ตอนที่43 เลือดบริสุทธิ์ที่แปดเปื้อน
1/
ตอนที่43 เลือดบริสุทธิ์ที่แปดเปื้อน
รักแค้นหรือรักแท้ คำถามจากหัวใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่43 เลือดบริสุทธิ์ที่แปดเปื้อน
ตนที่43 เลือดบริสุทธิ์ที่แปดเปื้อน แต่นินัทธ์ก็ไม่ได้บอกว่าท้ายสุดแล้วจะให้บริวุตไปทำอะไร หลังจากส่งเศวยากลับบ้านเรียบร้อยแล้ว น้าอ้อยก็โทรศัพท์เข้ามา “นายน้อย คุณกำลังกลับใช่มั้ย?” เธอพูดด้วยเสียงต่ำเบา “คุณผู้ชายมาหน่ะค่ะ” พอวางหู นินัทธ์บึนปากขึ้นและมองไปยังนอกหน้าต่าง “เอฟ ถ้าเกิดว่าเธอรู้จักฉันจริงๆขึ้นมา….เธอจะยังสนใจฉันอยู่มั้ยนะ?” เอฟที่กำลังขับรถอยู่ผงกหัวขึ้นมา มองชายหนุ่มจากกระจกหลัง “คุณเศวยาเป็นคนหนักแน่นมาก” นินัทธ์กัดริมฝีปากของเขา ตาหลุบต่ำ พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “เพราะเป็นแบบนั้นก็จะยิ่งทำร้ายจิตใจเธอ” รถยนต์ถูกขับไปที่เขตตะวันตกอย่างช้าๆ และจอดอยู่ที่ตีนเขา นินัทธ์ผลักประตูรถเปิดออก มีเอฟยืนอยู่เคียงข้าง มองเขาที่กำลังเดินไปเป็นการส่ง แล้วก็ขับรถจากไป ประตูเปิดออก บรรยากาศในห้องนั่งเล่นดูผิดปกติ ในห้องนั้นชนิดพและพิมลแขกำลังนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าจริงจัง พอเห็นนินัทธ์กลับมา ชนิดพก็ย่นคิ้วขึ้น “แกไปไหนมา? ทำไมดึกป่านนี้เพิ่งจะกลับ?” นินัทธ์ไม่ได้พูดอะไร เขาทำเป็นไม่สนใจสองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วเดินตรงไปเพื่อจะขี้นไปชั้นบน หน้าของชดินพดูไม่ได้เลยเขาตะโกนขึ้น “นินัทธ์ แกหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ” นินัทธ์หยุดฝีเท้าของเขาลงแต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมอง “ชนิดพ คุณอย่าทำโกรธไปเลย เดี๋ยวคุณจะทำให้เขากลัวนะ” พิมลแขพูดเสียงอ่อนโยนเพื่อปลอบชดินพ แล้วก็หันมายิ้มให้กับนินัทธ์ “นินัทธ์ ฉันกับพ่อเธออยากจะมาคุยกับเธอหน่อย มานั่งนี่หน่อยจะได้มั้ย” นินัทธ์ไม่ได้ตอบสนองอะไร ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ชนิดพมองไปยังลูกชายอย่างอารมณ์เสียทั้งหมดหนทาง เขาเองก็อย่างจะเป็นดั่งพ่อธรรมดาทั่วไปที่พอว่างก็มานั่งเล่นหมากรุกคุยสัพเพเหระ แทนที่จะเป็นเหมือนคนแปลกหน้า เหมือนอากาศไปเสียเฉยๆ เขาพยายามปรับอารมณ์ของเขาลง พยายามใช้ทัศนคติพูดอย่างตรงไปตรงมา “นินัทธ์ เรื่องในคืนนี้ อยากจะอธิบายซักหน่อยมั้ย?” นินัทธ์ยังไม่ได้แม้แต่จะแง้มปากพูด -พิมลแขก็เสริมเข้ามาอย่างอ่อนโยน “นินัทธ์ ดูเหมือนคุณจะสนิทชิดเชื้อกับผู้ใหญ่ตระกูลวรวงศ์คุณากรมากกว่า….