ตอนที่42 นอกจากนายน้อยคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่42 นอกจากนายน้อยคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง
ต๭นที่42 นอกจากนายน้อยคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง เศวยาเบิกตากว้าง ริมฝีปากของเธอถูกปิดลง เขาถือโอกาสจากความตกตะลึงของเธอ เล่นลิ้นชอนไชเข้าไป ขนตาหนาปิดเล็กน้อย เพื่อที่ยับยั้งการไหลของแสง มันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่มีต่อเธอที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นถนนหรือในเมือง หากว่าเขาอยากจะจูบเธอ ก็จะไม่ปล่อยให้เธอหนีไปได้เด็ดขาด จูบของเขา ยังคงแข็งแกร่งและรุนแรง แต่เศวยากลับรู้สึกว่าภายใต้ความรุนแรงนั้น คือความถนุถนอม เขากลัวว่าเธอจะบอกว่าเธอไม่ชอบ กลัวว่าเธอจะเกลียดเขา กลัวว่าเธอจะทิ้งเขาไว้คนเดียว คำพูดที่เหมือนจะเป็นที่สารภาพ จริงๆแล้ว เขาใช้หัวใจของเขา ไม่เสียใจที่เอาความสิ้นหวังที่สุดทั้งยังจริงที่สุดของตนเอง มามอบให้แก่เธอ เพียงแค่หวัง ไม่สิ เพียงแค่อยากจะอ้อนวอนให้เธอรับคนอย่างเขา หัวใจบอบช้ำ อย่างรุนแรง สมองของเธอสตั๊นไปซักพัก ภาพทั้งหมดเบลอกลายเป็นความว่างเปล่า เหลือเพียงแค่เขาสิ่งที่ทำให้ใจของเธอเจ็บ เธอค่อยๆหลับตาลงช้าๆ ใช้สองมือที่สับสนในห้วงลึกๆในใจของเธอ กอดเขาเอาไว้ ร่างของนินัทธ์สั่นขึ้น วินาทีต่อไป เขาก็กอดจูบหนักหน่วงมากขึ้นไปอีก แค่เพราะอยากจะหลอมละลายเธอ เข้ามาในร่างของเขา อย่างนี้ก็จะลดความสนใจของเธอลงได้ รถออดี้สีดำ ค่อยๆขับผ่านไปช้าๆ ข้างในรถยังมีสายตาอันเฉียบคมค่อยๆกวาดผ่าน ธนเทพยังคงจับพวงมาลัยไว้แน่น ดวงตาทั้งคู่ยังคงตกอยู่บนกระจก จ้องมองชายหญิงที่กำลังกอดรักกันแน่นที่ข้างหลังของรถ ความโกรธแค้นและความไม่ชอบใจในใจของเขามากกว่าที่เขาไว้ มากกว่านั้นเขายังรู้สึกถึงความสูญเสีย เขาเหยียบคันเร่ง และขับออกไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ไม่ว่าจะถูกกล้องตรวจความเร็วจับซักกี่ครั้งก็ตาม เขาเพียงต้องการที่จะออกไปจากภาพที่เห็นอยู่ด้านหลังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะหนีไปได้ เขาไม่อยากให้ไอ้ฉากบ้าๆนั่นทำให้ดวงตาของเขาต้องเอ่อแดง พอจูบเสียจนปากชาไปหมด เศวยาก็อดที่จะผลักเขาออกไปไม่ได้ ด้วยการทำเสียงไม่พอใจประท้วงเขา นินัทธ์ค่อยๆถอนริมฝีปากของเขาออก แทนที่จะปล่อยเธอไป เขากลับกอดเธอเอาไว้โดยเอาคางไปเกยที่ไหล่ของเธอ และหอบออกมาช้าๆ หัวสมองเริ่มทำงานอีกครั้ง เพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป เศวยากัดปากตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ บ้าจริง เธอทำแบบนี้ไม่ถูกเลย ไม่ควรไปให้ความหวังนินัทธ์เขาแบบนี้ แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการทำร้ายเขาอีก แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการกระทำในครั้งนี้มันจะเป็นดาบคมที่ทำร้ายเขา “เศวยา ” เขากระซิบลงมาที่ข้างหู เศวยาชะงักลง ร่างกายแข็งไปทุกสัดส่วน “ผมชอบคุณ ผมแค่ชอบคุณเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้คุณมาชอบผมหรอก”เขาพูดเสียงแผ่วเบา อ่อนโยนราวกับน้ำ ที่ไหลเข้าสู่กลางใจของเธอ “ให้ผมชอบคุณได้มั้ย?“ ไม่จำเป็นต้องชอบผมกลับ ไม่ต้องให้อะไรกลับมาเลย คุณแค่อยู่อย่างที่คุณเคยอยู่ ให้เขาได้ชอบให้เขาได้รัก แค่เพียงเท่านั้น เศวยาหลับตาลง เพื่อซ่อนความสงสารในแววตาของเธอ เขาทำให้คนเลวๆอย่างเธอต้องทำให้คนเจ็บปวด แล้วเธอพูดอะไรได้บ้าง? เธอพูดอะไรได้อีก? เศวยาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยิ้มออกมา “เจ้าคนซื่อบื้อ คุณเป็นแบบนี้ก็จะถูกฉันรังแกหน่ะสิ” เขาหยิกแก้มเธอเบาๆ “มันเรื่องของผมน่า” หัวใจลึกๆเต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนตีกันไปหมด ไม่แน่ใจว่าเธอชอบเขารึเปล่า แต่นั่นมันเกี่ยวอะไรล่ะ? ถ้าชอบก็ดี สงสารก็ชั่งปะไร ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่สำคัญที่สุดในการเกิดมาใหม่ครั้งนี้ของเธอ เธอจะต้อง ดูแลเขา ปกป้องเขา เอ็นดูเขา มันมักจะมีความรู้สึกหนึ่งที่มากวนเธอเสมอ เธอไม่อยากจะไปสืบเสาะหามัน เพียงแค่อยู่ข้างๆเขาเงียบๆอย่างนี้ก็พอแล้ว ในบางครั้ง หากว่าคนเรารู้เข้าใจอะไรมากเกินไป สิ่งที่เผชิญก็คือหน้า แต่สิ่งที่จะเหนื่อยหน่ายก็คือหัวใจ ด้วยเกรงว่าเธอจะหนาว เขาจึงถอดเสื้อสูทคลุมไหล่ของเธอเอาไว้ ก่อนจะเอามือหนาๆของเขาหุ้มมือน้อยๆนั้น เดินต่อไปอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง “เมื่อกี้….นับว่าเป็นการรักษาสัญญาแล้วกัน” เศวยาพูดเสียงเย็นๆออกมา ทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้นมองไปที่เธอ “เศวยาคุณล้อเล่นป่ะเนี่ย” “ที่ไหนล่ะ?” เศวยารีบแก้ต่างให้ตัวเองทันที “บอกว่าจะจูบ..จูบตรงนั้นน่ะ แล้วเมื่อกี้ไม่ใช่จูบหรอกหรอ” เขาเอียงศีรษะ กะพริบตาคู่สวนั้น “ผมเป็นคนเริ่ม ก็นับว่าคุณจูบอย่างนั้นหรอ?” เขาพูดแบบตรงไปตรงมา เศวยากลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน “มันก็เป็นการเอาปาดมาชนปากกัน มันต่างกันตรงไหนเล่า” “เศวยา…..” “ฉันบอกว่าเป็นสัญญาก็คือสัญญา!หรือคุณคิดว่าเป็นอะไร!” “ผม….” “Ok ถ้าไม่มีความเห็นอะไรก็โอเค” “......อือ” ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์ของเศวยาก็ดังขึ้น เธอจึงดึงหยิบมันออกมาจากกระเป๋า เมื่อเห็นว่าเป็นโทรศัพท์เครื่องสีขาวที่เขาซื้อให้นินัทธ์ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “ฮัลโหล วุต?” เศวยาขมวดคิ้วขึ้น “แล้วนี่อยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันรีบไปเดี๋ยวนี้แล่ะ” พอเก็บโทรศัพท์ลง เธอก็หันไปหานินัทธ์ : “น้องฉันเกินเรื่องขึ้นนิดหน่อย ฉันต้องไปดูเขาหน่ะ” นินัทธ์ไม่พูดอะไร เขาหันสายตาไปมองรถยนต์คันสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกล คนที่อยู่บนรถก็รับรู้ได้ในทันที ขับรถมาหยุดอยู่หน้าของพวกเขาทั้งสองคน นินัทธ์เปิดประตูขึ้นก่อนจะพูด : “เดี๋ยวผมไปส่ง” “อื้อ” เศวยาขึ้นนั่งในรถ ทักทายคนขับรถข้างหน้าก่อนจะพูดขึ้น “เอฟ ฉันต้องไปที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่งในเมือง” เอฟหันไปในทันที จากนั้นเขาก็ขับตรงดิ่งไปที่โรงพยาบาลอันดับหนึ่งในเมืองทันทีอย่างรวดเร็ว พอถึงหน้าโรงพยาบาลเข้า เศวยาก็รีบดันประตูผลักออก “นินัทธ์ คุณกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวน้าอ้อยจะเป็นห่วงเอา เดี๋ยวฉันโทรหา” พอพูดจบ ก็รีบวิ่งเข้าโรงพยาบาลไป นินัทธ์เงยหน้าขึ้นดูโลโก้ของโรงพยาบาล แววตาปรากฏความมืดดำ เมื่อมองเห็นสีเลือดหมูแปลกประหลาดนั่น เขารีบหันหน้าหนีกลับไปอย่างรวดเร็ว ลมหายใจเปลี่ยนเป็นถี่เร็วอย่างรวดเร็ว เขากดไปที่หน้าต่างรถ เพื่อให้กระจกดำกั้นแสงสีขาวของภายนอก “เอฟ ไปดูหน่อยสิ้” เขาพูดอย่างใจเย็น เสียงเต็มไปด้วยความหอบเหนื่อย หลังจากที่เอฟรับคำเขาก็เดินลงจากรถไป นินัทธ์ก้มหัวไปที่พนักพิงของที่นัก สมองของเขาเต็มไปด้วยความสับสน จอแก้วตาของเขาแคบลงเล็กน้อย เศวยามาถึงห้องฉุกเฉิน ก็เห็นบริวุตที่รออยู่ด้านนอก พอเจอเธอ ก็รีบดิ่งตรงมาหาอย่างรวดเร็ว “พี่!” “มิ้นเป็นยังไงบ้าง?” “หมอบอกว่า มิ้นไส้ติ่งอักเสบ ต้องผ่าตัดทันที” เศวยาพยักหน้า ก่อนจะพูดตามตรง “ใบค่ารักษาล่ะ? เอามาให้ฉัน” บริวุตรู้สึกอึดอัดใจ เธอจะตบกะโหลกเขาไปหนึ่งที “เกรงใจอะไรฉันเป็นพี่สาวแกนะ! มิ้นต้องเข้าห้องผ่าตัดมันเป็นเรื่องสำคัญ!” บริวุตบึนปาก กอดเธอราวกับหมีกอดไผ่ “พี่ครับ โชคดีจังที่ผมเกิดมาเป็นน้องพี่” ในตอนนั้นเอง ก็มีแขนหนึ่งเอื้อมมาดึงเศวยาไปข้างหนึ่ง บริวุตถึงก็ชงักงัน เงยหน้าขึ้นมองชายที่อยู่ดีๆก็โผล่ออกมา สวมชุดสีดำ นั่นยิ่งทำให้เขาดูน่าดึงดูดไม่น้อย หากว่าใส่เสื้อคลุมสีดำเก๋ๆซักตัว