บทที่ 84กัดให้ตายไปเลยจี้อี้คนใจดำ 4   1/    
已经是第一章了
บทที่ 84กัดให้ตายไปเลยจี้อี้คนใจดำ 4
บ๗ที่ 84กัดให้ตายไปเลยจี้อี้คนใจดำ 4 เขายกมือที่ขาวเนียนขึ้นมาจับที่ริมฝีปากตัวเอง แล้วรับรู้ถึงผิวหนังที่เรียบเนียน ที่เห็นเป็นรอยเขี้ยวอย่างชัดเจน แล้วเขาก็ลูบไล้ไปมา เหมือนกับกำลังสัมผัสรสชาติขิงชีวิตที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ผ่านไปพักใหญ่ เขาก็ยิ้มออกมาเบาๆ แล้วก็เอามือออกไป มองไปยังสาวน้อยที่อยู่ในอกของเขา ที่นอนหลับอย่างมีความสุขอีกครั้ง ที่จริงเขาเองก็ไม่เคยทำอะไรให้นางมาก่อน และก็เคยเจอกันมาก่อนแค่ครั้งเดียว แถมยังช่วยให้นางรอดพ้นจากการกระทำของคนชั่ว และก็เป็นพยานที่สำคัญที่สุดอีกด้วย แต่ทำไมพอนางเห็นเขา ถึงแม้จะเป็นตอนที่นางมีอาการเมา แต่นางก็ยังเกลียดจนกัดกรอด เห็นแล้วยิ่งน่าหมั่นไส้ เวลาก็พลันผ่านไปเรื่อยๆ พระอาทิตย์ก็เริ่มลดต่ำลงเรื่อยๆ คนก็เริ่มเข้ามาเดินในถนนสายนี้มากขึ้น พร้อมกับลมร้อนที่พัดผ่านเข้ามา และค่อยๆเป็นค่อยๆไป ร้านค้าตามข้างทางก็เริ่มเช็ดขี้หูขี้ตาออกมาเพื่อให้หายง่วง แล้วก็พลันพากันออกมาต้อนรับลูกค้า รถม้าก็ได้วิ่งออกมาจากถนนดอกไม้ไฟวิ่งไปถึงไหนก็ได้ยินแต่เสียงตะโกนเรียกลูกค้า ผู้คนตามสองข้างทางที่มองเห็นรถม้า ก็พากันถยอยถอยห่างออกไป เพื่อให้รถม้าวิ่งได้สะดวกมากขึ้นและไม่เข้าไปขวางทาง เป็นรถม้าที่ไม่ได้ประดับตกแต่งด้วยทอง และก็ไม่ได้มีชื่อติดไว้ว่ามาจากตำหนักไหน แต่เป็นรถม้าที่ทำจากไม้จันทน์ที่ไม่มีใครเหมือน และก็เป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนต่างรู้จัก ว่าคนที่นั่งอยู่ในรถม้านั้นเป็นใคร ฉวี่ซางที่มีสีหน้าอ่อนโยนก็ติดตามรถม้ามาติดๆ รถม้าวิ่งผ่านประตูแล้วก็วิ่งไปข้างหน้าต่อ จนเขามาในอาณาเขตของตำหนักอ๋องคัง ประตูทางเข้าของตำหนักอ๋องคังเคลือบน้ำมันอย่างสวยงาม แล้วก็มีหัวสิงโตสองหัวอยู่คนละฝั่งซ้ายขวาตรงทางเข้า ข้างบนก้สลักชื่อโดยใช้ทองคำ และเขียนด้วยตัวอักษรที่สละสลวย“ตำหนักคัง“สามคำ เสี่ยวซีที่อยู่ข้างประตูก็พลันมองเห็นรถม้าไกลๆ แล้วรอให้รถม้าวิ่งมาหยุดลงที่ตำหนัก เขาก็รีบสั่งการให้คนเข้าไปรายงานท่านอ๋องและอาชีทันที แขกคนนี้เป็นแขกที่สูงส่งมาก ปกติแล้วไม่มีใครหน้าไหนกล้าเข้ามา อาชีได้ยินข่าวของเสี่ยวชี