ตอนที่ 22 เสว่เยว่กงจื่อ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 22 เสว่เยว่กงจื่อ
ต๭นที่ 22 เสว่เยว่กงจื่อ คังเสี้ยเหอเห็นชายารองติงเดินไปยังลาน พลันก้มหน้าจัดเสื้อผ้า และเดินอย่างช้าๆ เดินไปอยู่ตรงหน้าไป๋หลี่รุ่ย โค้งคำนับเขาหนึ่งที และพูดขึ้นว่า “ขอบพระคุณยิ่งที่ไท่จื่อทรงช่วยเหลือ” นางยืดคอขึ้น แสดงท่าทางอ่อนแอ หวังได้รับความเมตตาจากไท่จื่อ แต่รออยู่นาน กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆ พลันเงยหน้าขึ้น เห็นไป๋หลี่รุ่ยกำลังมองไปอีกทางด้วยความสนใจ จึงมองตามด้วยความใคร่รู้ พอได้เห็นเข้า พลันรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่คังเสี้ยเหอ ไป๋หลี่หรุ่ย แม้แต่อ๋องคังและคนอื่นๆก็รู้สึกยากที่จะเชื่อ พวกเขาเห็นจี้อี้กำลังเช็ดคราบเลือดให้คังเสว่มี่ ไม่เพียงเท่านั้น และยังเห็นคังเสว่มี่ป้ายโคลนบนมือของจี้อี้ จี้อี้ไม่เพียงแต่ไม่ยกมือหนี กลับยิ้มด้วยความเอ็นดู ทุกคนต่างก็รู้ว่า จี้ซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องจี้นั้น ถูกเรียกว่าเสว่เยว่กงจื่อ เหตุผลหนึ่งเพราะว่าเขาใส่หยกขาวพระจันทร์เสี้ยวตรงหน้าผาก ระยิบระยับใสแวววับ เป็นของดีที่หายาก เหตุผลที่สองคือเขารักสะอาด ไม่ให้คนเข้าใกล้เกินสามฟุต และไม่สามารถทนกับของความสกปรกได้แม้แต่น้อย ใส่ใจกับทุกสิ่งอย่าง จะทนให้คนอื่นป้ายโคลนบนมือได้อย่างไร แม้สาวงามอันดับหนึ่งของประเทศฉีเทียน กู่เมิ่งเสวียนหลานสาวของกู่เฉิงเสี้ยง ที่รู้จักกับจี้ซื่อจื่อแต่เด็ก และมีความพิเศษกว่าคนอื่นๆ ยังไม่สามารถเข้าไปใกล้เขาในระยะสามฟุตได้ ต้องอยู่ห่างอย่างน้อยสามฟุต ว่ากันว่า ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกฏข้อนี้ ส่วนที่เลยจะหายไปในทันที เพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายส่วนที่เหลืออยู่ อยู่ห่างจากจี้ซื่อจื่อสามฟุต ร่างกายของเหยาเซิงนี้ ค่อนข้างปิดตนเอง ไม่สนใจเรื่องข้างนอกนัก จึงไม่รู้ว่าจี้อี้มีนิสัยประหลาดอย่างนี้ ความจริงแล้วนางแค่ระบายความไม่พอใจเท่านั้น ณ ตอนนี้ ไป๋หลี่รุ่ยรู้สึกไม่ชอบใจนัก หันไปมองจี้อี้และคังเสว่มี่ที่อยู่หน้าตรง เม้มปากแสดงความไม่พอใจ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ว่ากันว่าจี้ซื่อจื่อไม่ชอบให้คนเข้าใกล้เกินสามฟุต ดูเหมือนวันนี้ ไม่ได้เป็นไปตามที่พูด” จี้อี้ยังคงยิ้มเหมือนเดิม ราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงอะไร มือก็ยังคงเช็ดแผลบนหน้าผากอย่างอ่อนโยนและระมัดระวัง และพูดขึ้นว่า “ความเคยชินบางอย่าง ก็เลือกคนเหมือนกัน” ไป๋หลี่รุ่ยชะงัก ตอนที่จี้อี้ยืนข้างเขานั้น ระยะห่าง ไม่มากและไม่น้อยไป สามฟุตพอดี นั่นหมายความว่า ในใจของจี้อี้ ไท่จื่ออย่างเขา ยังสะอาดสู้คังเสว่มี่ไม่ได้งั้นรึ เหยาเซิงเพิ่งเข้าใจว่า ที่คนเหล่านั้นมองนางอย่างประหลาดใจ ไม่ใช่ว่านางไม่สอดคล้องกับค่านิยมในสังคมนี้ แต่เพราะว่าเขามีโรคกลัวความสกปรก นางกระพริบตา แล้วจ้องไปที่รอยดำเหล่านั้น และพูดอย่างไม่จริงใจเท่าไหร่ว่า “ให้ข้าช่วยเช็ดให้หรือไม่” จี้อี้มองดวงตาแวววาวคู่นั้นของนาง แวววับเป็นประกายราวกับหมอกที่ปิดบังท้องฟ้าไว้ ยังไงก็ไม่สามารถมองเข้าไปเห็นก้นบึ้งของหัวใจได้ ยังไงก็ถูกปิดไว้ด้วยสีอ่อนนุ่มชั้นนอก หากเขาให้นางเช็ดจริงๆ มีหวังยิ่งเช็ดยิ่งสกปรก “ไม่ต้องแล้วล่ะ” จี้อี้ทิ้งผ้าเช็ดหน้าไปข้างๆ ทำเหมือนทิ้งของไม่มีค่าอะไร และพูดขึ้นอย่างช้าๆว่า “เช็ดไม่สะอาดแล้วล่ะ ต้องล้างสามรอบ” เหยาเซิงเมื่อได้ยินประโยคหน้าก็รู้สึกสบายใจ แต่เมื่อได้ยินประโยคหลังก็พลันรู้สึกคันเคี้ยว รู้อยู่แล้วว่าจี้อี้ไม่ใช่คนดีอะไร โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ไป๋หลี่รุ่ยเห็นทั้งสองไม่สนใจคนรอบข้าง สีหน้าบึ้งตึง สายตาไปหยุดอยู่บนใบหน้าของเหยาเซิง ใบหน้านั้นไม่มีความแตกต่างจากแต่ก่อน แต่เมื่อเทียบกับแต่ก่อนก็ไม่มีเขาในสายตายิ่งกว่าเดิม ไม่รู้ว่าทำไม ยิ่งโกรธเคือง น้ำเสียงยิ่งไม่พอใจ “อ๋องคัง บัดนี้จวนจะสายแล้ว เกรงว่าผู้ร่วมงานด้านหน้าจะรอนานเกินไป สักประเดี๋ยวข้าต้องไปรายงานเรื่องมงคลในงานฉลองวันเกิดกับเสด็จพ่ออีก” เมื่อได้ยิน อ๋องคังก็ละสายตาจากจี้อี้และเหยาเซิง และพูดกับไป๋หลี่รุ่ยและจี้อี้ว่า “เชิญไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยและจี้ซื่อจื่อ”
已经是最新一章了
加载中