เขาก็จะเป็นไนท์ไร์เตอร์ที่เพิ่งลงออกมาจากเวที ยิ่งบอกกับใบหน้าที่เย็นชาของเขานั่น สามารถทำให้คนแข็งตายได้เลยทีเดียว “นอกจากนายน้อย ใครก็ห้ามแตะต้องเธอ” เขาพูดเน้นประโยค บริวุตไม่รู้ว่านายน้อยเป็นใครอะไรยังไง เขาชี้ไปที่เศวยา และชี้มาที่ตัวเอง “ฉันเป็นน้องชะ….” “เหมือนกัน” "……" เศวยาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อยู่กับนินัทธ์มานาน นั่นทำให้เอฟติดนิสัยเขามาจนเหมือนกันอย่างกับแกะทีเดียว สังเกตได้จากเขาสวมเสื้อสูทของนินัทธ์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นมาจากก้นบึ้งลึกของหัวใจ และเอามาห่อหุ้มตัวเอาไว้ “เอฟ คุณอยู่ที่นี่แหล่ั เดี๋ยวฉันจะไปจ่ายเงิน” เธอไม่ได้อธิบายอะไร ถือเอาใบค่ารักษาขึ้นมา แต่เอฟกลับหยิบมันำแก่อนจะพูดอย่างที่ปฎิเสธได้ยาก “ผมไปเอง” ระหว่างที่มองชายหนุ่มเดินจากไป บริวุตก็ศอกเข้าที่ท้องของเศวยา “พี่ พี่รู้จักคนประหลาดคนนั้นด้วยหรอ? และเค้าก็ยังพูดถึงนัทธ์อะไรนั่นด้วยคือใครอ่ะ?” เศวยานั่งลงบนเก้าอี้นอกห้องฉุกเฉิน “ถามทำไมตั้งเยอะตั้งแยะเนี่ยฮะ ไปดูแลมิ้นของแกไปเถอะนั่นหน้ะ!” พอพูดถึงตรงนี้ บริวุตก็ท้อแท้ เวลาว่างของเขาเขาก็ไปหางานทำ หาเงินมาไดด ก็แทบจะไม่พอซื้อขนมมาให้มิ้นได้ เด็กน้อยนั่นกินเก่ง สามารถนั่งกินได้ทั้งวี่ทั้งวัน เหมือนกับวันนี้ที่เกิดเรื่องขึ้นเขายังกล้าจะไปเรียกพี่สาวให้ออกมาช่วย เขานี่มันไร้ประโยชน์เสียจริง! บริวุตเอ่ยขึ้นมาอย่างหดหู่ “ติวเติร์รายได้น้อยเกินไป ผมต้องหางานเพิ่มอีก ไม่ว่ามันจะเหนื่อยแค่ไหน ขอแค่ได้เงินก็โอเคแล้ว” พักใหญ่เขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมายาวๆ มันเจ็บปวดเกินกว่าที่จะพูดออกมา “มิ้นกินเก่งเกินไปแล้ว!” เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นน้องชายตัวเองผิดหวัง เธอก็อดไม่ได้ที่จะแซวเขา “ไปทำพาร์ทไทม์ขายบริการสิ ลงทุนน้อยได้กำไรมากมีค่าล่วงเวลา เสื้อผ้าหน้าผมที่ทำงานก็ให้ แค่ปากหวานหน่อยแม้แต่เงินทองก็ได้อีก” บริวุตจ้องไปที่พี่ของตัวเอง“พี่ ต้องทำให้มันดูมืดมนไปกว่านี้อีกหรอ” “โอ้ยน่า มันเป็นงานสุจริตนะ!” เศวยายิ้มพลางลูบหัวอย่างอ่อนโยน แต่ก็นะ เธอล่ะปวดใจกับน้องชายคนนี้ของเธอจริงๆ เอฟนำใบจ่ายเงินกลับมา บริวุตก็รีบเอาไปให้หมอ เพื่อที่จะเตรียมการผ่าตัดทันที เมื่อเห็นน้องชายยุ่งหน้ายุ่งหลังไปหมด ดูราวกับเป็นผู้ใหญ่ เศวยาก็ยิ้มออกมา เธอรู้ว่าทิ้งให้นินัทธ์รออยู่ด้านนอก เธอจึงไปมัวรอร่ำพร่ำเพลง จึงกลับออกไป ระหว่างทางกลับ เศวยาจ้องไปยังนินัทธ์ก่อนจะถาม : “พนิตล่ะ? เขากำลังทำอะไรอยู่?