ตอนที่ 63 ขอประทานอภัยบรรพบุรุษ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 63 ขอประทานอภัยบรรพบุรุษ
ต๭นที่ 63 ขอประทานอภัยบรรพบุรุษ ถอนรากต้องเอาให้ถึงโคน ตัดจิตคำนึงหาของเขาได้ถึงจะเป็นความจริง ดวงตาของคงเสว่มี่กวาดไปในความมืดมิด จากนั้นก็โยนขาของคังวี่จิ่น มือขวาค่อยๆวางลงในอ้อมแขนอย่างช้าๆ ใบหน้าที่ขาวเนียนดุจอัญมณี ปรากฏสีหน้าลำบากใจออกมา และยังแฝงไปด้วยความไร้เยื่อใย จากนั้นก็กัดฟันพลางพูดขึ้นว่า: “คังวี่จิ่น เพื่อไม่ให้เจ้ามายังร้านอาหารจุ้ยเซียนอีกในวันข้างหน้า อย่าทรยศต่อความหวังของข้า ถึงแม้ว่าวิธีการนี้จะทำให้เจ็บปวดใจ เจ็บปวดใจมาก และบางทีข้าก็ยังรู้สึกลำบากใจมากก็ตาม แต่ วันนี้ข้าต้องแก้ไขปัญหาที่หยั่งรากลึกให้จงได้!” สายตามุ่งมั่นราวกับหมาป่าของนาง ได้ขู่คังวี่จิ่นจนคลานถอยร่นไปด้านหลังก้าวหนึ่ง พร้อมกับใช้สายตาจ้องเขม็งไปทางมือที่ที่สอดอยู่ในอ้อมแขนของคังเสว่มี่ : “เจ้า น้องสาว น้องสาว.....อย่าใจร้อนไปเลย ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าใจร้อนเลย เช่นนี้ต้องไปขออภัยโทษต่อท่านพ่อ อภัยโทษต่อบรรพบุรุษของตระกูลหมิงทั้งหมด!” คังเสว่มี่กวาดสายตาไปมองยังขาที่หนีบเขาไว้แน่นแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดจาเยาะเย้ยออกมาว่า : “เอาแต่อยู่ในร้านอาหารจุ้ยเซียนทุกวัน ยังคิดถึงอะไรเหล่านี้ด้วยหรือ? !” คังวี่จิ่นอึ้งงันไป “งั้นเจ้าจะล้วงอะไรออกมา ไม่ใช่มีดหรอกใช่ไหม?” สังหารชีวิตของเขาใช่ไหม? “ใครจะไปถือมีดมา” คังเสว่มี่เยาะเย้ยออกมาเบาๆ จากนั้นก็ลูบไปบนป้ายหยกในอ้อมแขน “ข้าต้องไปหาเถ้าแก่ของร้านอาหารจุ้ยเซียน ให้เขาห้ามไม่ให้เจ้าเข้ามาหลังจากนี้!” ป้ายหยกที่หลอกลวงมาจากในมือของไป๋หลี่รุ่ยชิ้นนี้ มีมูลค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ การเปิดร้านอาหารจุ้ยเซียน ย่อมต้องทำธุรกิจค้าขายอย่างแน่นอน ทำค้าขายก็เพื่อหาเงิน หากนำป้ายหยกให้แก่เถ้าแก่ของร้านอาหารจุ้ยเซียน เขาจะไม่ต้อนรับคังวี่จิ่นหลังจากนี้อีกต่อไป นางตั้งใจจะช่วยความปรารถนานี้ของเจ้าขางร่าง หลังจากตัดสินใจได้แล้ว คังเสว่มี่มองไปทางคังวี่จิ่นที่ตกอยู่ในอาการอึ้งงัน “เจ้ารู้ว่าห้องของเถ้าแก่ร้านอาหารจุ้ยเซียนอยู่ห้องไหนใช่ไหม?” “ห้องฝั่งนั้นที่ไม่มีป้ายชื่อที่อยู่ด้านในสุด........” คังวี่จิ่นชี้ไปทางด้านซ้าย หลังจากที่เงาของคังเสว่มี่ลับหายไปตรงหน้า จึงได้มองนิ้วมือของตัวเองอย่างอึ้งๆ แล้วทำไมเขาต้องชี้ให้นางด้วยละ! หลังจากที่มองไปทางห้องๆหนึ่ง คังเสว่มี่ก็ไปหาห้องที่อยู่ด้านซ้ายไปตลอด แต่ก็ไม่มีบล็อกไหนที่ไม่มีป้ายชื่อติดไว้สักห้องเดียว นางครุ่นคิดอยู่สักพัก บางทีคังวี่จิ่นก็อาจจะชี้ไปด้วยอาการวิงเวียนก็เป็นได้ ทางขวาละ? จึงได้เปลี่ยนความคิด ไม่นานก็เจอห้องที่ไม่มีป้ายชื่อ ด้านในสุดห้องหนึ่ง นางเองก็รู้ว่าเจ้าคังวี่จิ่นผู้นั้นไว้ใจไม่ได้ และเขาก็ยังแยกแยะซ้ายขวาไม่ชัดเจนอีกด้วย คังเสว่มี่จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็ยื่นมือไปเคาะประตู “ขอถามหน่อย มีคนอยู่ไหม?” ไม่มีเสียงดังมาจากข้างใน จึงได้เคาะอีกครั้ง “ขอถามหน่อย มีคนอยู่ไหม?” ก็ยังไม่มีเสียงดังมาจากด้านใน แต่ครั้งนี้ กลับกระชากประตูเปิดออกด้วยตัวเอง คนของร้านอาหารจุ้นเซียน ไม่ชินกับการลงกลอนอย่างนั้นหรือ? ผ่อนคลายเกินไปหรือเปล่า คังเสว่มี่ยื่นหน้าเข้าไปข้างในจากตรงซอกประตู จากนั้นก็เห็นเพียงแค่ชายกระโปรงสีแดงที่พาดอยู่บนหัวมั่งนั่งตัวหนึ่ง ดูท่าน่าจะมีคน งั้นก็ดีสิ นางผลักประตูเข้าไป ทางเข้าออกเป็นระเบียงทางเดินสีไม้ไผ่ ดูเหมือนว่าห้องนี้จะดูหรูหรามากกว่าห้องยิ่งเยว่ของคังวี่จิ่น มีความสง่างามบางๆอยู่ในความหรูหรานี้ และไม่ใช่แค่เพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดูหรูหราราคาแพงเท่านั้น แต่ยังประดับตกแต่งด้วยภาพวาดของเม่ยหลานแทรกไปมาอยู่ระหว่างห้องอีกด้วย ดูดีสง่างามมีระดับเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีกลิ่นหอมจางๆราวกับดอกซากุระลอยตลบอบอวลอยู่ในอากาศ มันช่างหอมหวานแต่ไม่หวานเลี่ยนแต่อย่างใด เมื่อผ่านระเบียงทางเดินไป ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าก็ขยายขึ้น ที่ว่างก็กว้างมากขึ้น แต่ระหว่างห้อง กลับมีแม่นางที่สวมใส่ชุดสีแดงสูงนาวกำลังนั่งก้มหน้าไม่รู้ว่าทำอะไรบางอย่างอยู่ “สวัสดี ขอถามหน่อย เจ้าเป็นเถ้าแก่ของร้านอาหารจุ้ยเซียนหรือไม่?” 
已经是最新一章了
加载中