ตอนที่ 45 ไม่มีอะไรจะพูด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 45 ไม่มีอะไรจะพูด
ต๭นที่ 45 ไม่มีอะไรจะพูด คังเสว่มี่หัวเราะเงียบๆออกมา ในปัจจุบันนี้ ทุกคนต่างรู้ดี ไม่ใช่เพราะการโกงเงินเพื่อให้ได้ทักษะมา เพียงแค่แตะเล็กน้อย ก็บอกว่าเจ็บปอดขึ้นมาทันใด แน่นอน นางบอกเช่นนี้กับหมอหลวงไม่ได้ ว่าเทวดาไม่เคยเรียนวิชาทางการแพทย์มาก่อน หลังจากที่กลอกตาไปมาแล้ว ก็กัดริมฝีปากก่อนพูดขึ้นมาว่า : “ข้าไม่เข้าใจวิชาทางการการแพทย์ แต่ประสบการณ์..... ตลอดทั้งปี......ตลอดทั้งปีที่ผ่านมาจึงพอรู้บ้าง......” น้ำเสียงยิ่งพูดยิ่งดูเบาลง จนแทบจะไม่ได้ยินในท้ายที่สุด ราวกับเสียงทอดถอนใจอย่างจนปัญญา หมอหลวงอึ้งงันไป ดวงตาของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าก็ดูหมองลงอย่างรวดเร็วเมื่อพูดประโยคเมื่อสักครู่ออกมา รอยยิ้มบางๆนั้นค่อนข้างข่มขื่นจนแทบจะมองไม่เห็น เขาเข้าใจได้ในทันที ว่านางคงถูกเตะออกมาหลายครั้ง ถูกตีหลายครั้ง เมื่อรู้เรื่องการเจ็บปวดเหล่านี้ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันใด หมอหลวงอาวุโส.......ตระกูลราชวงศ์เหล่านี้อดที่จะทอดถอนใจออกมาไม่ได้ จึงไม่พูดให้มากความอีก นอกจากก้มหน้าจับชีพจรแก่ชวนหลัน จนพลาดสายตาที่เปล่งประกายแห่งความเฉลียวฉลาดอันคมกริบออกมาของคังเสว่มี่ไป เดี๋ยวหมอหลวงไปตรวจอาการบาดเจ็บของอ๋องคังต่อแล้ว รอให้เขาพูดเรื่องที่คังเสี้ยเหอทำอะไรต่อหน้าของอ๋องคังเสียก่อน เพราะคำพูดที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองเมื่อสักครู่ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับคังเสว่มี่แต่อย่างใด นางไม่พูดสิ่งใดออกมา เมื่อหมอหลวงช่วยชวนหลันจับชีพจรแล้ว เมื่อมั่นใจว่าไม่เป็นอะไร จึงเลยให้ยาทาที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตชุดหนึ่ง ตะวันในยามสายัณห์ก็ตกคล้อยลงพอดี หลังจากที่ไปส่งหมอหลวงออกจากตำหนักแล้ว ชวนหลันก็หมุนตัวกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับถือน้ำและผ้าที่สะอาดๆอยู่ในมือ ใครจะไปรู้เมื่อปรายตามอง ก็เห็นคังเสว่มี่กำลังนอนอยู่บนเตียงตัวเตี้ยอันสวยงามอยู่ ดวงตาปิดสนิท ขนตาเรียวยาวที่แผ่อยู่บนหนังตา ราวกับว่าได้หลับอย่างสนิทไปแล้ว นางจึงเดินเข้าไปเบาๆ วางน้ำลงบนตู้ แล้วถอยออกไปเบาๆอีกครั้ง ผ่านไปหนึ่งวัน คุณหนูต้องเหนื่อยเพลียมากแน่ ๆ ให้คุณหนูพักผ่อนสักหน่อยเถอะ คังเสว่มี่เหนื่อยเพลียอย่างแท้จริง ความเจ็บปวด บวกกับร่างกายที่เสียเลือดมาทั้งวัน จึงอ่อนเพลียอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เมื่อได้ยินชวนหลันเข้ามาในห้อง วางของไว้ แล้วเขย่งเท้าออกจากห้อง จนกระทั่งประตูปิดลง ดวงตาที่ปิดอยู่ นางพลิกตัวและเข้าสู่นินราไปในที่สุด ดวงอาทิตย์ลาดเอียงไปทางทิศตะวันตก แสงสว่างเรืองรองสีเหลืองอมส้มก็ได้สาดส่องเข้ามาในห้องเล็กๆแห่งนี้ ส่งผลให้เสื้อผ้าที่อยู่ในเขตเรือนเปล่งประกายสีสันเรืองรองออกมา ณ เมืองฉีเทียน อาคารไม้ไผ่สามชั้น ภายนอกดูงดงามวิจิตรการตา ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีต ราวกับรูปแบบที่ถูกจัดวางไว้แล้ว งดงามจนยากที่จะพรรณนาออกมาได้ เป็นสถานที่ที่ไว้ชมดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ดีที่สุดในเมืองหลวง เมฆที่มีแสงเรืองรองในเวลาพลบค่ำเชื่อมต่อขอบทะเลแสงอรุโณทัยระหว่างฟ้าดินไว้ ริ้วคลื่น กระโดด ม่านหมอก หนักแน่น ราวกับเป็นภาพวาดน้ำมันที่เข้มข้นมาก ตัดสลับกับความสมจริงและไม่สมจริง บนอาคารไม้ไผ่ คนผู้หนึ่งสวมใส่ชุดคลุมสีไม้ไผ่ตัวใหญ่ยืนประสานมือไว้ด้านหลังกำลังมองไปทางแสงสว่างของหิมะ ที่ล่องลอยพริ้วไปมาอยู่บนฟากฟ้า ด้านหลังของเขา เดิมทีเป็นฉากกั้นประกอบไปด้วยดอกไม้ทั้งสี่ชนิดอย่าง ดอกพลัม ดอกกล้วยไม้ ไผ่ และดอกเบญจมาศ ในช่วงเวลาที่เงียบงัน ได้ปรากฏเงาสูงใหญ่ร่างหนึ่ง ยืนอยู่ด้านหลังของเขา และยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ โค้งตัวเพื่อแสดงท่าทางเคารพ: “ฉวี่ซางของเข้าเฝ้าซื่อจื่อ ตามความคาดหวังของซื่อจื่อ หลังจากงานฉลองวันประสูติแล้ว รัชทายาทก็ไปยังตำหนักของคุณหนูทันที แล้วอยู่ที่นั้นกว่าครึ่งชั่วยาม เมื่อได้ยินคำพูดของซื่อจื่อ ก็ได้เดินทางมาถึงเรือนตะวันออกเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้ซื่อจือจะเดินหน้าต่อ หรือค่อยว่ากันอีกครั้งพะยะคะ?” จี้อี้ค่อยๆหันกลับไป แววตาที่ลึกซึ้งและเงียบงันได้ทอดมองไปออกไปยังความขมุกขมัวที่ไร้ขอบเขต ท่าทางที่สง่าผ่าเผย ดื่มด่ำกับช่วงเวลาดีๆอันเงียบสงบ เขาเม้าปากหัวเราะออกมาเบาๆ ต่อเรื่องที่ตัวเองได้คาดเดาไว้ โดยไม่มีความประหลาดใจสักนิด ราวกับรู้มาก่อนแล้ว จากนั้นก็ค่อยโพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงรื่นหูว่า : “ไม่ไป” 
已经是最新一章了
加载中