ฉันโทรหาเขา เขาชอบบอกว่าไม่ว่างๆ พูดไม่ถึงสองประโยคก็วางหู ”ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็รู้สึกเลิ่กลั่กเล็กน้อย ที่ถามเขาไปตรงๆว่านินัทธ์รู้รึเปล่าว่าเธอโทรหาเขา แล้วเขาดูเหมือนจะไม่อยากพูดอะไรกับเธอมาก นั่นทำให้เธอเศร้านิดหน่อย นั่นจะทำให้เด็กน้อยสามารถก้าวข้ามแม่น้ำแล้วทำลายสะพานหรอ? พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ แววตานินัทธ์ก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ การแสดงของพนิตนี่น่าประทับใจจริงๆ “ผมให้เงินเขาไป บอกว่าไม่ว่าจะต้องทำวิธีไหน ต้องเพิ่มให้เป็นสิบเท่าก่อนค่อยมาหาผม” “ สิบเท่า?” เศวยาร้องออกมา พูดพลางขำ “มันไม่รุนแรงไปหน่อยหรอ” ไม่น่าล่ะพนิตถึงได้กระตือรือร้นขนาดนั้น ที่แท้ก็เพราะเจ้านายในอนาคตของเขานี่เอง นินัทธ์มองเธออย่างสงสัย “,มีอะไรรึเปล่า พูดมาสิ” เศวยาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูด “นินัทธ์ ฉันอยากให้น้องฉันมาทำงานกับคุณ คุณจะให้เขาทำอะไรก็ได้ ให้ไปทำธุระให้ก็ยังดี” ความคิดเธอค่อนข้างจะตรงไปตรงมา วุตนิสัยเป็นยังไงเธอรู้ดีๆ แม้ว่าตอนนี้อายุเขายังน้อย แต่ว่าหากได้ฝึกซักหน่อยก็คงจะดี ยิ่งให้เขาอยู่กับนินัทธ์แล้ว เธอก็ยิ่งโล่งใจ สิง่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ด้วยความจริงใจและความเมตตาของวุตเขาจะไม่มีวันหักหลังนินัทธ์แน่นอน หลายวันมานี้เธอได้เห็นอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไปมากขึ้นของนินัทธ์ สัญชาตญาณบอกกับเธอว่า เขานั้นมีความสามารถที่ซ่อนเอาไว้มากทีเดียว แต่เธอจะไม่รีบขุดคุ้ยหามัน เธอทำได้เพียงแค่ อยู่ข้างๆเขา! “จริงหรอ?” นินัทธมีท่าทีสนอกสนใจข้อเสนอนี้มากทีเดียว เศวยาสตั๊นไป ในตอนแรกที่เขาเห็นพินิตเขามีท่าทีไม่ได้สนใจอะไร แต่กลับมาเห็นใจวุคงั้นหรอ? เธอพยักหน้าเบาๆ พูดตามตรง “เขาเพิ่งจะขึ้นปีสาม ประสบการณ์การเข้าสังคมยังน้อยมากนัก ตอนนี้ก็ถือว่าฉันจะเป็นคนจ่ายเงินให้เขาเอง พอถ้าเขาเริ่มทำงานได้แล้ว ก็เป็นให้คุณจ่ายได้ตามปกติ ” นินัทธ์ส่ายหัว เอื้อมไปลูบหน้าเธออย่างอ่อนโยน “คุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ผมได้ตัดสินใจแล้ว สิ่งที่จะให้เขาทำสำคัญมากทีเดียว” “หืม?” เศวยาไม่เข้าใจ “นอกจากกินนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอแล้ว ฉันก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีความสามารถอะไรเลย หรือถ้ามี ก็ต้องเจาะกระดูกขูดออกมาเลยทีเดียว” 
已经是最新一章了
加载中