ตอนที่ 41 ฉันจะ...จูบคุณ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 41 ฉันจะ...จูบคุณ
ต๭นที่ 41 ฉันจะ...จูบคุณ ยังไม่ทันจะ7โมง รถก็มาจอดอยู่ข้างหน้าแล้ว หากแค่เอานินัทธ์มาไว้กับเศวยาแล้ว น้าอ้อยก็วางใจ พอขึ้นแล้วทั้งคู่ รถก็ออกแล่นตรงไปที่บาร์ใจกลางเมือง พอถึงเวลากำลังจะลงจากรถ ก็มีคนมารอเขาที่นั่นเพื่อที่จะนำไปที่ที่นั่งชั้นพิเศษ ที่ที่นั่งพิเศษนั้น มีเพียงแค่ประมาณสิบกว่าคนเท่านั้น ชนิดพ พิมลแขและธนเทพนั่งโต๊ะนึง จารุภาก็อยู่โต๊ะเดียวกันแสดงให้เห็นว่าชนิดพให้ความสำคัญกับจารุภามากๆ ส่วนคนอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีอายุ คนเก่าคนแก่ของตระกูล ใบหน้าของทุกผู้ดูมีอำนาจและน่าเกรงขาม เมื่อเห็นว่านินัทธ์พาเศวยามากับเขาด้วยทุกคนในนั้นก็มองอย่างตกตะลึง เศวยาพบเจออะไรแบบนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะพบเจอกับคนที่เธอไม่ได้คาดคิดหรือนึกถึง เธอก็ใจกว้างพอทั้งยังไม่กลัว ยิ่งนินัทธ์ก็ไม่ต้องพูดถึงเลย นอกจากคนที่เขาสนใจแล้ว คนอื่นๆก็เป็นเพียงเครื่องประดับก็เท่านั้น ธนเทพไม่ขยับสีหน้าใดๆ มองไปที่สองคนที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสายตาที่เย็นชา มองจ้องลึกลงไปในดวงตาของเศวยา แต่มันก็ซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ พิมลแขผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา เธอไม่ได้สนใจเศวยาเลย สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจนั้นก็คือ นินัทธ์ก็มางานนี้กับเขาด้วย!จารุภายิ้มในประกายตาขบขันกับท่าทางของสองคนนั้น ในฐานะหัวหน้าครอบครัวตระกูลวรวงศ์คุณากร ชนิดพจึงเป็นผู้เริ่มตอบสนองก่อน เธอยิ้มให้เศวยา “เศวยา เธอเป็นแขกพิเศษเลยนะเนี่ย” เศวยายิ้มตอบ ทั้งยังพูดกลับไปอย่างชาญฉลาด “ฮ่าๆ คุณลุงชนิดพ ฉันตามนินัมธ์มารวมงานนี่นะคะ หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนทุกคนนะคะ” เขารีบทักทายอย่างอบอุ่น “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ? มานี่มา นั่งตรงนี้ๆ” ข้างซ้ายของชนิดพเป็นพิมลแข ส่วนทางขวาเป็นธนเทพดังั้นก็จะเหลือที่ว่างอีกที่หนึ่ง ดูเหมือนว่าจะเป็นที่ของนินัทธ์ จารุภาขยับตัวลุกขึ้น เพื่อที่จะให้ที่แก่เศวยา แล้วเธอก็เดินไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง นินัทธ์และเศวยาจึงนั่งที่โต๊ะด้วยกัน ชนิดพแนะนำเศวยาให้ทุกๆคนรู้จัก แม้ว่าจะบอกแค่ว่าเธอลูกสาวของเลขาพรรคก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับนินัทธ์ก็ไม่ชัดเจน ทุกคนก็รับฟังและเข้าใจกันเองอย่างเงียบๆ ภายหลังชดินพก็คุยกับเธออย่างร่าเริงอีก “เศวยา พ่อของเธอเพิ่งจะได้มาเป็นเลขาพรรค คงจะยุ่งมากเลยใช่มั้ย?” “ใช่ค่ะ นี่ก็ไม่ได้เจอเขามาสองสามวันแล้วด้วยเพราะว่างานเขายุ่ง” “ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้พ่อเธอก็เป็นเลขาพรรคแล้วจะยุ่งมันก็เป็นเรื่องที่ควรจะเป็น ถ้ามีเวลาว่างฉันจะไปยินดีกับเขาด้วยตัวเอง” “ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะเป็นแม่ครัวให้เองเลยค่ะ ” “ฮ่าๆๆ….