พ่อของคุณเองอีกนะ” ชดินพหน้าบางลงเล็กน้อย ตาแก่พวกนั้นให้หน้าแก่ลูกชายของเขา แต่กลับไม่ให้เขา นั่นทำให้เขาโกรธเสียจนพูดไม่ออก น้าอ้อยมองดูนายน้อยของเธออย่างเป็นกังวล ใจระส่ำอยู่ไม่สุขได้แต่ลอบถอนหายใจ ทั้งนายน้อยและคุณผู้ชายก็เป็นคนหัวรั้นด้วยกันทั้งคู่ ถ้าตอนนี้มีคุณเศวยาอยู่ด้วยก็คงจะดี นินัทธ์ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับแม้แต่นิดเดียว นั่นทำให้ชดินพโมโหอย่างมาก เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เดินก้าวเข้าไปหาและไปหยุดอยู่ตรงหน้าลูกชาย “ฟังมาจากน้าของแกแล้ว ในตอนนั้นแม้แต่ยาก็ไม่ยอมกิน!นี่แกคิดอยากจะทำอะไรกันแน่? เอาร่างกายตัวเองมาเล่นอย่างนั้นหรอ? หรือว่าแกต้องการจะทำร้ายฉันด้วยวิธีนี้ นั่นฉันจะบอกอะไรแกให้นะ แม้แต่แกตายไป น้ำตาซักหยดจากฉันก็จะไม่มี!” พอถึงตอนนี้ นินัทธ์ก็เริ่มขยับตัว เขาค่อยๆเงยหน้าช้าๆ กะพริบตาเล็กน้อย ดูลึกลับราวกับสัตว์ร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ ดวงตาประกายสด ระยิบระยับราวกับดวงดาว มุมปากยกยิ้มอย่างเย็นชาน่ากลัวแต่กลับสง่างาม จ้องลงไปที่ตาของเขา ชนิดพเบิกตาโพลง คิ้วของเขาบิดไปอย่างตื่นตระหนก ให้ตายเถอะ เขาเกลียดท่าทีของเขาแบบนี้ที่สุด มันราวกับสัตว์ดุร้ายที่เพิ่งตื่นขึ้นมา เพื่อที่จะมาขย้ำหัวคน! ตั้งแต่ที่รับเขามาอยู่ที่บ้านตระกูลวรวงศ์คุณากร ในบางครั้งเขาก็แสดงท่าทีลักษณะนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เมื่อได้สบตาเขาแล้ว ก็เหมือนถูกสยบไปในทันที ชนิดพกำหมัดแน่น ในครั้งนี้ เขาจ้องกลับไปอย่างดุเดือด ในฐานะที่เขาเป็นพ่อ เขาจะกลัวลูกตัวเองไม่ได้! “ผมตายไป คุณจะดีใจมากเลยไม่ใช่หรอ?” นินัทธ์ถามเสียงแผ่วต่ำ ใบหน้ายังคงไม่เปลี่ยน ยังคงยิ้มที่ไม่เหมือนยิ้มเลยแม้แต่น้อย แต่นั่นทำให้รู้สึกหนาวเย็นขึ้นเป็นสิบเท่าทีเดียว ชดินพขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นเส้นเดียวกันอยู่แล้ว หายใจอย่างรุนแรงดุเดือด “เพราะในร่างกายของผม มีเลือกเนื้อของผู้หญิงคนนั้น คนที่คุณเกลียด” นินัทธ์จ้องไปที่เขา สั่นเล็กน้อย เต็มไปด้วยความแข็งกร้าวเย็นชา “มองดูก็รู้ว่าไม่ชอบ เห็นๆกันอยู่ว่ารังเกียจ แล้วจะมาทำทีห่วงใยเพื่อ? ฮ่าๆๆๆ ใช่แล้วล่ะ ต่อให้ผมทรมานตัวเองจนตาย คุณก็ไม่ควรจะปล่อยน้ำตาให้ร่วงลง” “นี่แก——” ชดินพเต็มไปด้วยความโกรธ เขากัดกรามแน่น ก่อนจะตะโกนออกมา “ถ้าฉันไม่พาแกออกมาจากที่นั้น แกจะได้มีวันนี้มั้ย? พาแกออกมาจากกองขยะนั่น ทาที่นี่ให้คนอื่นๆเรียกแกเป็นนายน้อยตระกูลวรวงศ์คุณากร อย่างเกรงใจ! ถ้าแกไม่มีฉัน แกก็จะไม่เหลืออะไรเลย!