ก็แทบจะไม่อยากเชื่อ จึงรีบส่งคนเข้าไปรายงานท่านอ๋องทันที แล้วตัวเองก็เข้าไปแต่งตัวครู่นึง แล้วพลันวิ่งออกไปรับหน้าที่ประตูใหญ่ทันที พึ่งออกไปจากประตู สายตาก็หันไปเห็นฉวี่ซางที่ยืนอยู่หน้ารถม้า แล้วก็พลันส่งยิ้มมาให้ พลางยกมือทักทาย:“อาหนองทำความเคารพท่านจวู่“ ฉวี่ซางและอาชีเคยเจอหน้ากันมาสองครั้ง เขาเองก็รู้ดีว่าเมื่อก่อนอาชีก็เคยเป็นขุนนางมาก่อน เพราะเขาจงรักภักดีต่ออ๋องคัง พอหลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บก็ออกจากงาน แล้วก็มาคอยรับใช้อ๋องคัง ฉวี่ซางส่งสายตาไปหาเขาด้วยความเคารพพลันพูดขึ้น:“อาชีไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก วันนี้ที่ข้าก็เพราะว่ามีเรื่องมารบกวน ที่จริงก็เป็นเรื่องของคุณหนูของตำหนักคังแหละ ถึงทำให้ข้าได้มาที่นี่“ พออาชีได้ยินแบบนั้น ใบหน้าก็แสดงความสงสัยออกมาทันที แล้วถามขึ้น:“เป็นคุณหนูท่านใดหรือ ถึงได้บังอาจไปรบกวนให้จี้ซื่อจื่อมาส่งแบบนี้ได้?“ ในใจเขาก็พลันขบคิดขึ้นมาทันที คุณหนูสามขาก็ไม่ค่อยดี ตอนนี้ก็เอาแต่รักษาอยู่ในห้องไม่ได้ออกไปไหน ส่วนคุณหนูสี่กับคุณหนูห้าคุณหนูหก วันนี้ก็ไม่ได้ออกไปไหน มีเพียงคนเดียวที่เป็นไปได้คือคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองที่ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ฉวี่ซางยิ้มเบาๆ“วันนี้ซื่อจื่อไปเดินเที่ยวข้างนอกมาแล้วบังเอิญเจอเข้ากับคังซื่อจื่อ เขากอดหญิงสาวนางหนึ่งเอาไว้ แล้วบอกว่าเป็นน้องสาวตัวเอง แล้วขอให้ซื่อจื่อช่วยพานางมาส่งที่ตำหนัก“ อาชีมีสีหน้าที่ดูจะตกใจนิดนึง แล้วก็พลันกวาดตามองซ้ายทีขวาที นอกจากรถม้าแล้ว ก็เหมือนเขากำลังมองหาอะไรบางอย่างจนเขามั่นใจแล้วว่าข้างหน้าและข้างหลังรถม้าไม่มีใครแล้ว ก็พลันพูดขึ้นด้วยความสงสัย: “ขอบังอาจถามท่านจวู่ คุณหนูที่ซื่อจื่อพามานั้นตอนนี้อยู่ที่ใดหรอ ข้าจะได้ส่งรถม้าไปรับนางมา“ อาชีก็ไม่ได้รู้เรื่องว่าทำไมคังซื่อจื่อถึงได้ขอร้องจี้ซื่อจื่อให้มาส่ง แล้วก็หญิงสาวผู้นั้นเป็นใครกันแน่ เขาเองก็ยังไม่รู้ ตามที่เขารู้มา คังซื่อจื่อถึงแม้จะเอาแต่เที่ยวอยู่ที่ชิงโหลว แต่ครั้งนี้ก็ไม่น่าจะทำอะไรนอกเหนือจากที่ผ่านมาหรอก คงไม่มีทางไปเอหญิงสาวที่ชิงโหลวมาเป็นน้องสาวตัวเองหรอก
已经是最新一章了
加载中