ดี ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ได้เลย” พวกเขาคุยกันอย่างสนุกสนาน เศวยาทั้งสวย ปากก็หวาน ทำให้คนที่เห็นต่างก็หลงรักเธอกันไปหมด พูดกันเพียงไม่กี่ประโยคทำให้ชนิดพยิ้มและพยักหน้าให้เธอ ไม่หยุด พิมลแขที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ฟังไปก็ยิ้มพลาง ตาพลายไปด้วยรอยยิ้มแต่กลับเยือกเย็น ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ มีฐานะที่เป็นพิเศษ นินัทธ์พาเธอมาด้วยด้วยเหตุผลอะไรกันนะ? ธนเทพหรี่ตามอง ฟังเสียงหวานๆเธอแล้วก็ทำให้หวนไปคิดถึงรสชาติของสัมผัสที่ริมฝีปากของหล่อน เขาสะบัดหัวอย่างหงุดหงิด ยกแก้วขึ้นก่อนจะเอาเข้าปากไป ใช้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เพื่อลบความหวั่นไหวในหัวใจตัวเอง นินัทธ์ยังคงนิ่งไม่พูดอะไร เวลาที่เศวยาพูดเขาก็จะนั่งฟังอยู่ข้างๆตั้งแต่ต้นจนจบ ชนิดพเองก็ทำราวกับว่าลูกชายของเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น แม้แต่หางตาก็ไม่มอง ระหว่างที่ทานอาหาร ชนิดพก็แนะนำพิมลแขกับธนเทพให้คนทุกคนรู้จัก พาพวกเขาทั้งสองไปหาผู้ใหญ่ของตระกูลวรวงศ์คุณากรด้วยท่าทีกระตือรือร้น เขาดูแลสองแม่ลูกที่จะเข้ามาอยู่ในตระกูลอย่างดีเยี่ยม เศวยามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วแ้วหันไปมองที่นินัทธ์อย่างเป็นห่วง ก็พบว่าดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เขาจ้องมองดูตัวเธอเอง ไม่สนใจคนหรือสิ่งรอบๆตัวแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าสายตาของเขาทำให้เธอยากที่จะต่อสู้ แต่อย่างไรก็ตามมันจะดีกว่าที่จะไม่ไปสนใจ เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด คนแก่ของตระกูลวรวงศ์คุณากร ถึงแม้ว่าจะถึงช่วงเวลาที่เกษียณตัวเองจากการทำงานแล้วแต่ก็ยังเป็นหัวนำหลังของเมืองA การถือตัวก็จะมาก แม้ว่าจะเป็นชนิดพที่มาแนะนำด้วยตัวเอง ก็เพียงแค่ทักทายและดื่มให้ด้วยความเคารพ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากมาย นั่นทำให้หน้าตาของชนิดพดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่กล้าที่จะขัดใจผู้อาวุโสเหล่านี้ได้! เศวยามองภาพตรงนั้นตลอด เมื่อเธอวางสายตาไปยังคนผู้หนึ่งที่ที่เป็นคนยิ้มยาก ชายชราเม้มปาก ดูราวกำลังคิดอะไรอยู่ จารุภาก็ยื่นเอกสารายชื่อมาให้แก่เธอ เป็นรายชื่อของบุคคลสำคัญในตระกูลวรวงศ์คุณากร เธอก็คิดๆว่าเธอกับนินัทธ์เคยไปเจอชายแปลกหน้าคนนั้นที่ไหนรึเปล่านะ จำได้ละ! เขาให้เอกสารแก่นินัทธ์ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเอกสารนั้นมีเนื้อความว่ายังไง แต่ก็สามารถสรุปได้ว่าพวกเขาได้ติดต่อกันแบบส่วนตัว เศวยาเบิกตากว้าง ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเธอ เธอหันหน้าไปจ้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยประกายตาสดใส พลางพูดด้วยเสียงอ่อนหวาน “นินัทธ์ คุณไม่ได้เจอกับญาติผู้ใหญ่เหล่านี้นานแล้ว คุณก็ควรที่จะไปดื่มให้กับพวกเขาเพื่อเป็นการแสดงความเคารพนะ” นินัทธ์ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ เห็นได้ชัดว่าข้อเสนอที่เธอเสนอนี้ไม่ได้น่าสนใจซักเท่าไหร่ เขาใช้ตะเกียบคีบเนื้อขึ้นมา ใส่ปากของหญิงสาว เมื่อครู่เขาไม่เห็นเธอกินอะไรเลย ไม่แปลกที่จะชอบร้องบ่นว่าหิวๆ ที่แท้มันเป็นเพราะเธอไม่ได้มีสมาธิอยู่กับการกินนี่้เอง เศวยาดึงแขนเสื้อเขาให้ลุกขึ้น พลางเคี้ยวตุ้ยๆ “นินัทธ์ ไปกัน!” นินัทธ์ก็ยังคงป้อนเธอต่อไป เศวยาจึงต้องอดทนกินไป เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยิมขยับลุกซักที เธอจึงเอาเข้าไปใกล้ๆก่อนจะกระซิบ “ถ้าคุณไป ฉันจะ…..จูบคุณหนึ่งที” แววตาของนินัทธ์เปลี่ยนไปในทันที ไม่ต้องให้เธอพูดเป็นครั้งที่สอง เขาก็หยิบแก้วเหล้าที่อยู่ข้างๆขึ้น เศวยาใจเต้นอย่างแรง มองไปที่เขาอย่างตื่นๆ ก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่เธอคาดการณ์ไว้มันจะไม่ผิด นินัทธ์เดินไปยังผู้คนพวกนั้น เธอไม่ได้ยินที่เขาพูด เห็นเพียงว่าเขายกแก้วให้แก่ผู้อาวุโสพวกนั้น บุคคลที่เป็นผู้อาวุโสในตระกูลวรวงศ์คุณากร ช่วงเวลาแห่งความเงียบสงัดผ่านพ้นไป คนทุกผู้ยกแก้วให้แก่เขา แม้ว่าจะมองด้วยสายตาที่แตกต่างกัน แต่ก็ดื่มไวน์ในแก้วนั่นจนไม่เหลือซักคน กลับกันกับนินัทธ์ที่เพียงแค่จิบเบาๆ ก่อนจะเดินจากไป ในเวลานั้นชนิดพกับ พิมลแขยืนอยู่ข้างๆกัน ทั้งสองมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ธนเทพเองก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเช่นเดียวกัน เขาบีบแก้วไวน์ในมือจนมันสั่นกระเพื่อมไปมา นินัทธ์ เขามีความคิดที่จะไปสร้างความสัมพัันธ์กับผู้อาวุโสเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจด้วยซ้ำ สายตาของเขากวาดผ่านนินัทธ์ไปยังด้านหลังที่มีเศวยาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้คำตอบแล้วล่ะ นินัทธ์กลับมานั่งข้างๆกับเศวยาอีกครั้ง ใบหน้าที่เย็นชาก่อนหน้านี้ พลายรอยยิ้มออกมา พลางชี้ไปที่ปากของตัวเอง “จูบตรงนี้” เศวยาแสร้งทำปากเหมือนยิ้มค้างไว้ “ที่นี่คนเต็มไปหมด กลับไปก่อนค่อยว่ากัน” นินัทธ์ล็อกเธอไว้ด้วยสายตา เขายกริมฝีปากขึ้น และกระซิบข้างๆเธอ “คุณปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว”เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มและอ่อนโยน ดูเหมือนจะเป็นลางอะไรซักอย่าง ซึ่งทำให้เศวยาเริ่มจะเลิ่กลั่ก อยู่ดีๆอากาศมันก็…..