ตอนที่ 17 ความคิดที่โง่เขลา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 17 ความคิดที่โง่เขลา
ต๭นที่ 17 ความคิดที่โง่เขลา สุดท้ายหญิงสาวผู้ที่อยู่ในตำหนักมาหลายปีดีดัก ชายารองติงก็พูดถึงบาดแผลที่หน้าผากของคังเสี้ยเหออีกแล้ว ถึงแม้สิ่งที่บุตรีคนโตพูด ท่านอ๋องคังจะเข้าใจ แต่เมื่อเห็นชายารองติงที่ชอบร่ำไห้อยู่ทุกครั้ง ในใจก็พลันหม่นหมอง มองนางด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก แต่เมื่อเห็นเลือดที่ไหลอาบหน้าของบุตรีคนที่สาม ก็กล่าวตำหนิเหยาเซิงด้วยใบหน้านิ่ว “หากเจ้าไม่พอใจชายารองติง ก็แค่มาบอกพ่อ พ่อย่อมช่วยเหลือเจ้าอยู่แล้ว บาดแผลที่หน้าผากก็ย่อมเรียกหมอมาดูแลให้ แต่การที่เจ้ามาทุบน้องสาวของเจ้า นั่นเป็นวิถีของบุตรีในตระกูลใหญ่อย่างนั้นหรือ ไปขอโทษน้องเจ้าเสีย แล้วภายหลังอย่าได้ทำอีก” ขอโทษอย่างนั้นรึ มุมปากของเหยาเซิงกดลึกอย่างขบขัน น้ำเสียงของท่านอ๋องคังราวกับต้องการต่อรอง ราวกับเขาคิดว่านี่คือหนทางที่ดีที่สุด แต่เขาคงจะวาดฝันไว้สวยไปเสียหน่อย เหยาเซิงผู้นี้หาใช่ดินน้ำมันที่คิดจะบิดไปบิดมาเยี่ยงไรก็ได้ โดนทุบตี แล้วยังจะต้องขอโทษอีกรึ อย่าได้หวัง “ท่านอ๋องคังเจ้าคะ เมื่อครู่ข้านึกว่าได้พูดจนท่านฟังจนเข้าใจหมดแล้ว แต่มานึกคิดในตอนนี้ ข้าหาใช่ลูกชู้ของท่านไม่ แต่คงเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงจากถังขยะเสียมากกว่า มองอย่างก็ไม่เหมือนบุตรีของตำหนักอ๋องคัง ไม่คล้ายกับคุณหนูในตำหนักเลยแม้แต่น้อย เหตุใดท่านถึงไม่ถามกันว่าข้าได้บาดแผลที่หัวได้อย่างไรกัน เหตุใดถึงไม่ถาม ว่าเหตุใดข้าถึงทุบคังเสี้ยเหอ เหตุใดถึงไม่ยอมหาสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดเสียที เพียงเพราะชายารองติงร้องร่ำเพียงหนึ่งประโยค ท่านก็ถูกนางดึงความสนใจไปเสียสิ้น ท่านทำให้ข้านึกว่าตำหนักแห่งนี้เป็นบ้านของสัตว์เลี้ยง เจ้าของบอกให้กัด ก็ต้องกัดซะ” จี้อี้หัวเราะอย่างอดไม่ได้ ดวงตายิ้มหยีแล้วยิ้มอย่างเงียบๆ เด็กสาวผู้นี้ปากร้ายนัก พูดจาได้เสียดแทงยิ่ง แม้แต่ไป๋หลี่รุ่ยยังต้องหันไปมอง สายตาเต็มไปด้วยความตกใจ คำพูดที่เลวร้ายเช่นนี้ กลับออกมาจากปากของคังเสว่มี่อย่างนั้นรึ นางแท้จริงแล้วมีนิสัยอย่างไรกันแน่ เหตุใดถึงต่างจากในอดีตราวกับคนละคน ดวงตาที่เต็มไปด้วยการค้นหา จ้องมองที่บาดแผลตรงหน้าผาก ใบหน้าของอ๋องคังคล้ำม่วง แต่เมื่อเหลือบมองบาดแผลตรงหน้าผากของเหยาเซิง ดวงตาก็ฉายแววเจ็บปวดขึ้นมาทันพลัน ใบหน้าซีดขาว กำและคลายมืออยู่หลายครา ก่อนจะถอนหายใจออกมาในท้ายที่สุด “เสว่มี่ บาดแผลที่หัวของเจ้ามีที่มาอย่างไรกัน” นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องคังจะเอ่ยถามขึ้น ใจของชายารองติงเริ่มร้อนรน นางรู้ว่าบาดแผลนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ตอนนี้คังเสว่มี่ไม่ใช่เด็กใบ้ดั่งในอดีตแล้ว จึงกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านอ๋องเจ้าคะ บาดแผลของเสว่มี่ไม่ได้รับการดูแลเป็นเวลานานแล้วนะเจ้าคะ รีบไปตามหมอมาดีกว่านะเจ้าคะ” เหยาเซิงมองชายารองติงอย่างเบื่อหน่าย สองตาสบประสานกับดวงตาของท่านอ๋องคัง ปากเล็กเอ่ยเสียดสีทันพลัน “โอ๊ะ ชายารองติงเริ่มชี้ไปอีกทางแล้วนะเจ้าคะ จะให้ท่านอ๋องคังไปกัดอย่างนั้นรึ” “หุบปากเสีย” ใบหน้าของอ๋องคังดำคล้ำ ด่าทออย่างเย็นชา เขาได้เข้าใจคำพูดของเหยาเซิงแล้ว ถึงได้สังเกตเห็น ว่าคำพูดที่อ่อนหวานจากชายารองติงเมื่อครู่ แท้จริงคือความต้องการเปลี่ยนหัวเรื่อง “เสว่มี่ เจ้าบอกพ่อมา เจ้าได้บาดแผลนี่มาอย่างไรกัน” ใบหน้าของชายารองติงเริ่มซีดเซียว หลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่พระชายาสิ้นใจไป ท่านอ๋องคังก็รักและเอ็นดูนาง ข้ารับใช้ในตำหนักต่างก็เทิดทูนนาง ไม่เคยที่จะกล่าวเช่นนี้กับนางเลยสักครั้ง แต่วันนี้กลับตวาดใส่เธอต่อหน้าองค์รัชทายาทและจี้ซื่อจื่อเพียงเพราะคังเสว่มี่ เช่นนั้นนางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรในสังคมชั้นขุนนางกัน ไม่รู้เพราะเหตุใด คังเสว่มี่ที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้กลับกลายเป็นคนเฉลียวฉลาดไปได้ ยังดีที่สี่เอ๋อร์ได้ตายจากไปแล้ว ต่อให้พูดอะไรออกมาก็ไร้หลักฐานยืนยันอยู่ดี ทันใดนั้นชายารองติงก็เริ่มรู้สึกว่าการที่จี้ซื่อจื่อฆ่าสี่เอ๋อร์ไปนั้นคือเรื่องที่ไม่สมควรที่สุด แต่เพียงพริบตา ทันใดนั้นนางก็ได้รู้ว่า ความคิดของนางนั้นช่างโง่เขลาเพียงไหน 
已经是最新一章了
加载中