ตอนที่ 39 เด็กผู้หญิงคนนี้ใจเด็ดจริงๆ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 39 เด็กผู้หญิงคนนี้ใจเด็ดจริงๆ
ต๭นที่ 39 เด็กผู้หญิงคนนี้ใจเด็ดจริงๆ มองธนเทพที่เดินมาทางเธอ เศวยาไม่ขยับไปไหน ยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองเขาด้วยแววตาเย็นชา ในสายตามีแต่ความเกลียดชัง ราวกับเข็มแหลมที่ทิ่มไปทั่วทั้งตัว ไม่สบาย ตอนที่เขาเดินเข้ามาใกล้เธอ ด้านหน้าก็มีคนเข้ามาบังไว้ ธนเทพหยุดลง แววตาเย็นชามองกวาดไปที่เขา “นินัทธ์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย หลบไปจะดีที่สุด” นินัทธ์ยกมุมปากขึ้น ค่อยๆช้อนตาขึ้น สีหม่นหมองนั้นพลันหายไป แต่มีแสงประกายมาแทน “คนของฉัน ขอแค่เธอต้องการให้ฉันต่อยใคร ฉันก็จะต่อย” นัยน์ตาสีดำขลับที่แฝงไปด้วยความดุดันของธนเทพ ยิ้มขึ้นมา แล้วเขยิบเข้าใกล้เขา “ไม่ใช่ว่านายอยากปกป้องใคร แล้วจะทำได้เสมอไป” ใบหน้าหล่อเหลาของนินัทธ์ที่ดุดันราวกับปีศาจร้ายนั้น เพิ่มท่าทางที่ยิ่งคลุ้มคลั่งเข้าไปอีก “งั้นก็ลองดู” ร่างสูงทั้งสองไม่มีใครยอมใคร ณ วินาทีนั้น ราวกับอุกาบาตรตกลงมาชนโลก ระเบิดเป็นประกายไฟ นั่นเป็นพลังที่ออกมาจากผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น น้ำไฟไม่อาจหลอมรวมกัน ศัตรูคู่ชีวิต และดับมอดในเสี้ยววินาที เศวยาอยู่ด้านหลังของนินัทธ์อย่างปลอดภัย มองความแข็งแกร่งของชายหนุ่มทั้งสอง เธอรู้สึกใจชื้น และชวนีกังวลจนจับสองมือแน่น จ้องมองไปทางธนเทพ ตอนนี้ พิมลแขเดินมา ขณะที่กำลังเดินผ่านชวนี ก็มองเธอด้วยสายตาเย็นชา เธอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ดีพอ ชวนีถอยออกมา รีบก้มหัวลง ไม่กล้าแข็งขืน “นี่ โตกันขนาดนี้แล้ว ยังจะทำตัวเหมือนเด็กๆอีก ไม่กลัวคุณหนูเศวยาเขาจะตลกเอาเหรอ” พิมลแขมาขัดเข้าไว้ แล้วลากลูกชายของเธอไป ตักเตือนว่าเขาควรจะหยุดได้แล้ว ธนเทพขมวดคิ้วแน่นขึ้น กล้ามเนื้อทั้งตัวแน่นเสียแทบปริ ที่พร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ ที่เขาโกรธไม่เพียงเพราะท่าทีของชวนีหรือเศวยา แต่เป็นเพราะนินัทธ์ที่ยังคงปกป้องเธออยู่เช่นเดิม เขามีสิทธิ์อะไรมาปกป้องผู้หญิงคนนี้? ทำไมเขาถึงปกป้องเธอได้? ทั้งๆที่คิดแค่นั้น ในใจของธนเทพก็แทบจะระเบิดออกมา ไฟแห่งความโกรธนั้นลุกโชน นินัทธ์เอาแต่ยิ้มเยาะเย้ยและเย็นชาอยู่ที่มุมปาก ที่เขาไม่พูดไม่ใช่ว่าจะไม่ได้หมายความอย่างนั้น ทุกคนต่างมีมุมต้องห้าม เศวยาก็คือสิ่งนั่นของเขา! เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่มีใครยอมใคร พิมลแขจึงร้อนรน และเมื่อเห็นท่าทางสบายๆของเศวยาแล้ว จึงรีบพูดกับเธอ “คุณหนูเศวยาคะ จากที่ฉันดูแล้ว เรื่องนี้ต้องเข้าใจผิดกันแน่ๆเลยค่ะ ชวนีเธอร่างกายไม่สบาย ก็พูดไปเรื่อยแหละค่ะ ดูจากชาติตระกูลของคุณหนูแล้ว