ร้อนอย่างไม่มีเหตุผล ชนิดพกลับเข้ามานั่ง เอาแต่นั่งคิ้วขมวดจองไปยังนินัทธ์ พวกผู้อาวุโสในตระกูลวรวงศ์คุณากร มันเป็นเรื่องยากที่จะผูกสัมพันธ์ด้วย เขาเองเข้าไปดื่มอวยพร แต่พวกเขากลับไม่สนใจ แต่เพียงแค่นินัทธ์ไปเท่านั้น ก็รีบหยิบแก้วกันขึ้นมาทันที ลูกชายของเขาคนนี้ทำในสิ่งที่เขาไม่คาดคิด มันทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมากทีเดียว เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร -พิมลแข- ก็เข้าไปกระซิบปลอบใจที่ข้างหูของเขาอย่างเป็นห่วง “ชนิดพ ไม่เป็นไรนะ ฉันกับตาแทพไม่ถือเอาความหรอก” ใบหน้าของชนิดพเต็มไปด้วยความคับแค้น พูดเสียงต่ำ “พวกอาวุโสเหล่านี้ไม่มองฉันอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ!” “น่าๆ ชนิดพอย่าโกรธไม่เลย ยังไงซะตอนนี้ผู้นำตระกูลวรวงศ์คุณากรก็คือคุณนะ” พิมลแขพูดปลอบแบบมีนัยบางอย่าง มองไปยังนินัทธ์ ใคร่ครวญอย่างหนัก ดูเหมือนว่าในตอนที่เธอไม่ได้สนใจอะไรเขา ใครจะรู้ล่ะ ว่าเขาหน่ะแค่แสร้งทำเป็นอ่อนแอก็เท่านั้น ความอดทนในตัวของนินัทธ์มีจำกัด ดังนั้นเขาอยู่ได้ไม่ถึง20นาที ก็ลุกขึ้นและดึงตัวเศวยาเพื่อที่จะออกไป ที่นี่เสียงดังวุ่นวาย อากาศก็มั่วหมอง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุด เป้าหมายของเศวยาวันนี้ถือว่าบรรลุ โดยที่เธอไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย หลังจากที่ทักทายอำลาแล้วก็เดินกลับไปพร้อมกับนินัทธ์ ธนเทพมองสองร่างที่กำลังเดินออกไปด้วยกันอย่าพินิจ ภาพตรงหน้ามันช่างขัดตาเขาเสียเหลือเกิน พอออกมาจากโรงแรนได้ เวลาก็จวนจะสองทุ่มแล้ว เธอรถที่จอดรออยู่หน้าประตู นินัทธ์มองเธอจากด้านข้างด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ปนบริสุทธิ์ อะไรที่มันน่าสงสัยมันก็น่าล่อตาล่อใจ “เดินไปจะเหนื่อยมั้ย?” เศวยาหรี่ตามอง ยิ่งรู้จักชายที่นิสัยแปลกประหลาดคนนี้ ก็ยิ่งรู้สึกผ่อนคลายไปเรื่อยๆ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอด! เธอหันไปมองก่อนจะส่ายหน้า “‘งั้นเดินกัน” นินัทธ์ยิ้ม เขาคว้ามือเธอไปจับ เดินไปตามถนนตรงด้านหน้าของโรงแรม เขาชอบที่จะจับมือเธอ เศวยาเองก็เคยชินกับการที่เขาทำแบบนี้ซะแล้ว แล้วมันก็เป็นการค่อยๆปรับตัวให้เข้ากับความอ่อนโยนของเขาด้วย เขาชอบที่จะจับมือเล็กๆของเธอเอาไว้ ความเคยชินนี่มัน