ตอนที่44 ใครรับผิดชอบใคร   1/    
已经是第一章了
ตอนที่44 ใครรับผิดชอบใคร
ต๭นที่44 ใครรับผิดชอบใคร “ไม่ต้องหรอก” นินัทธ์เดินตรงไปที่ห้องน้ำโดยไม่ได้หยิบเสื้อผ้าไปด้วย ”ผมจะใช้ของคุณ“ แล้วเขาก็เข้าห้องน้ำไป พอได้ยินเสียงน้ำดังขึ้น เศวยาก็คว้าเอามือถือโทรศัพท์หาน้าอ้อย “น้าอ้อย  นินัทธ์อยู่กับฉันแล้วนะคะ คืนนี้เขาจะ….ค้างที่นี่ชั่วคราว คุณไม่ต้องเป็นห่วง” เศวยาพูดไปด้วยหน้าที่ร้อนผ่าว คำพูดที่เธอพูดไปเมื่อกี้มันดูคลุมเครือแปลกๆแฮะ น้าอ้อยไม่ได้สนใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น แค่ได้ยินว่าพบนายน้อยแล้ว ก็ได้แต่ท่องอามิตตาพุทธไป  สุดท้ายก็พูดออกมาด้วยความลังเล “คุณเศวยา นายน้อยเพิ่งจะทะเลาะมากับคุณผู้ชาย ขอรบกวนคุณพยายามโน้มน้าวให้คุณชายหน่อยเถอะนะคะ ถ้าเป็นคุณพูด นายน้อยจะรับฟังอย่างแน่นอน ” “ทะเลาะ?” เศวยาถามขึ้นมาทันที “ที่นินัทธ์หน้าแดงเถือกมาแบบนั้น เป็นเพราะเขาตบหรอ?” “ค่ะ  คุณผู้ชายโกรธเขามาก” เศวยาหรี่ตาแคบลง ก่อนจะรับปากกลับไป “โอเคค่ะฉันรู้แล้ว” พอวางสายเสร็จ เศวยาก็กำมือของตัวเองแน่นอย่างไม่รู้ตัว ชนิดพแม้แต่หน้าที่พ่อของตัวเองก็ยังทำไม่ได้ ทิ้งนินัทธ์ให้อยู่คนเดียวในบ้านเก่าๆผุๆอย่างน่าสงสารแบบนั้น เขามีสิทธิ์อะไรมาตบนินัทธ์? มีผู้หญิงคนใหม่? มีลูกเลี้ยงที่มีความสามารถ เอาไว้ออกหน้าออกตาในสายตาของทุกคน เขาเคยคิดเกี่ยวกับลูกชายของตัวเขาเองบ้างมั้ย? เศวยายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ไม่ได้เกี่ยวว่าเขาเป็นพ่อของนินัทธ์รึเปล่า เพียงแค่เขาแตะต้องนินัทธ์ เธอก็ไม่อาจที่จะทนได้! แต่นี่มันตบเลยนะ  พูดไว้เลยว่าเธอจะเอาคืนเขาแน่นอน! เสียงน้ำในห้องน้ำหยุดลง แล้วต่อมาก็ได้ยินเสียงผลักประตู เศวยาจึงเรียกสติกลับคืนมาได้ พอเงยหน้าขึ้น ตาก็เบิกโตเท่าไข่ห่าน หน้าค่อยๆแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว “คะ...คุ...คุณ” นินัทธ์ใช้ผ้าขนหนูของเธอเช็ดผมที่เปียกปอนของเขา เขาเดินออกมาด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่าแม้แต่ผ้าเช็ดตัวก็ไม่คลุมเอาไว้ เศวยารีบหันหน้าหนีทันที หน้าแดงลามไปถึงหู “นินัทธ์ เสื้อผ้าอยู่ตรงนั้นหน่ะ คุณ...คุณเอาไปใส่สิ” “ผมชินกับการนอนแบบไม่ใส่อะไรเลยหน่ะ” เขาพูดเบาๆ ใจของเศวยาเต้นรัวเหมือนจะตายให้ได้ ในหัวเธอก็คิดไปในเรื่องลามกโดยไม่รู้ตัว ภาพในหัวของเศวยาก็ยังคงแพร่กระจายไม่หยุด “ถ้างั้นคุณก็รีบพักผ่อนเถอะ!”พร้อมกับพูดเธอก็รีบเดินตรงไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว  มือเพิ่งจะจับลูกบิด เอวก็ถูกมือของใครบางคนคล้องไป  ไออุ่นจากตัวนินัทธ์แผ่เข้ามา เขาเอาคางเกยไปที่ไหล่ของเธอ พูดเสียงพึมพำ “นอนบนเตียงของคุณ แต่กลับไม่มีคนนี่มันทรมานนะ”. “ไม่ชอบนี่นา” แล้วกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น พาเศวยากลับไปที่เตียง ไม่พูดอะไรก็ปล่อยเธอลงบนเตียงและถอดรองเท้าให้เธอ แล้วเขาก็ไปนั่งอีกข้างหนึ่ง จากนั้นก็เอื้อมมือมากอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง ทุกๆอย่างก็สมบูรณ์​แบบ​ เศวยาไม่อาจต่อต้านอะไรได้อีก เศวยาถูกล็อกเอาไว้ด้านหน้าของเขา​ จากนั้นผิวหนังของเขาก็เริ่มร้อนขึ้น​ จู่ๆร่างกายก็เหมือนโดนเผา​ หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความสับสน "นินัทธ์  ถ้าคุณทำแบบนี้ฉันจะโกรธแล้วนะ!"  "...... ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ​ ผมแค่อยากจะกอดคุณก็เท่านั้น" เขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา​ น้ำเสัยงเขาดูตกร่องและให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวเล็กน้อย แต่กลับทำให้เธอหยุดชะงักลงได้อย่างน่าอัศจรรย์​   เศวยาหรี่ตาทั้งสองข้างลง ผ่านไปซักพักหนึ่งก่อนจะพูด “แค่...กอด?” เสียงดังดังเบาๆมาจากด้านหลัง “อื้อ” ถูกเขากอดไว้แบบนี้ มันทั้งอ่อนโยนและอบอุ่น และเธอก็รู้และไม่รังเกียจมัน เธอรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่รู้ตัว หันหลังให้เขา ดวงตาทั้งสองข้างค่อยๆหรี่ลง  หรี่ลงไปอย่างสุขสบาย ด้วยความสงบใจ นินัทธ์เอาหน้าซุกไว้ที่หลังของเธอ มือของเขาพันรอบเอวเธอไว้ กอดเธอไว้เหมือนเด็กอย่างไรอย่างนั้น ในเวลานี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถรักษาบาดแผลในใจของเขาได้ “นินัทธ์” เธอเรียกชื่อเขาขึ้นมา “หืม?” “ฉันจะไม่ให้ใครมาทำร้ายคุณอีก” เสียงของเธอยังคงมีเสน่ห์และน่ารักอย่างเคย แต่แฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง เสมอเหมือนคำสาบาน ทำให้หัวใจของเขาสั่นขึ้นมาในทันที เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เพียงแต่กอดเธอแน่นขึ้นเข้าไปอีก เขาสูดดมผมของเธอ และพรมจูบไปที่ท้ายทอยของเธออย่างแผ่วเบา...  ไม่รู้เลยว่าเผลอหลับกันไปตอนไหน ตอนที่เศวยาตื่นขึ้นมา คนที่นอนอยู่ข้างหลังก็หายไปซะแล้ว พอตื่นเต็มตา เธอก็ผลุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “นินัทธ์?” ในห้องน้ำก็ไม่มีใคร เธอจึงรีบเปิดประตูออกไป พอเดินเข้าไปในห้องรับแขกก็ต้องชะงักกึก นินัทธ์กำลังนั่งท้าวศีรษะอยู่ที่โซฟา ไม่รู้ว่าตาของเธอเพี้ยนไปรึเปล่า ตรงกันข้ามของเขา มีทั้งชิตสร บริวุตทั้งยังดุสิดานั่งอยู่ คนสามคนนั้นกำลังจับจ้องไปที่เขา ด้วยสายตาที่แตกต่างกัน ชิตวรนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างสองคนนั้นกำลังขมวดคิ้ว และข้างกันนั้น บริวุตกำลังกัดฟันมองเขาด้วยความโกรธ ส่วนดุสิดานั้นเธอเหมือนว่าได้มาเห็นการแสดงอะไรที่สนุกสนานก็ไม่ปาน มุมปากกระตุกยิ้มอย่างเยือกเย็น   “เอ่อ….” เศวยาเดินเข้าไปหา “พ่อคะ...