธ์ตั้งใจกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ หัวใจทั้งดวงอยู่กับผู้หญิงคนนี้ทั้งหมด! พนิตก็อึ้งไป ไม่รู้จะพูดอะไร เขาเคยได้ยินข่าวมาว่าคุณชายตระกูลวรวงศ์คุณากรเป็นโรคซึมเศร้า แต่นี่ก็ดูปกติ ที่จริงแล้ว ข่าวลือนั้นเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน? น้าอ้อยมองอย่างดีใจ ตั้งแต่ที่เธอรู้จักเศวยามา คุณชายก็ยิ่งดูเป็นปกติมากขึ้น มองหน้าที่แดงระเรื่อของเศวยา นินัทธ์ก็ยิ้มขึ้น แล้วลากมือเธอนั่งลง มองเธอ “ทานอาหารเช้ามารึยัง?” เขาถามขึ้น “อืม” เศวยาพยักหน้าอย่างเขินอาย เธอพยายามจะเคยชิน แต่ว่าเขาดูสนใจมากเกินไป จนไม่มีทางที่จะชินได้ คนอื่นๆในห้องรับแขก กลายเป็นแค่ส่วนประกอบไป พิมลแขมองแล้วจึงหันไปพูดกับน้าอ้อย “น้าอ้อย คงได้เวลานินัทธ์ทานยาแล้วนี่?” น้าอ้อยรีบตอบ “อุ้ย เกือบลืมไปเลย ฉันจัรีบไปหยิบมาให้คุณชายนะคะ” แววตาของเศวยาเป็นประกายึ้นมา แล้วยกมุมปากขึ้น นินัทธ์มองเธอ มองแววตาของเธอที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จึงขมวดคิ้ว แล้วยื่นมือไปหยิกแก้มของเธอ เศวยาอึ้งไป เธอเงยหน้ามองเขา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยที่แฝงไปด้วยความอบอุ่น เขาเข้ามาใกล้ข้างหูเธอ แล้วกระซิบ “ฉันชอบเธอในหลายๆเรื่อง ส่วนเรื่องสกปรกแบบนั้น ไม่ต้องกังวลไป” เศวยาใจเต้นแรง เธอเบิกตาโพลง มองเขาเป็นระยะๆ ที่จริงแล้ว เขาไปรู้อะไรมา? หรือรู้หมดแล้ว? นินัทธ์ยังคงยิ้มบางๆ ท่าทางผ่อนคลายของเขา ทำให้เธอสบายใจ ยิ้ม เธอก็พยักหน้า นินัทธ์ คงจะสัมผัสได้ เห็นทั้งสองคุยกันเหมือนมองไม่เห็นคนรอบข้าง พิมลแขจึงมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ด้วยความที่ได้รับการสั่งสอนมาดี จึงไม่ได้แสดงอาการออกไป พนิตที่นั่งอยู่ข้างรู้สึกอึดอัด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นใครไม่รู้ แต่ถูกมองข้ามเช่นนี้ มันก็จะเกินไปหน่อย! เศวยารู้สึกตัวขึ้นมาพอดี จึงหันมา แล้วรีบแนะนำตัวแทนเขา “นินัทธ์ เขาคือพนิต” แววตาของนินัทธ์ค่อยๆเป็นประกายขึ้นมา เมื่อกวาดสายตามองไปที่พนิต ทำให้ผู้ที่ถูกมองนั้นรู้สึกหนาว ถูกนินัทธ์มองแบบกะทันหันแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ใจเต้นแรงราวกับมีคลื่นอยู่ในนั้น แล้วหันไปแนะนำตัวกับนินัทธ์ “คุณชายนินัทธ์ สวัสดีครับ ผมพนิต ...” ไม่รอให้เขาพูดจบ นินัทธ์ก็หันกลับมามองเศวยา แล้วพูดเสียงเบา “ฉันจำไว้แล้ว” แต่ที่แปลกคือ พนิตที่ถูกตัดบทนั้นไม่ได้โกรธอะไร ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ได้รับความสนใจ แต่กลับดีใจอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกนี้ช่างแปลกจริงๆ ทั้งๆที่เพิ่งจะเจอนินัทธ์เพียงครั้งเดียว แต่เขารู้สึกว่านินัทธ์นั้นมีอะไรพิเศษไปกว่าคนอื่น