ตอนที่ 38 ตบหนึ่งฉาด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 38 ตบหนึ่งฉาด
ต๭นที่ 38 ตบหนึ่งฉาด เศวยาไม่รู้จริงๆว่าควรจะโมโหหรือหัวเราะดี ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ถ้าถูกผู้ชายพูดเช่นนี้ใส่ เธอคงจะทนไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้ เธอรู้สึกวางใจ แล้วจ้องเขา “ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ จะพูดวกไปวนมาทำไมกัน!” พนิตส่ายหัวอย่างรู้สึกไม่ดี “ก็ฉันกลัวหยามน้ำใจเธอ” เศวยาโมโห “เรื่องศักดิ์ศรีของฉันมีมากน้อยเพียงไหน เธอไม่ต้องกังวลไป” ตอนนี้ นินัทธ์พูดขึ้น “พรุ่งนี้ จะมีคนไปหานาย” พนิตรีบพยักหน้า “ผมรู้แล้ว!” แล้วรีบลุกขึ้น “คุณนินัทธ์ งั้นผมขอตัวก่อน” นินัทธ์ไม่ได้ตอบรับ แต่หันไปพูดกับเศวยา “รีบทำไมกัน เดี๋ยวค่อยไปพร้อมกันสิ” พนิตรีบโบกมือ “ไม่ต้องๆ ผมยังมีธุระที่บ้าน ต้องขอตัวไปก่อน” ถึงปากจะบอกว่ารีบ แต่ในใจพลางคิด ว่าผู้ชายตรงนี้น่ากลัวมาก ถ้าหากทำให้เขาไม่พอใจอาจจะซวยได้ แล้วอีกอย่าง เขารีบไล่แขกขนาดนั้น ทำไมเขาจะฟังไม่ออก? ถึงแม้ว่าจะอยู่ภายใต้อำนาจของนินัทธ์ อยู่ต่อไปก็มีแต่เป็นส่วนเกิน เขารู้เรื่องดีว่าควรทำอย่างไร พนิตกล่าวเช่นนั้น นินัทธ์จึงมองเขาอีกเพียงไม่กี่ครั้ง แสดงท่าทีห้าวหาญ พนิตตาเป็นประกาย ในที่สุด เขาก็เข้าใจ ว่าหลังจากนี้ แค่อยู่ห่างจากเศวยาก็พอแล้ว! รอให้เขาจากไป ในห้องรับแขกก็เหลือเพียงสองคน นินัทธ์มองเศวยาอย่างชื่นชม สีของนัยน์ตา แสดงออกถึงความสูงส่ง “นี่เป็นผู้ช่วยที่เธอหาให้ฉัน?” เศวยาพยักหน้าอย่างดีใจ “เชื่อฉัน พนิตนั้นใช้ได้! เลี้ยงเขาไว้ ไม่เสียหาย” เขายกมุมปากสีกุหลาบนั้นขึ้น แล้วพูดเบาๆ “ตามใจเธอ” ความรู้สึกว่ารักที่ไม่อาจพูดออกมาได้ ไม่ว่าเธอทำอะไร เขาก็จะให้ความร่วมมือ ทุกอย่างที่เธอนั้นก็เพื่อเข และเขาก็เพื่อเธอ รถที่อยู่ด้านนอกหยุดลง ไม่นานนัก ก็มีคนกดออดหน้าบ้าน น้าอ้อยรีบไปเปิดประตู “คุณชายธนเทพกลับมาแล้ว!” เมื่อได้ยินว่าธนเทพ สีหน้าของเศวยาก็เปลี่ยนไป แต่ก็กลับมาเป็เนช่นเดิมอย่างรวดเร็ว อยากจะลืมหนึ่งคนให้สิ้น ไม่จำเป็นต้องเกลียด ต้องเมินเฉยให้ถึงที่สุดต่างหาก ถึงแม้ว่าเธอจะจัดการอารมณ์ได้ดี แต่ก็ยังหลบไม่สนสายตาของนินัทธ์ คิ้วงามๆนั้น ขมวดกันแน่น แล้วค่อยๆจับมือเธอเอาไว้ กำมือแน่น เศวยาก้มหน้า มองที่มือของเขา มุมปากยกขึ้นเบาๆ ยิ้มขึ้นอย่างสบายใจ ธนเทพเดินเข้ามา มองมาที่เศวยา นัยน์ตาเย็นชาเป็นประกายขึ้น ด้านหลัง เป็นชวนีที่เดินตามเข้ามา “เศวยา?” สีหน้าของเธอค่อนข้างตกใจ “เศวยา เธออยู่ที่นี่เหมือนกันเหรอ? บังเอิญจังเลย” เศวยาตอบอย่างเสียไม่ได้ “ฉันมาหานินัทธ์หน่ะ” ธนเทพได้ยินเช่นนั้น จึงทำตาเข้มขึ้น หันไปถามน้าอ้อย “แม่ผมล่ะ?” “คุณนายอยู่ข้างบนค่ะ” “อืม” เขาเดินผ่านทั้งสอง ขึ้นบ้านไป ส่วนชวนีนั้นนั่งรอเขาอยู่ข้างล่างอย่างเชื่อฟัง หลังจากที่นั่งลง ก็กวาดตามามองเศวยาและนินัทธ์ และมือของทั้งสองที่จับกัน ใบหน้าสะสวยนั้นยิ้มขึ้นด้วยความรู้สึกเมตตา “เศวยา คุณนินัทธ?เขาดีกับเธอจังเลย” เศวยาทำหน้าแบ่งรับแบ่งสู้ “ธนเทพเขาก็ดีกับเธอไม่ใช่เหรอ” “มัน... มันก็ใช่” ชวนีเขินจนหน้าแดง มือเรียวๆกระชับเสื้อเข้าด้วยกัน แล้วพูดเสียงเบา “เขาดีกับฉันมาก ใช่แล้ว เขายังขอฉันแต่งงานด้วยนะ!” สีหน้าที่ดูมีความสุขนั้นชัดเจนมาก เศวยาฟัง และทำได้เพียงฟัง นินัทธ์มองเธอ ในแววตานั้นมีคลื่นอะไรบางอย่าง “ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำ” ไม่อยากจะทนดูเธอทำท่าทางอะไรอีก จึงลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เมื่อเห็นเธอจากไป ชวนีมองมาที่นินัทธ์ แล้วถามขึ้นอย่างระวัง “คุณนินัทธ์ คุณกับเศวยา พัฒนาความสัมพันธ์เร็วเหมือนกันนะคะ!” นินัทธ์ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตน แววตามองทอดไปยังทางที่เศวยาเดินไป เพื่อรอการกลับมาของเธอ ชวนีไม่ตายใจ เธอจึงถามต่อ “คุณนินัทธ์ คุณ... เห็นรูปพวกนั้นรึยัง?” แววตาที่เย็นชาเปลี่ยนไปเล็กน้อย หันมา แล้วใช้แววตาคมๆนั้นมอง แล้วถามเธอขึ้น “เธอส่งมาเหรอ?” ชวนีตกใจ จึงรีบพูดอธิบายขึ้น “คุณนินัทธ์ คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ฉันแค่ถ่ายมาได้โดยบังเอิญ สำหรับผู้ที่ถูกทำร้ายนั้น ฉันไม่อยากให้คุณถูกหลอก ที่จริงแล้ว ตอนนั้นฉันก็โกรธมาก แต่เมื่อได้ยินธนเทพอธิบายแล้ว ก็เพิ่งจะรู้ว่า...ว่า....” เธอลังเล แล้วพูดเสียงเบาลง “เป็นเศวยาที่เข้าหาเขาเอง... เห้อ หลังจากที่ฉันได้ยิน ฉันละผิดหวังจริงๆ! ฉันโมโหไม่ได้ จึงอยากจะมาบอกความจริงกับคุณ” ชวนีพูดอย่างระทึก สีหน้าโมโห ราวกับต้องการทวงความยุติธรรมให้นินัทธ์ เมื่อกี้เห็นท่าทางที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันแล้ว เธอตัดสินใจถาม หรือว่านินัทธ์ยังไม่เห็นรูปพวกนั้น? มิเช่นนั้น ทำไมถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น? จากที่เธอรู้มา นินัทธ์เป็นคุณชายที่นิสัยอารมณ์แปรปรวนไม่ปกติ แล้วยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ยอมให้ถูกหลอก! ดังนั้น เธอจึงหาโอกาส ไม่ให้เศวยานั้นได้สมหวัง นี่ก็คือผลของคนที่แย่งคนรักกับเธอ! แต่เมื่อได้สบตานินัทธ์แล้ว ใจสั่นอย่างแรง สายตาเย็นชาที่แหลมคมนั้น ทำให้ไม่มีทางปิดบังได้ ปากขยับไม่กี่ที ที่เหลือทั้งมันก็ถูกกลืนอยู่ในลำคอ นินัทธ์เงยหน้า เมื่อเห็นว่ามีคนมา ความเย็นชาทั้งหมดจึงหายไป ทิ้งไว้ให้เพียงใครบางคนเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ทำให้ชวนีทำตัวไม่ถูก เธอรู้สึกได้จึงหันไป เห็นว่าเป็นเศวยากำลังเดินมา เธออึ้งไป รีบเก็บจนดูร้อนรน เศวยายิ้มมาทางนี้ เธอจึงรีบพูดขึ้น “เศวยา ฉันกำลังคุยกับคุณนินัทธ์เรื่องของเธออยู่หน่ะ” เศวยายิ้มขึ้นให้นินัทธ์ก่อน เมื่อเดินมาถึงข้างหน้าชวนี ยกมือตบลงไปหนึ่งฉาดอย่างไม่ทันตั้งตัว นินัทธ์เลิกคิ้ว แต่ไม่มีท่าทีอะไร แถมยังมองเธอด้วยสายตาเอ็นดูดังเดิม ชวนีรู้สึกตัว กุมหน้าตัวเอง ไม่กล้าที่มองหน้าเศวยา “เศวยา เธอ...” เศวยาเดินขึ้นหน้าไป ยิ้มไม่หุบ ดึงเสื้อของเธอเอาไว้ ยกเธอขึ้นมาจากโซฟา ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ชวนี ฉันยอมทนเรื่องที่เธอทำลับหลังได้ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ แต่ในความอดทนของฉัน ฉันมองเธอเป็นแค่เศษเสี้ยว เลยไม่ไปสนใจ” เศวยาที่ตรงหน้านี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ชวนีตกตะลึงเกินกว่าจะโมโห อ้าปากอยู่นาน แต่ก็พูดไม่ออกซักคำ! “ที่สิ่งที่เธอไม่ควรทำเลย ก็คือมายุ่งกับเขา!” เศวยาเดินเข้าไป และกดเธอลงกับโซฟา แววตาดุดันเสียจนน่ากลัว “ยังดีที่เขาไม่เป็นอะไร ไม่เช่นนั้น คงไม่แค่ตบอย่างเดียวแน่ๆ” นินัทธ์ยิ้มบางๆ เพื่อให้เธอได้ปลดปล่อย บนบ้าน ธนเทพเคาะประตูห้องแม่ แล้วเปิดเข้าไป เห็นพิมลแขยืนอยู่ที่หน้าต่าง คิดว่าคงเห็นตั้งนานแล้วว่าเขามาถึง “แม่” พิมลแขหันไปมองลูกชาย แววตาลุ่มลึก “ธนเทพ แม่ไม่สนว่าลูกกับชวนีจะเป็นอะไรกัน แต่ลูกจะพาเธอมาที่นี่ไม่ได้” ธนเทพขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบท่าทีที่พิมลแขมีต่อชวนี เดินเข้าไป แล้วค่อยๆพูดขึ้น “เป็นอะไรกันเหรอ?” “เป็นอะไร!?” พิมลแขยิ้มเย็นเยือก “จากฐานะในปัจจุบันของลูกแล้ว เธอเทียบได้เหรอ? ธนเทพ เรื่องแบบนี้ถึงแม่ไม่พูด ลูกก็น่าจะเข้าใจดี! น้าชนิดพเขาฝากความหวังไว้กับลูกมาก ในอนาคตลูกจะแต่งงานกับใคร ก็ต้องผ่านเขาก่อน ดังนั้น ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ชวนีควรมา!” พิมลแขพูดตรงๆอย่างไม่เกรงใจ ธนเทพที่ยืนอยู่ข้างแม่ สองมือล้วงอยู่ในกระเป๋า พูดขึ้นเสียงเบา “แม่ ยังไงซะชวนีแม่ก็เห็นเธอมาตั้งแต่เด็ก แม่ก็รู้ว่าผมชอบเธอ ทำไมถึงได้รังแกเธอเช่นนั้นเล่า?” “เพราะว่าเป็นเช่นนี้ ฉันยิ่งมั่นใจ ว่าเธอไม่คู่ควรกับลูก ชอบก็คือชอบ จะเที่ยวเล่นยังไงแม่ไม่ว่า แต่จะแต่งงานกับเธอไม่ได้!” พิมลแขโบกมือ ราวกับไม่อยากพูดถึงเธอคนนี้อีก “แล้วเศวยาที่อยู่ข้างล่างนั้น ลูกรู้จักเธอดีแค่ไหน?” เมื่อกล่าวถึงเธอ แววตาของธนเทพเปลี่ยนไปชั่ววูบ มือที่อยู่ในกางเกงค่อยๆกำแน่นขึ้น รสจูบยังคงไม่เปลี่ยน “เธอเป็นหญิงสาวที่นินัทธ์ชอบ” พิมลแขกระแอม แล้วพูดขึ้น “ผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา เธอมีผลต่อนินัทธ์มาก พวกเราต้องระวังให้มาก” ธนเทพยกมุมปากขึ้น “พอจะมองออก ว่าแปลี่ยนไปมาก” พิมลแขหรี่ดวงตางดงามคู่นั้น มองลูกชาย “ฉันไม่อยากจะให้คนบ้ามาทำให้แผนของเราเสีย” ธนเทพกระพริบตาเป็นเชิงปลอบโยน “ผมไม่มีทางทำผิดง่ายๆแบบนั้นหรอก” พิมลแขพยักหน้า “งั้นก็ดี” พูดอีกไม่กี่คำ สองแม่ลูกก็เดินลงบ้านไป ไม่มีใครรู้ ว่าเมื่อเดินลงมา ก็พบกับภาพที่เศวยากดชวนีติดกับโซฟา แววตาของธนเทพเข้มขึ้น รีบเดินเข้าไป “เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อได้ยินเสียงของเขา ชวนีก้ร้องออกมา “ธนเทพ... เศวยาเธอ... เธอ...” ที่นี่คือบ้านตระกูลวรวงศ์คุณากร เศวยาไม่อยากจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ หลังจากปล่อยมือ ชวนีก้ร้องไห้แล้ววิ่งไปทางธนเทพ โผเข้าที่อ้อมกอดเขา “ธนเทพ...” ธนเทพกอดเธอเอาไว้ มองรอยนิ้วบนหน้าเธอ แล้วเบิกตาโพลง ราวกับมีความมืดเข้าครอบงำ มองไปที่เศวยาอย่างดุดัน “เธอตบเขาเหรอ?” ปากที่กำลังถามเธออยู่นั้น ทำให้เธอนึกถึงวันที่เขาตบเธอเพราะเรื่องของชวนี แต่ว่า ไม่มีใครโชคดีหรือโชคร้ายเสมอไป ความโกรธในวันนี้เพื่อชวนีคนรักของเธอที่โดนตบ! เศวยายิ้ม “ใช่แล้ว” ชวนีร้องไห้เสียใจมาก ร้องเสียจนน่าสงสาร “ธนเทพ... ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น... เศวยาก็...” ผู้หญิงคนนี้เล่นละครเก่ง เศวยารู้มาก่อน แต่เธอก็ขี้เกียจจะยุ่มย่าม ธนเทพมีตาหามีแววไม่ สมควรแล้วที่จะถูกหลอกเธอเป็นผู้หญิงดีดีที่ไหน? ผู้หญิงในอ้อมกอดร้องเสียจนน่าสงสาร และรอยยิ้มบนหน้าของเศวยานั้นทำให้ดูน่าโมโหเสียจริง อยากจะฉีกหน้ากากเธอออกเป็นชิ้นๆ! ธนเทพเอาชวนีไปไว้อีกทาง แล้วเดินไปทางเศวยา ความโกรธนั้นแพร่กระจาย 
已经是最新一章了
加载中