วุต….” “เงียบไปเลย!” ทั้งหนุ่มทั้งแก่สองคนตะโกนขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน  หายากจริงๆที่พวกเขาทั้งคู่จะเข้าคู่กันได้ขนาดนี้ เศวยาชะงักกึก ยืนอยู่กับที่ จ้องมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ นี่ เธอเป็นสิ่งล้ำค่าของครอบครัว  พ่อเองก็ไม่เคยที่จะจริงจังอะไรอย่างนีเ ซ้ำน้องชายก็ทำทุกอย่างเพื่อที่จะช่วยเธอ แต่แล้ววันนี้เกิดอะไร อย่างกับพวกเขาจะรุมเธออย่างนั้นแล่ะ นินัทธ์ที่ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ หันหน้าไปมองชายทั้งสองคนในที่สุด “คนของผม ไม่ใช่คนที่พวกคุณอยากจะตะโกนใส่ก็ตะโกน” เส้นเลือดบนหน้าของชิตวรกระตุกเบาๆ  ถึงแม้ว่าเขาจะกว้างใหญ่ไพศาลขนาดที่ให้ตำแหน่งเลขาพรรคแก่เขาได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าไปในห้องของลูกสาวเขาได้อย่างเปิดเผย! ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้านอกออกในบ้านคนอื่น ทั้งยังดูถูกดูแคลนแบบนี้! บริวุตอดรนทนไม่ไหว รีบผลุดตัวลุกขึ้น “พ่อ ดูสินี่เขาโตมายังไงเนี่ย? มาจีบลูกสาวบ้านคนอื่นก็ยังไม่มีมารยาท! แจ้งตำรวจ แจ้งตำรวจมาจับเขาเลย!” เศวยาก็รู้มาได้ในทันที สองชายตระกูลศิริวัชรภัทรของเธอรู้ว่านินัทธ์มานอนที่นี่ เธอจึงกระแอมออกมาสองทีก่อนจะพูด “พ่อ วุต เมื่อคืนนี้…..” “เงียบ!”สองชายตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียว ทวีความโมโหขึ้น “......” เศวยาถูกตะโกนใส่ ก็กัดริมฝีปากก่อนจะพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ทำไมโหดร้ายอย่างนี้นะ จะอธิบายก็ไม่ยอมฟัง..” นินัทธ์ปิดเปลือกตาของเขาลงอย่างไม่พอใจ หันสายตามองไปยังทั้งสองชายช้าๆ เศวยารู้ท่าทีของเขาดี นั่นหมายความว่า เขาเริ่มที่จะคิด และสนใจ อีกทั้งก็เริ่มที่จะ….โกรธ ชิตวรเริ่มต้นพูดก่อน “นินัทธ์ เมื่อคืนคุณนอนที่ห้องของลูกสาวผมอย่างนั้นหรอ?” ในขณะที่ถาม ก็เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองอย่างถึงที่สุด ราวกับกำลังจะเริ่มประชุมเกี่ยวกับเมืองก็ไม่ปาน พยายามที่จะทำเสียงให้ราบเรียบ แต่มือทั้งสองข้างที่อยู่บนตักกลับ กำแน่น นินัทธ์พยักหน้าช้าๆ บริวุตชี้หน้าเขาอย่างโมโห “คุณนอนเตียงเดียวกับพี่ผมหรอ?!” เศวยาหน้าแดงไปหมด “ไอ้เด็กเวรนี่ ถาม….อะไรไร้สาระ” นินัทธ์พยักหน้าอีกครั้งอย่างไม่ลังเล “ฮ่าๆๆ” ดุสิดาหัวเราะขึ้น “เศวยาเอ้ย เธอนี่ไม่เป็นอย่างที่พูดเลยนะ  ความสัมพันธ์ยังไม่ทันชัดเจนก็พาผู้ชายเข้าบ้านมาซะละหรอ? พ่อเธอเพิ่งจะได้ตำแหน่งเลขาพรรค เธอก็ไม่คิดที่จะไว้หน้าเขาหน่อยเลยหรอ?” “แม่!” บริวุตขมวดคิ้วขึ้น “แม่ แม่เขาห้องไปก่อนเลยไป นี่ไม่ใช่เรื่องของแม่” ดุสิดาถลึงตาไปที่ลูกชายของเธอด้้วยความโมโห ชิตวรก็พูดขึ้นมา “ดา คุณไปห้องไปเถอะ” “ชิตวร….” ดุสิดาทั้งอายและโกรธ กลับห้องไปด้วยความโมโห และปิดประตูดังปั้ง ชิตวรจ้องไปที่นินัทธ์ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “คุณจะรับผิดชอบลูกสาวผมยังไง?” “ทำไมต้องรับผิดชอบ?คนหน้าไร้ยางอายแบบนี้ควรที่จะเอาเข้าคุกอย่างเดียว!” บริวุตกางแขนทั้งสองข้างออก สงสัยเขาต้องให้บทเรียนกับเขาซักหน่อย   อยากจะได้พี่สาวเขา ก็ต้องผ่านศพเขาไปก่อน “เฮ้นี่ พวกคุณอย่าให้มันเกินไปหน่อยจะได้มั้ย” เศวยาอดรนทนไม่ไหว ไปยืนอยู่ตรงหน้นินัทธฺมือเท้าเอว มองไปยังสองชายที่อยู่ตรงหน้า “เมื่อคืนพวกเราสองคนไม่ได้มี….” “ผมจะแต่งงานกับเธอ” อยู่ๆข้างหลังก็มีเสียงดังขึ้นมา นั่นทำให้เธอตกใจแทบจะกระโดด ทั้งชิตวรและบริวุตก็ช็อกไปตามๆกัน ทั้งสองชายหันหน้ามามองกันก่อนจะหันไปหาเขา “คุณพูดว่าไงนะ?” นินัทธ์ลุกขึ้นยืน  จับมือของเธอเอาไว้ก่อนจะดึงให้มาใกล้ๆ ยิ้มขึ้นก่อนจะพูด “นอนก็นอนด้วยกันมาแล้ว ผมจะแต่งงานกับเธอ” เศวยาเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เธอหันหน้าไปหาเขา “นินัทธ์ คุณอย่าพูดเหลวไหลนะ พวกเขาเป็นจริงเป็นจังนะ!”ให้ตายเถอะ เขาทำไมต้องทำให้มันดูคลุมเครือแบบนี้ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เขาจะมารับผิดชอบเธอทำไม?  ชิตวรมองทั้งสองอย่างไมาวางตา บริวุตเชื่อคนง่ายก็ออกอาการทันที  “พี่ พวกคุณคบกันไม่ได้นะ?” อยู่ๆเขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ก็เขกหัวตัวเองทันที ”เขาคือนายน้อยคนนั้นหรอ“ เศวยาไม่สนใจเขา เธอตรงไปอธิบายให้พ่อเธอฟังทันที “พ่อ อย่าไปฟังเขา พวกเราไม่ได้ทำอะไรกันเลยนะ” ชิตวรค่อยๆพูดด้วยเสียงเย็นชา  “ ถ้าไม่ได้ทำอะไรกันเลย แล้วทำไมเขาถึงอาสาจะรับผิดชอบแกล่ะ?” การแต่งงานนี่มันไม่ใช่แค่เพียงคุณอยากแต่งก็จะได้แต่ง โดยเฉพาะเขาที่เป็นทายาทตระกูลวรวงศ์คุณากร เรื่องนี้มันไม่ใช่เขาแค่คนเดียว “จะรู้ได้ยังไงเล่า ยังไงก็ตามแต่ หนูไม่ให้เขารับผิดชอบ” เศวยาหันกลับไปต้นเรื่อง เขากลับมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบา “คุณเป็นคนพาผมมานอนที่นี่ เดี๋ยวผมจะรับผิดชอบคุณเองก็แล้วกัน” เศวยาตัวแข็งราวกับเป็นหิน ลมเย็นๆพัดโกรกเข้ามาที่ใบหน้าแข็งทื่อราวเป็นอัมพาต เนื้อกระตุกกึกๆ “พี่!!” บริวุตร้องออกมาอย่างตกใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าพี่จะใจกล้าขนาดนี้” ในความคิดเขา พี่สาวเขาเป็นผู้หญิงที่มีความหยิ่งยโสในตัวเองสูงคนนึงเลยทีเดียว ใครจะไปรู้ล่ะว่า ว่าเธอจะเป็นคนจัดการทุกอย่าง!พอหันหน้ากลับมามองที่หน้าของนินัทธ์ด้วยใบหน้าลักษณะเดียวกันกับเธอ ก่อนจะเอื้อมมือมาตบที่ไหล่เขา  “นั่นน่ะ เป็นไปไม่ได้ พี่สาวฉันไม่ได้เป็นคนกล้าแบบนั้นหรอก” นินัทธ์ยิ้ม อย่างวางท่า “ฉันชินกับมันแล้วล่ะ” ริมฝีปากของชิตวรกระตุกสั่นอย่างรุนแรง หน้าของเขาแดงขึ้น ในเวลานี้เขาพูดอะไรได้บ้างล่ะ? ก็คงจะยกลูกสาวของตัวเองไปให้ใครไม่ได้แล้วมั้ง! ผ่านไปชั่วอึดใจ สองชายตระกูลศิริวัชรภัทรก็ยังคงไม่ได้พูดอะไรออกมา มีเพียงแต่นินัทธ์ที่ดูจิตใจเงียบสงบและวางท่าอย่างสง่างามเหมือนเดิม เศวยาทนไม่ไหวก็เดินลากนินัทธ์ออกไป “มาคุณเข้ามากับฉัน” นินัทธ์เดินตามเธอไปอย่างว่าง่าย ตรงไปยังห้องของเศวยา แล้วประตูก็ค่อยๆปิดลง ในห้องรับแขก เงียบไปพักหนึ่งก่อนที่บริวุตจะเอ่ยปากพูดก่อน “พ่อ  พี่เขาชอบผู้ชายคนนั้นใช่มั้ย?” 
已经是最新一章了
加载中