ทำไมล่ะ ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้ว อยากจะมาคลบหลังฉันอย่างนั้นหรอ? หึ ฉันยังไม่ตาย แล้วก็เป็นหัวหน้าตระกูลวรวงศ์คุณากรด้วย! หากว่าแกอยากจะมานั่งในที่นี่ฉันนั่ง มันยังเร็วไปหน่อยมั้ย ” “ฮ่าๆๆ” นินัทธ์หัวเราะตาปิดเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ไม่แม้แต่จะมองหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้า“ถ้าไม่มีผมที่เป็นนายน้อยของตระกูลวรวงศ์คุณากร คุณยังจะได้เป็นหัวหน้าตระกูลอย่างสบายใจเฉิบอย่างนั้นหรอ? คุณโลภอีกแล้ว จะเอาลาภยศที่อยู่ในกำมือของตัวเองไปให้คนอื่น คุณจะยอมงั้นหรอ?” “ไอชั่วเอ้ย!” ชนิดพโกรธหนักยกมือตบไปที่หน้าของเขาอย่างแรง “ไม่นะ!” น้าอ้อยตะโกนออกมาอย่างตกใจ “คุณผู้ชาย….” นินัทธ์ไม่แม้แต่จะหลบ ชนิดพตบลงมาที่หน้าของเขา ทำให้ใบหน้าขาวๆ แดงเถือกขึ้นมาในทันที -พิมลแข-รีบตรงเข้ามาทันที “ชนิดพคุณทำอะไรลงไป มีอะไรก็พูดกันดีๆสิ คุณไปทำเขาทำไม? ถึงแม้ว่านินัทธ์เขาไม่ควรจะพูดแบบนั้น แต่ก็ควรจะสอนเขาดีๆรึเปล่า คุณก็รู้ จิตของเขา…..”เธอตกใจที่ตัวเองหลุดคำนั้นออกไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชนิดพโกรธสั่นไม่ทั้งตัว “เพราะว่าเขาป่วยทางจิต!ผมถึงทำแบบนี้ไง!ให้เขาเป็นนายน้อยตระกูลวรวงศ์คุณาก ให้เขาเชิดหน้าชูตาในงานครบรอบตระกูล แล้วเขาล่ะ? ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะทำแบบนี้กับฉัน!ตอนนี้คนเขาก็รู้กัันทั่วไปหมดแล้วว่าฉันมีลูกชายประสาทไม่ดี!” “นี่” "-พิมลแขหาหน้าไปอีกด้านก่อนจะถอนหายใจออกมา “นินัทธ์ คุณลองคิดถึงพ่อคุณดูนะ ร่างกายคุณไม่แข็งแรง คุณควรจะให้ความร่วมมือกับการรักษา ถ้าไม่กินยาแล้วคุณจะหายได้ยังไง?” “คุณจะเสียหน้าใช่มั้ยล่ะ? มันจะไม่ภาคภูมิใช่ไม่ใช่?” นินัทธ์ค่อยหันไปช้าๆ มุมปากกระดกขึ้น เสียงหัวเราะเขามันยิ่งกว่าเย็นชา “มีลูกป่วยทางจิต ก็ดีจะได้มาเป็นหุ่นเชิดได้ไง มีจุดหมาย ทำตัวมีเมตตากับคนอื่นๆ เป็นพ่อบังเกิดเกล้าที่ดี ” ชนิดพแววตาซบเซาลง เปลี่ยนไปเป็นอีกอย่าง อยู่ดีๆเขาก็ถามขึ้นด้วยเสียงเศร้าสร้อย “แกติดต่อกับตาแก่พวกนั้นเป็นการส่วนตัว เพื่อจะดึงฉันลงจากตำแหน่งงั้นหรอ?” ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ลูกชายของเขาเปลี่ยนไปเป็นคนที่มีความคิดขึ้นมา มุมปากของนินัทธ์ขยายขึ้น เขากวาดสายตาผ่านไปอย่างไม่แยแส “ถ้าเกิดว่าผมทำได้ผมอยากจะให้เลือดในตัวผมมันแห้งสนิทไปเลย จะได้ไม่ต้องเป็นครึ่งนึงที่บริสุทธิ์กับอีกครึ่งที่เต็มไปด้วยสิ่งแปดเปื้อน” เขาไม่อยากจะพูดอะไรต่ออีก จึงหันตัวแล้วเดินออกไปข้างนอก “แก—— นี่แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ” ชนิดพกำมือแน่น หน้าดำหน้าแดงด้วยความเกรี้ยวโกรธ เขาอยากจะตามไป แต่ก็ถูกพิมลแขดึงเอาไว้ ก่อนจะเตือน “ชนิดพ คุณอย่าทำโทษเขาอีกนะ!” “ฉันโมโหจนจะบ้าตายอยู่แล้ว! ไม่ได้ ฉันจะต้องถามให้รู้เรื่อง” รอให้ชนิดพคิดได้ ข้างนอกก็ไม่มีเงาของนินัทธ์อีกแล้ว ป้าอ้อยกระทืบเท้าอย่างใจจดใจจ่อ “ไอหนา จะทำยังไงดีล่ะทีนี้ นายน้อย คงไม่เกิดเรื่องอะไรกับนายน้อยใช่มั้ย?” “พี่อ้อย อย่าพูดอะไรเหลวไหล! ”พิมลแขมองไปอย่างตำหนิ “นินัทธ์โตขนาดนี้แล้ว จะไปมีเรื่องอะไรได้ยังไง? อาจจะอยากออกไปเดินเล่นให้สบายใจ เดี๋ยวก็คงกลับมานั่นล่ะ” น้าอ้อยพะว้าพะวัง ยืนมองสอดส่ายออกไปนอกประตู เศวยาอาบน้ำ เปลี่ยนชุดนอนเสร็จแล้ว กำลังจะเตรียมขึ้นเตียง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น “เอ่อ ป้าอ้อย?” เศวยาฟังน้าอ้อยจากปลายสายที่ใช้คำพูดง่ายๆไม่กี่ประโยค ใบหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปในทันที “โอเคค่ะ ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันจะออกไปตามเขาเอง !” พอวางสายได้ แม้กระทั่งชุดก็ไม่เปลี่ยน สวมเสื้อคลุมคลุมตัวไว้ แล้วก็ใส่รองเท้ากีฬาวิ่งออกไปทันที ออกไปจนกระทั่งถึงประตูหมู่บ้าน ก็เห็นมีคนๆหนึ่งนั่งอยู่บนกำแพง “นินัทธ์!” เศวยารีบวิ่งเข้าไปหา “คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” นินัทธ์ค่อยๆเงยหน้าขึ้น เศวยาก็เห็นว่าแก้มด้านซ้ายของเขาเป็นสีแดงเถือก เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่พูดรำทำเพลง เธอประคองหน้าเขาขึ้นมาก่อนจะถาม “เกิดอะไรขึ้น? ใครทำคุณแบบนี้?” นินัทธ์น้ำตาคลอหน่วย ประกายตาระยิบระยับด้วยความอบอุ่นที่เข้ามาแทรกซึมในหัวใจ จับมือของเธอเอาไว้ ใบหน้าที่เคยบึ้งตึงในตอนแรกคลายลง ”ทำไมมือเย็นจัง?