จะไปลงไม้ลงมือตีคนอื่นได้ยังไงกัน?” พูดพลางหันไปมองชวนี เป็นเชิงตักเตือน “ฉันพูดผิดไหม ชวนี?” ชวนีกัดฟันกรอด ทั้งสองมือกำหมัดแน่น ในใจนั้นรู้สึกไม่ยอม แต่ต่อให้เธอไม่ยอมหรือรู้สึกแย่เพียงไร เมื่ออยู่ต่อหน้าพิมลแข เธอก็ไม่กล้าที่จะทำอะไร ได้แต่ทนแล้วพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย “น้าพิมลแขพูดถูกค่ะ ฉัน… ฉันคงจะมั่วไปเอง” “หลังจากนี้ พูดอะไรก็ขอให้คิดหน่อยนะ” พิมลแขกล่าวอย่างเย็นชา แล้วหันไปยิ้มและพูดกับเศวยา “ในเมื่อเป็นความเข้าใจผิด งั้นอยากจะให้ทั้งสองปรับความเข้าใจกันดีๆก่อนนะ” ในฐานะที่พิมลแขเป็นคุณหญิงตระกูลวรวงศ์คุณากร อย่างน้อยเศวยาก็ต้องเห็นแก่หน้าเธอบ้าง เธอเดินมายืนข้างๆนินัทธ์ แล้วดึงชายเสื้อเขาเบาๆ “นินัทธ์ ฉันหิวแล้ว” นินัทธ์หันมามอง อารมณ์คลุ้มคลั่งพลันหายไป แล้วมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน “รอเดี๋ยว” เขารีบเดินเข้าไปในห้องครัว เศวยายิ้มตาหยีแล้วนั่งลง เอนหลังกับโซฟา แล้วมองร่างของชายหนุ่มที่เดินออกไป แววตานั้นเต็มไปด้วยความสดใส เขย่าขาทั้งสองข้างอย่างผ่อนคลาย ที่แท้เก็บแรงรอเหตุการณ์แบบนี้นี่เอง เพียงเพราะหิวแล้วประโยคเดียวของเธอ ทำให้ทุกอย่างดูคลี่คลายลง ทำให้พิมลแขตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเศวยาอย่างชั่งใจ ชวนีโมโหจนกัดริมฝีปาก เศวยาผู้หญิงที่มารยาร้อยเล่มเกวียนคนนี้ ทำไมถึงได้มีผู้ชายมารอเธอ! และธนเทพที่ถูกนินัทธ์ข่มไปนั้น แววตานั้นดุดันมาก ไม่มีอะไรที่น่าโมโหไปกว่าการถูกเขาเมินใส่ พิมลแขได้สติ ยิ้มขึ้นเบาๆ “คุณหนูเศวยา รบกวนหมดเลยค่ะ” เศวยายังคงขมวดคิ้วดังเดิม “ฉันหิวมากแล้วจริงๆ” ทันใดนั้น ธนเทพหันตัวมา แล้วเดินมาตรงหน้าเศวยา เท้าสองมือเข้ากับโซฟา แล้วก้มตัวลงไป แล้วกระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ “หนี้ห้าแสนนั้นจะหมดไปทันที แต่หนี้ของชวนีนี้ ฉันต้องขอจัดการแทนเธอ” เศวยายังแววตากลับมา ยังคงยิ้มดังเดิม “ฉันไม่จ่ายดอกเบี้ยนะ” ทั้งสองทำเหมือนกับไม่มีอะไรผิดปกติ ทำให้พิมลแขรู้สึกสนใจ มองพวกเขาอย่างสงสัย แต่ก็ทำเหมือนไม่รู้เห็นอะไร ธนเทพยิ้มเย็นเยือก ยืนขึ้นมา แล้วเดินไปหาชวนี ใช้มือประคองหน้าที่ถูกตีจนแดงขึ้นมา หน้าแดงก่ำนั้นบวมเล็กน้อย เศวยาลงมือหนักเกินไปจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ช่างใจไม้ใส้ระกำ! เขาขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “ฉันไปหยิบถุงเย็นมาให้” ชวนีหยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ท่าทางน่าสงสารอย่างสุดหัวใจ พิมลแขเห็นแล้วรู้สึกรำคาญใจ จึงเดินขึ้นบ้านไป ธนเทพถือถุงเย็นมา แล้วใช้ผ้าขนหนูห่อ ค่อยๆประคบลงบนหน้าของเธอ ชวนีหดตัวอยู่ในอ้อมแขนเขา พร้อมกับแสดงท่าทีกลัวเศวยา “ธนเทพ ฉันอยากไปจากที่นี่…” ธนเทพพยักหน้า ทักทายพิมลแข แล้วจึงพาชวนีจากไป ไม่แม้แต่หันกลับมามองเศวยาอีกครั้ง ได้ยินเสียงรถจากด้านนอก เศวยาเม้มปาก เต็มไปด้วยความโกรธแค้น แล้วยิ้มเย้ยออกมา ไม่ว่าจะตอนไหน ความโกรธของธนเทพ นั้นก็มีแต่เพื่อชวนีเท่านั้น ดูท่าแล้ว ผู้ชายยังคงหลงกลผู้หญิงที่ทำตัวใสซื่ออยู่เสมอ แต่ว่า… ก็ไม่เช่นนั้นเสมอไป นินัทธ์ลากมือน้าอ้อยเข้าไปในห้องครัว แล้วพูดเสียงเบา “เธอหิวแล้ว” แล้วยืนเงียบๆอยู่ข้างๆ หลังจากที่นินัทธ์กลับมาอยู่บ้าน น้าอ้อยก็คอยดูแลเขามาตลอด ถึงแม้ว่าบางครั้งที่เขาพูดเหมือนเป็นการนำคำมาต่อกัน แต่ก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว เธอยิ้มแหะๆ “ได้ๆๆ ฉันจะเตรียมอาหารให้คุณหนูเศวยาเอง” นินัทธ์นิ่ง เขายังยืนตรงที่เดิม น้าอ้อยรู้สึกประหลาดใจ หลายปีมานี้ ไม่เคยถูกคุณชายให้ความสำคัญเท่านี้มาก่อน! ทำอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก ก็ทำของหวานเสร็จเรียบร้อย ชาดอกไม้ที่ชงเสร็จแล้ว ถือเสิร์ฟออกไป นินัทธ์จึงรับมา “ผมเอง” น้าอ้อยยืนอึ้ง ชื่นใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ คุณชายเริ่มชินกับการใช้ชีวิตแล้ว นินัทธ์กลับมาที่ห้องรับแขก ในห้องเหลือเพียงเศวยานั่งอยู่ที่เดิม เขาไม่ได้ถามถึงคนอื่น ราวกับคนพวกนั้นไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ของถูกวางลงบนโต๊ะ แล้วก็นั่งลงข้างๆเธอ เศวยายิ้มให้เขาบางๆ “ขอบคุณค่ะ” หยิบเค้กขึ้นมากัดเข้าปากหนึ่งชิ้น ครีมเลอะที่มุมปาก เธอแลบลิ้นออกมาเลียเข้าปาก นินัทธ์มอง แล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวที่คอ จะกินอยู่คนเดียวก็คงไม่ดีนัก เศวยาจึงถามเขาขึ้นมา “นายไม่กินเหรอ?” แววตาของเขาเข้มขึ้น เขาหยิบขนมที่เธอกินเหลือครึ่งชิ้นถือไว้ในมือกัดเข้าปาก เธออึ้งไปซักพัก ลิ้นของเขาค่อยเลียตรงที่เธอทำครีมเลอะ ราวกับเป็นขนนกที่ผ่านไป และก็เหมือนไฟฟ้าช็อต เศวยารีบเก็บเข้ามา ใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ อุณหภูมิบนหน้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน นินัทธ์ยังคงไม่พอ เสียงหวานๆของเขาทำให้คนอ่อนระทวย “รสชาติใช้ได้” เศวยารู้สึกประหม่าจนต้องหยิบขึ้นมาอีกชิ้น แล้วกินมันเข้าไป ให้ตายสิ ตอนนี้อยู่ต่อหน้านินัทธ์ ทำไมถึงยิ่งปล่อยตัวตามใจแบบนี้? เธอรู้สึกตื่นเต้น และสับสน เป็นตัวของตัวเอง แม้แต่อารมณ์ยังถูกนำพาไปอย่างง่ายดาย นี่ไม่แปลก ผ่านไปสองวัน ชิตวรผู้ว่าเมืองเอถูกแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการคณะผู้ว่าเมือง ประตูบ้านตระกูลศิริวัชรภัทรนั้นมีคนแห่มาแสดงความยินดีกันยกใหญ่ จากคุณนายผู้ว่าเมืองกลายมาเป็นคุณนายเลขานุการคณะผู้ว่าเมือง หน้าของดุสิดาบานราวกับดอกไม้ คุณหญิงใหญ่บ้านตระกูลศิริวัชรภัทรก็พลอยดีใจกับลูกชายไปด้วย มีเพียงชิตวรที่รู้ ว่าตำแหน่งนี้ได้มาอย่างไร ท่าทีที่เขาปล่อยเรื่องของลูกสาวและนินัทธ์ ต่อให้ไม่ชอบแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็ได้ทำตามคำสัญญา เศวยาไม่รู้เรื่องราวภายใน แต่เธอก็รู้สึกยินดีไปกับพ่อจริงๆ ตั้งแต่ที่เธอได้เกิดมาใหม่นั้น เรื่องราวก็ดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลง ยังดีที่ทุกอย่างยังเปลี่ยนได้ทัน ตามด้วย ชนิดพได้ให้ฐานะใหม่แก่พิมลแขและลูกชาย ธนเทพก็ถือว่าเข้าสู่สายตาของผู้คนอย่างเป็นทางการ รูปร่างเป็นชายหนุ่มอย่างเต็มรูปแบบ มีการตัดสินใจเด็ดขาด และมีผลงานในการบริหารจนเกิดผลกำไร จึงให้เขาได้เป็นผู้นำของด้านการเงิน และเขาก็กลายเป็นมือขวาคนสำคัญของชนิดพ เพราะว่าเขา อนาคตของตระกูลวรวงศ์คุณากรชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าชนิดพจะไปงานที่ใหญ่สักเพียงไหน ก็จะมีพิมลแขอยู่ข้างกายเสมอ ภาพครอบครัวสามคนที่ดูสมบูรณ์นั้น ส่วนนินัทธ์ก็กลายเป็นคนที่ถูกลืม อากาศค่อยๆเย็นขึ้น สวนหลังบ้านตระกูลวรวงศ์คุณากร ดอกท้อค่อยๆร่วงลงมา เงยหน้าดูดอกไม้ที่โปรยปราย ไม่อาจทนต่อฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง ตอนที่เศวยามาถึง ช้อนตาขึ้นมามองนินัทธ์ เขายังคงใส่เสื้อเก่าๆ ยืนอยู่ใต้ต้นท้อ ดอกร่วงเยอะราวกับฝนตก ลมพัดกระจาย ตกลงมาที่หัวไหล่ เต็มไปด้วยอารมณ์ สวยงามมีมิติ นินัทธ์ชินกับการเหม่อลอยคนเดียว รอบตัวเขาเป็นกำแพงสูงยาวไม่มีที่สิ้นสุด โลกที่เต็มไปด้วยความงดงาม ยากที่จะมีผู้มาทำให้แปดเปื้อนได้ เศวยาค่อยๆเดินไป ได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอ เขาจึงหันมา แววตานั้นทอประกายสายตาที่อบอุ่นออกมา หลงไปทั้งใจ “มานี่” เขาพูดเบาๆ แล้วหยิบดอกท้อในมือที่ประคองมาอย่างดีปักลงบนผมเธอ หญิงสาวนั้นงามกว่าดอกไม้ตั้งหลายเท่า เขายื่นมือมาประคองด้วยความเอ็นดู ยกมุมปากขึ้นราวกับเป็นปีศาจที่กระชากวิญญาณ “สวยมาก” เศวยาตกใจจนหัวเราะออกมา “ดอกไม้สวย? ฉันสวย?” เขาตอบอย่างไม่แม้แต่ลังเล “เธอสวย” ผู้หญิงรักสวยรักงาม ต่างหูยังเลือกสรรอย่างดี เศวยาก็เช่นกัน เมื่อได้ยินว่ามีคนชมตัวเอง เธอก็รู้สึกเหมือนลอยได้ แล้วจึงกล่าวหยอกล้อ “นินัทธ์ นายนี่แววตาดีมากเลย!” ลากเขานั่งลง ทั้งสองนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ แล้วเงยหน้ามองฝนดอกท้อบนท้องฟ้า เศวยาพลันพูดขึ้นมา “นินัทธ์ ถ้าหากนายไม่ชอบแย่ง ไม่ชอบที่จะสนใจคนพวกนั้น งั้นพวกเราก็ไม่ต้องสนใจแล้วดีไหม” นินัทธ์หันหน้า มองเธอด้วยแววตาอบอุ่น แล้วลูบไล้ไปตามใบหน้าของเธอ “แย่ง ก็ต้องดูว่าเพื่อใคร” เศวยาหันมอง ด้วยแววตาต้อนรับเขา “คุณคือ…” เพื่อฉัน? คำพูดด้านหลัง เธอไม่ได้ถามมันออกมา 
已经是最新一章了
加载中