การที่ได้รับคำว่า “ฉันจำไว้แล้ว” จากนินัทธ์นั้น ทำให้ดีใจเสียกว่าได้งานจากบริษัทเสียอีก พิมลแขมองด้วยสายตาเย็นชา ไม่เข้าว่าเศวยาแนะนำผู้ชายคนนี้ให้นินัทธ์เพื่ออะไร เธอจึงหันมาแล้วถามแบบยิ้มๆ “อุ้ย ไม่ทราบว่าคุณพนิตจบมาจากไหนเหรอคะ?” “อืม...” พนิตกระอักกระอ่วน แล้วจึงตอบ “ตอนนี้ยังเรียนอยู่ครับ” คำนั้นหมายความว่าเขายังวุฒิภาวะใดๆ! “อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” พิมลแขพยักหน้า แล้วคาดการณ์จากการแต่งตัวของเขา ก็แอบสงสัยในใจ คิดแล้ว เศวยาน่าจะหลอกใช้นินัทธ์ ช่วยหางานให้เพื่อนเท่านั้น น้าอ้อยยกแก้วน้ำและยามาวางไว้บนโต๊ะ “คุณชาย ทานยาได้แล้วค่ะ” พิมลแขนั่งไขว่ห้าง จ้องมองนินัทธ์ แล้วอ้าปากขึ้น เริ่มพูดอย่างเรื่อยๆ “นินัทธ์ กินยาก่อนแล้วค่อยคุยต่อ” นินัทธ์หันมา มองยาเม็ดเล็กใหญ่สิบกว่าเม็ดวางเรียงกันอยู่ ในตามีแววเยาเย้ย หยิบยาขึ้นมา บีบจนแหลกเป็นผง แล้วโปรยเต็มบนโต๊ะ เศวยาแววตาเป็นประกาย เมื่อเห็นว่านินัทธ์เริ่มที่จะสนใจตัวเอง เธอรู้สึกดีใจแทนเขาจริงๆ แต่ไหนแต่ไรมา ไม่มีทางที่นินัทธ์จะไม่รู้เรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ เพราะเขาไม่สนใจตัวเอง ไม่สนว่าคนพวกนั้นจะทำอะไร เขาไม่เป็นไร แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่แล้ว มีเธออยู่ เธอไม่ยอมให้เขาละเลยตัวเองอีกต่อไป! ก่อนที่จะเรียนรู้รักใครหรือถูกรัก ต้องเรียนรู้ที่จะรักตัวเองเสียก่อน “เธอ...” สีหน้าของพิมลแขเปลี่ยนไป เมื่อรู้สึกว่าตัวเองแสดงท่าทีออกมามากไปหน่อย จึงรีบปรับอารมณ์ให้เป็นดังเดิม ยิ้มแล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “นินัทธ์ ยานี้จะช่วยรักษาอาการเธอ ต้องกินลงไปนะ เธอจะดื้อไม่ได้! ถ้าพ่อของเธอรู้ ต้องโกรธมากแน่ๆ!” หลังจากที่พูดถึงชนิดพ ก็หันไปสั่งน้าอ้อย “พี่อ้อย ไปเอามาอีก!” เสียงเริ่มแข็งขึ้น เป็นท่าทางของภรรยาเจ้าของบ้านอย่างไม่ต้องสงสัย นินัทธ์ดูงงๆ แววตาที่ลุ่มลึกนั้น มองไปที่พิมลแข พิมลแขพลันใจเต้นแรง ราวกับถูกเกล็ดน้ำแข็งบาด ตั้งแต่หัวจรดเท้า ความหนาวเข้าครอบคลุม นี่เป็นครั้งแรกที่นินัทธ์มองเธอตรงๆ “นี่ อ๋อ ฉันรู้แล้ว” น้าอ้อยกำลังจะไปหยิบ นินัทธ์เปิดปากขึ้น “การแสดงแบบนี้ อย่ามาให้ฉันเห็นอีก” คำพูดที่เย็นชาเมื่อออกมาจากปากเขา ราวกับเป็นการประกาศตัดสินคนหนึ่ง ที่แข็งกร้าวเสียจนไม่มีโอกาสให้ตอบกลับ สีหน้าของพิมลแขแย่มาก อยากจะตอบกลับ แต่เห็นว่ามีคนนอกอยู่ จึงปล่อยไป แล้วยิ้มขึ้นบางๆ “นินัทธ์ เธอกำลังพูดถึงอะไรหน่ะ ทำไมฉันฟังไม่เข้าใจเลย?” ลุกขึ้น แล้วพูดกับเศวยาอย่างเกรงใจ “คุณเศวยาคะ ฉันยังมีธุระ ขอตัวก่อนนะคะ” เธอเดินหมุนตัวขึ้นบ้านไป น้าอ้อยไม่เข้าใจ “คุณชาย ยาพวกนี้...” ทิ้งให้หมด” นินัทธ์ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา และเขาไม่เคยมีท่าทีแงกร้าวเช่นนี้มาก่อน พิมลแขที่กำลังเดินขึ้นบ้าน จึงค่อยๆหยุดเดินลง แล้วหันมามองเขา ขมวดคิ้ว แล้วหันกลับไปเช่นเดิม เมื่อที่ห้องรับแขกเหลือเพียงสามคน เศวยาจึงห้ามนินัทธ์เอาไว้ แล้วพูดขึ้น “นินัทธ์ ฉันอยากให้พนิตมาช่วยนาย” พนิตมองเธออย่างรู้สึกขอบคุณ นี่เป็นโชคชะตา เขารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก ที่ได้รับความไว้วางใจจากเธอ แถมยังแนะนำตัวเองให้คุณชายตระกูลวรวงศ์คุณากรอีก! ความรู้สึกขอบคุณ จะเป็นแรงผลักดัน จะพยายามทำมันออกมาให้ดี เพื่อไม่ให้เธอผิดหวัง เมื่อคิดดีแล้ว พนิตจึงพูดอย่างขันแข็ง “คุณนินัทธ์ ผมไม่รู้ว่าผมช่วยอะไรคุณได้บ้าง แต่ว่า ผมจะพยายามให้ดีที่สุด! เพียงแค่ขอโอกาสจากคุณ!” นินัทธ์มองเขา แล้วถาม “นายชอบเธอเหรอ?” พนิตอึ้งไป นี่...นี่นับว่าเป็นคำถามไหม? เศวยากุมขมับ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก หันกลับมามอง ยิ้มอย่างสดใส แต่พูดผ่านลอดไรฟันออกมา “นี่มันสำคัญไหม?” เขาพยักหน้าอย่างตั้งใจ สำหรับเขาแล้ว สำคัญ พนิตตอบอย่างสุดชีวิต “อืม ในเมื่อคุณนินัทธ์ถามแล้ว งั้นผมก็จะตอบตามความจริง” เศวยาชะงักไป รอให้ทุกอย่างถูกเผยออกมา... ทำไมถึงรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ? เมื่อหันกลับไปมองนินัทธ์ สีหน้าของเขาก็ดูเคร่งเครียดลง นั่นเป็นปัญหาที่ต้องเผชิญ ช่างสาหัสเสียจริง เธอรีบจนต้องส่งซิกให้พนิตทางสายตา แต่พนิตไม่รู้สึกตัว ยังคงก้มหน้า เธอกล่าวขึ้นอย่างรู้สึกผิด “ฉันต้องยอมรับ เศวยาสวยมาก เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา” เศวยาปวดหัว มองไปที่นินัทธ์ มุมปากของเขายกขึ้น ยากที่จะคาดเดา เขาที่เป็นเช่นนี้ ช่างน่าโมโหจริงๆ “และที่ยากกว่านั้นคือ เศวยานั้นทั้งสวยและจิตใจดี ฉันว่า ไม่มีคนไหนที่จะไม่ชอบ” พนิตพูดถึงตรงนี้ จึงหยุดลง แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ มองไปที่เศวยา เศวยากุมหัว รู้สึกเศร้าในใจ ขอร้องล่ะ ช่วยเห็นใจหน่อยได้ไหม? เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เศวยาอึ้งไป แล้วเงยหน้ามองเขา “นายอยากจะบีบฉันใช่ไหม?” พนิตพูดด้วยความรู้สึกขอโทษขอโพย “ที่จริง… ฉันชอบเด็กผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนมากกว่า เป็นแบบที่ไม่ต้องสวยมาก แต่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ” หรือจะพูดอีกอย่างว่า เศวยาสวยเกิน เขาคงจะรับมือไม่ไหว หาภรรยาซักคนก็คงต้องดูดีๆเสียหน่อย เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สีหน้าของนินัทธ์ก็เปลี่ยนไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 37 นี่นับว่าเป็นคำถามไหม
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A