“ “ไม่ต้องมายุ่งกับมือฉันเลย บอกฉันมานะ ใครทำเธอแบบนี้!” เศวยาฉุนเล็กน้อย กลอกตาไปมา ในใจร้อนรนพอสมควร เธอโกรธมากจริงๆ ใบหน้าที่งดงามและน่าสงสารขนาดนี้ ใครกันนะที่มาทำร้ายได้ลง?! นินัทธ์รู้สึกเหนื่อยล้าไปหมด เขายกมือขึ้นคล้องไปที่เอวของหญิงสาว ดึงตัวของเธอมาใกล้ก่อนจะเอาหน้าไปฝังไว้ที่อกของเธอซึมซับความหอมของสบู่ที่เพิ่งอาบน้ำมาบนตัวเธอ พึมพำเบาๆ “เศวยา ผมง่วงจัง อยากนอนแล้ว” เศวยากัดริมฝีปาก ก่อนจะหายใจเข้าหนักๆสองสามครั้งเพื่อระงับอารมณ์ที่โมโหจนอยากจะร้องไห้นั่นเอาไว้ “ไปป่ะ ไปบ้านฉัน” “ผมอยากนอนตรงนี้” เขาไถหน้าไปบนอกนุ่มฟูของเธอ พึมพำออกมาอย่างพอใจ “ที่นี่มันปิดแล้ว ถ้าอยากจะนอนก็ไปนอนบ้านฉันดีกว่า ” เศวยาดึงเขาขึ้นมา ก่อนจะจับมือพาเขาเดินไปตลอดทาง ราวกับว่าเขาเป็นเด็กน้อยที่หลงที่หมดหนทางจะไป พอกลับมาที่บ้านตระกูลศิริวัชรภัทร ทั้งชิตวรและดุสิดาต่างก็ไม่อยู่ บริวุตเองก็คอยดูแลมิ้นอยู่ที่โรงพยาบาล ชามาก็กลับบ้านน้องสาวไปหาหลานที่เพิ่งเกิด ชวนีเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาสองสามวันแล้ว ดังนั้นตอนนี้ที่บ้านก็เหลือเพียงเศวยาคนเดียว นินัทธ์เคยมาที่นี่แล้วครั้งนึง เลยทำตัวเป็นเจ้าบ้านรีบเดินดิ่งตรงไปยังห้องนอนของเศวยา เศวยายืนอยู่ด้านหลังของเขา “คืนนี้คุณก็นอนห้องฉันแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปนอนห้องบริวุตเอง” นินัทธ์มองหันกลับไป ”คุณนอนห้องชายอื่นไม่ได้“ เศวยาเลิกคิ้วขึ้น “ชายอื่นที่คุณว่านี่ก็คือน้องชายฉันมั้ย?” นินัทธ์พยักหน้าอย่างจริงจัง “เป็นผู้ชาย นั่นคือไม่ได้” เธอส่ายหัวพลางหัวเราะ “เป็นเหตุผลที่แปลกประหลาดดีจริงๆ” เธอเดินออกไป และกลับเข้ามาพร้อมกับที่ประคบ ให้นินัทธ์นั่ลง ก่อนจะเอาที่ประคบน้ำแข็ง ค่อยๆซับไปตรงใบหน้าของเขา ดวงตาน้อยๆบ่งบอกถึงความเจ็บปวด เธอซับไปซับมา พลางกัดฟันกรอดไปด้วยความเคียดแค้น “ใครหน้าไหนกันนะที่กล้ามาทำคุณแบบนี้ ฉันล่ะอยากจะตัดมือเขาให้ขาดจริงๆ!” เขามองทะลุเข้าไปถึงหัวใจของเธอ นิพัทธ์มองเธอย่างไม่วางตา ในโลกที่มืดมิดและว่างเปล่าของเขา ยังคงมีเธอที่เป็นดังแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียว ประดุจพระอาทิตย์ในดงดอกท้อ ยั่วยวนให้คนเข้ามาฉกฉวยไป และเขาเองก็อยากจะฉกฉวยไว้ แต่เขาเองไม่อยากจะทำร้ายเธอ เห็นว่าหน้าไม่ได้บวมมากแล้ว เศวยาก็โล่งใจ จากนั้นเธอก็ไปหาชุดของบริวุตมาให้เขาใส่ “นินัทธ์ คุณใส่ชุดน้องชายฉันไปก่อนนะ ห้องน้ำอยู่ทางนั้น เดี๋ยวฉันไปหาอุปกรณ์อาบน้ำชุดใหม่มาให้” อัพเดทครั้งหน้า วันที่4 พ.ย. 2019 จะมาในเร็วๆนี้ โปรดอดใจรอก่อน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่43 เลือดบริสุทธิ์ที่แปดเปื้อน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A