น่ากลัวจริง ด้านหลังของทั้งสองไม่ไกลนัก มีรถกันกระสุนสีดำคันหนึ่ง ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ พยายามรักษาระยะห่างที่เหมาะสม และตามไปอย่างเงียบๆ เศวยาหันหน้าไปถาม “ นินัทธ์ พวกผู้อาวุโสนั้นดูเหมือนเขาจะเกรงๆคุณนะ คุณไปทำอะไรพวกเขาไว้หรอ?” ยิ่งเธอได้เห็นสีหน้าของชนิดพและภรรยาใหม่ของเขานั่นทำให้เธอมีความสุข นินัทธ์พูดอย่าเป็นจริงเป็นจัง “พวกเขามากวนโมโหผมก่อน” เธอหุบยิ้มลง “หลังจากนั้นคุณก็จัดการกับพวกเขาทั้งหมดเลยหรอ? ” ”อื้อ“ เขาตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เศวยากะพริบตาปริบๆ ดึงหน้าเขามาจับหันซ้าย หันขวา แหงนขึ้น ก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะทำอะไรให้ได้ง่ายๆเลย แต่เหล่าผู้อาวุโสพวกนั้น ทุกๆคนดูราวกับแค้นเค้าเงียบๆแต่ไม่กล้าที่จะพูดออกมา มือที่จับแก้วอยู่สั่นกันไปหมด แต่ก็ดื่มจนหมดเช่นเดียวกัน จนมองไม่ออกเลยว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่ที่รังแกใคร? นินัทธ์ชอบที่เธอมาอยู่ใกล้ๆเขา หน้าเขาถูกบิดจนตางอ แต่สว่างกระจ่างใส มือหนาคล้องเอวบางๆของเธอเอาไว้ ก่อนจะดึงให้เข้ามาชิดกับตัว “เศวยา ฉันชอบเธอก็คือชอบเธอ แล้วก็จะชอบแค่เธอด้วย” เศวยาตะลึงงันกับการที่เขามาสารภาะต่อหน้า นี่มันกะทันหันมากๆ มันเป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์ซึ่งออกมาจากใจเขาจริงๆ “เวลาผ่านไป ราวกับย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน เขาบอกว่าเขาชอบเธอ แต่เธอไม่ได้สนใจ เขาจึงพิสูจน์กับเธอในทางที่แย่ๆ ว่าเขาชอบเธอมากแค่ไหน ชอบจนกระทั่งเสียขาไป เขาก็ยังมาบอกกับเธออีกว่า “ หลังจากนี้ ฉันคงไล่ตามคุณไม่ได้อีกแล้วล่ะ” เธอมองไปที่ดวงหน้าของเขา มันเริ่มจะเบลอไปหมด เธอพยักหน้าอย่างรีบเร่ง เพื่อที่จะซ่อนน้ำตา ฉีกยิ้มออกมาอย่างกล้ำกลืน “ฉันไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น….ชอบใครก็ได้ แต่อย่าชอบฉันเลย” นินัทธ์ที่ชอบเธอแบบนี้ เธอไม่สมควรที่จะได้รับมัน แต่ว่า ทำไมแค่คิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา หัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บช้ำอย่างบอกไม่ถูก ลมหายใจเริ่มแรง น้ำตาก็ไม่อาจที่จะหยุดได้อีกแล้ว น้ำตาไหลรินเปื้อนทั่วไปทั้งแผ่น แววตานินัทธ์เต็มไปด้วยความสับสน เขาค่อยๆประคองหน้าของเธอเอาไว้ก่อน แววตาของเขาแปรเปลี่ยนไป ค่อยๆก้มลงประทับจูบลงบนริมฝีปากอันสั่นระริกของเธอ มือข้างหนึ่งจับไปที่ท้ายทอยขอหญิงสาวส่วนอีกข้างจับไปที่เอว จะไม่ยอมให้เธอบอกว่าเธอไม่ดี เขาจะไม่ยอมให้เธอพูดว่าอย่าชอบเธอเลย! อัพเดทครั้งหน้า วันที่1 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中