ตอนที่ 10 เสียงเรียกร้อง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 10 เสียงเรียกร้อง
ต๭นที่ 10 เสียงเรียกร้อง สายตาของไป๋หลี่รุ่ยถูกดึงกลับมาในที่สุด เขาเองก็ไม่รู้ว่าใช้สายตาเช่นไรมองเด็กสาวที่เปรอะเลือดผู้นั้น แต่เมื่อหันมาเจอร่างที่สั่นเทาอยู่ข้างๆ อยากจะปลอบประโลมคังเสี้ยเหอ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไร หากเป็นเช่นในอดีต องค์รัชทายาทคงจะกล่าวปลอบประโลมนางไปแล้ว คังเสี้ยเหอลอบกำมือแน่น นัยน์ตาฉายแววกรุ่นโกรธ คำพูดของคังเสี้ยเหอ อาจไม่ได้รับความรักความสงสารจากองค์รัชทายาท แต่ได้รับความสนใจจากท่านอ๋องคังในทันที เมื่อเห็นลูกสาวของตนไม่เพียงไม่พูด แม้แต่มารยาทพื้นฐานก็ยังไม่กระทำ เขาจ้องนางด้วยความโกรธก่อนจะออกปากด่าทอ เหตุเพราะทำเขาเสียหน้าต่อหน้าองค์รัชทายาท “เสว่มี่ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงลงมือฆ่าคนในตำหนักแห่งนี้ การกระทำที่ไม่เชื่อฟังในครานี้ของเจ้ามันช่างโหดเหี้ยมนัก ในตำหนักใหญ่จะมามีเด็กสาวเช่นนี้อยู่ได้อย่างไรกัน ทั้งยังให้แขกเหรื่อต้องมานั่งรอเจ้าอยู่นานแสนนาน แม้แต่องค์รัชทายาทยังห่วงใยเจ้าจนต้องมาดูถึงที่สวนดอกไม้หลังตำหนักนี่ แถมมารยาทของเจ้าก็หามีไม่ คนข้างนอกจะมองว่าตำหนักอ๋องคังไร้การอบรมได้ รีบขอประทานอภัยแก่องค์รัชทายาทเดี๋ยวนี้” เหยาเซิงจ้องมองท่านอ๋องคังที่เดินเข้ามาทีหลัง เมื่อได้ยินคำพูดของชายารองติง ที่กำลังโยนความผิดทั้งหมดใส่หัวของเธอ ก็รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งกาย หากเป็นคนที่ไม่พูด และเป็นออทิซึมอย่างคังเสว่มี่ คงถูกบังคับให้รับเป็นฆาตกรใจโฉดเป็นแน่ แต่เหยาเซิงหาใช่คนที่สงบปากสงบคำเช่นนั้นไม่ เมื่อได้รับความอยุติธรรมจึงจะได้ไม่พูด บนหน้าปรากฏร่องรอยของความสงสัย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ท่านพ่อเจ้าคะ เหตุใดท่านถึงบอกว่าข้าเป็นคนฆ่ากัน ท่านเห็นด้วยตาของตัวเองอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ท่านอ๋องคังเมื่อได้ยินคำพูดของเหยาเซิง ก็ชะงักนิ่งไป ราวกับไม่อยากเชื่อว่าคำพูดเมื่อประเดี๋ยวจะออกมาจากปากของเด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้า กล่าวด้วยความตะลึง “เจ้า เจ้าว่าอะไรนะ” “หากท่านพ่อได้ยินไม่ชัด เช่นนั้นข้าจะกล่าวอีกครั้ง เมื่อประเดี๋ยวที่พวกท่านมาถึงที่สวนดอกไม้แห่งนี้ ท่านชายารองติงก็กล่าวขึ้นมาว่าข้าคือฆาตกรที่โหดเหี้ยม และท่านพ่อเองก็เชื่อโดยสนิทใจ และตัดสินไปว่าข้าคือคนที่ฆ่า เช่นนั้นข้าขอถามท่านพ่อ ท่านและท่านชายารองติง หรือแม้แต่น้องสามเป็นคนพบเห็นว่าข้าลงมือฆ่าสี่เอ๋อร์ด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ เพียงแค่ท่านชายารองติงบอกว่าข้าเป็นคนฆ่า ท่านพ่อก็คิดว่าข้าเป็นคนฆ่าแล้วหรือเจ้าคะ” ครั้งนี้ ท่านอ๋องคังได้ยินอย่างชัดเจน ประโยคที่ยาวยืดเช่นนั้น เป็นเรื่องจริงที่มันออกมาจากปากบุตรสาวที่ไม่ต่างจากคนใบ้คนนี้ นี่มันน่าตกใจยิ่งกว่าการตายของสาวใช้คนนั้นเสียอีก แต่เดิมชายารองติงต้องการยืมมือท่านอ๋องคังและองค์รัชทายาทเพื่อปลุกระดมเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพื่อให้เด็กใบ้คังเสว่มี่กลายเป็นฆาตกร เป็นเวลาหลายปีที่องค์รัชทายาทไม่ได้กล่าวถึงการสมรส ผู้คนต่างรู้ดีเด็กใบ้ผู้นี้ไม่ได้อยู่ในใจของพระองค์แม้แต่น้อย เรื่องความปัญญาอ่อนที่มีแต่เดิม ผสมรวมกับชื่อฆาตกร จากไฟที่เธอได้สุมไว้อย่างลับๆ คังเสว่มี่ย่อมหลุดพ้นจากตำแหน่งพระมเหสีอย่างแน่นอน ท่านอ๋องคังเมื่อได้ยินเสียงของเด็กสาวก็นิ่งไปเสียนาน หลายปีมานี้ท่านอ๋องยังไม่ได้ลืมนางไปอีกหรือ นางจะไม่ยอมพลาดโอกาสเยี่ยงนี้ไปเป็นอันขาด จ้องมองหน้าท่านอ๋องคังด้วยใบหน้าโศก น้ำใสเริ่มร่วงหล่นจากดวงตา “ท่านอ๋องเจ้าคะ ท่านคือประมุขของตำหนัก ย่อมแยกแยะเรื่องราวได้ด้วยตัวเอง ข้าจะไปกล่าวตัดสินแทนได้เยี่ยงไรกัน หลายปีนักที่คุณหนูใหญ่ไม่เคยพูดอะไรเลย แต่ในวันนี้กลับพูดขึ้นมา ข้างในนั้นนางยังคงเป็นนางอีกหรือไม่เจ้าคะ” มันเป็นอย่างไรละ เหตุใดถึงไม่พูด “อย่างไร” ออกมากันเล่า เหยาเซิงเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย “ข้าพูดว่า ท่านชายารองติง ท่านไม่ต้องร้องไห้ในทันทีที่เปิดปากก็ได้เจ้าคะ เมื่อประเดี๋ยวท่านบอกว่าข้าฆ่าคนมิใช่รึ ข้าจึงอยากให้ท่านเผยหลักฐานมาก็เท่านั้น แล้วท่านจะบอกข้ากับท่านพ่ออย่างไรก็เรื่องของท่าน ท่านทำเหมือนท่านพ่อเป็นคนตาบอด ที่สวนดอกไม้แห่งนี้เป็นท่านตัดสินแต่เพียงผู้เดียวหรือ ผู้อื่นไม่มีตารึ” คำพูดที่หลักแหลมของนาง ทำให้ชายารองติงที่ตบลูกคิดของตนไปแล้ว ไม่ทันได้สังเกต คำพูดที่ออกมาจากคนใบ้ในตอนนี้ การตอบสนองที่รวดเร็ว กล่าวประโยคได้อย่างคล่องแคล่ว จึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองเหยาเซิง แววตาฉายแววตกตะลึง แต่ยังไม่ลืมที่จะแสดงต่อไป “ท่านอ๋องเจ้าคะ ข้าถูกปรักปรำ ข้าจะกล้าตัดสินด้วยตัวข้าแต่เพียงผู้เดียวได้เช่นไรกัน...” กล่าวพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลราวกับห่าฝน และเงยหน้าสี่สิบห้าองศาเพื่อเรียกร้องความสงสารจากท่านอ๋องคัง 
已经是最新一章了
加载中