ตอนที่82ขี้ขลาด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่82ขี้ขลาด
ตอนที่82ขี้ขลาด อ้อยดึงมุมหนึ่งของชุดว่ายน้ำของส้มเขาเชื่อนิดหน่อยแดดดี๊คนนี้น่าสงสารจริงๆหัวก็ลังมีเลือดไหลอยู่ยังกังวลว่าพวกเราจะเชื่อไหมอีก“ส้มใช่แดดดี๊นั่นแหละ” เสียงต่ำๆที่ปนไปด้วยความขี้ขายและขี้ขลาดแต่เพ็ญนีติ์กลับได้ยินทำให้ตนเองหยุดเดินเองไม่รู้ตัวพวกเด็กๆในที่สุดก็ยังอยากมีแดดดี๊ที่ให้กำเนิดตัวเองอันนี้ตั้งแต่พวกเขารู้ความก็ปารถนามาตลอดเฝ้าคอยมานานมากแล้วตอนนี้เธอยังอยากจะสร้างความคลุมเคลือให้เด็กๆอีกหรอ? นั่นมันโหดร้ายเกินไปไม่ยุติธรรมกับเด็กๆเลย เธอถอยกลับมาในทันทีผู้ชายที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งตัวลุกขึ้นยืนบางทีเป็นเพราะอยากทำให้เด็กๆเชื่อเขาล่ะมั้งอะไรเขาก็ไม่ได้คิดเพราะวัตถุประสงค์นั้นทำให้เขาพุ่งตรงไปยังเพ็ญนีติ์รู้สึกถึงเขาที่อยู่ข้างหน้าแต่เพ็ญนีติ์เพิ่งจะนึกอยากหนีไปแต่ก็ถูกปุริมรวบตัวไปอยู่ในอ้อมแขนขาเขาเจ็บอยู่หัวก็เจ็บแต่แขนกับหน้าอกของเขาไม่ได้เจ็บ ตัวของเธอที่หันไปถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับคนตรงหน้าใบหน้าที่หลอเหลาของเขาก็ก้มลงมาแสงแดดค่อยๆลดลงริมฝีปากที่แวววาวถูกปิดด้วยริมฝีปากเพ็ญนีติ์เหมือนลอยอยู่ในอากาศปุริมค่อยจูบอย่างนุ่มนวลราวกับขนนกที่ตกลงมา อย่างนุ่มนวลแต่คล้ายกับว่าสงสารเขาปิดตาลงเธอคือแม่ของเด็กๆเขาจูบเธอก็ถูกต้องแล้ว เมื่อวานตอนเย็นเขายังต้องการเธอ แต่ว่าเป็นเพราะพนินีที่หนีไป พนินีแค่คิดก็เจ็บปวดแล้วดังนั้นจูบนี้ก็เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะเขานึกถึงพนินีไม่มีพนินีบนตัวเขาก็ไม่ต้องเจ็บแต่ว่าทั้งหมดก็เป็นไปโดยธรรมชาติ “แปะๆ…….”มือเล็กๆของทั้งคู่ปรบมือ“หม่ามี๊กับแดดดี๊จุ๊บๆกันแล้วหม่ามี๊กับแดดดี๊จุ๊บๆกันแล้ว……” ตะโกนไม่หยุดคล้ายกับว่านี่เป็นข่าวใหม่ข่าวดังแล้วก็ไม่สนคนรอบข้างว่าจะมองมาไหม หมดกันภาพลักษณ์ของเธอเพ็ญนีติ์รีบดินให้หลุดจากปุริมก้มหน้ามุดจะพูดก็พูดไม่ออก “หม่ามี๊เขาเป็นแดดดี๊ของพวกหนูแล้วใช่ไหม?” เพ็ญนีติ์หน้าแดงโชคดีที่ปุริมที่เพิ่งเหมือนแมลงปอตกน้ำ“พอแล้วอ้อยส้มตอนนี้ก็กลับโรงแรมได้แล้วใช่ไหม” ปุริมยิ้มๆมองไปที่เด็กทั้งสองคนในชุดว่ายน้ำเขาก็หลงรักสุดหัวใจแล้วยิ่งเป็นอ้อยกับส้มเขาก็อ้าแขนสองข้างอีกครั้ง“มามาให้แดดดี๊อุ้มพวกหนูหน่อย” อ้อยกับส้มแทบไม่ต้องคิดอย่างไงแล้วแต่มีแดดดี๊ก็ถือว่าดีแล้วเพราะหม่ามี๊จุ๊บๆกับแดดดี๊แล้วพวกเธอก็พลอยมีความสุขไปด้วยที่จะมีแดดดี๊แล้วดังนั้นจึงเก็บความสงสัยทั้งหมดเก็บไว้ข้างในพวกเขาสองคนอยากลิ้มรสการมีแดดดี๊กอดบ้างแทบไม่คิดตอนแรกที่ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นแดดดี๊ไหมตอนนี้แน่ใจแล้ว คิดๆอยู่ขาทั้งสองข้างๆของเด็กก็วิ่งเข้าไปหาปุริมวิ่งไปด้วยตะโกนไปด้วย“พวกเรามีแดดดี๊แล้วพวกเรามีแดดดี๊แล้ว” หลังจากเห็นสายตาที่มีความสุขของเด็กๆเพ็ญนีติ์ก็หัวเราะออกมาได้เป็นการได้หัวเราะในรอบหลายปี ไม่เคยคิดว่าหลังจากที่ปุริมได้รู้จะมีปฏิกิริยาแบบนี้ถ้ารู้เร็วกว่านี้เธอก็คงจะบอกให้เร็วกว่านี้ หรือว่าตอนนี้ก็ไม่สายไปหรอกมั้งใช้เวลานานมากกว่าได้ผลลัพธ์ที่เด็กๆพอใจ มองไปที่ปุริมกำลังอุ้มอ้อยกับส้มอยู่เธอก็คิดขึ้นมาว่าตราบใดที่เขายังดีดับเด็กๆตราบใดที่เด็กๆไม่ถูกคนอีกเรียก“ข้าวนอกนา”ถ้าเป็นแบบนั้นแม้ว่าเขาจะไม่แต่งงานกับเธอแม้ว่าจะไม่ถูกหลักธรรมนองคลองธรรมเธอก็ยังเต็มใจ แค่คิดว่าขอแค่เด็กๆมีความสุขก็พอแล้ว หมุนเป็นวงกลมไม่รู้ว่าเขาไปเอาแรงมาจากไหนนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะอุ้มเด็กๆสองคนนั้นอย่างไม่เหนื่อยจนสุดท้ายอ้อยกับส้มเหมือนจะเวียนหัวเธอก็ด้วยมึนหัวไปหมด“แดดดี๊หยุดก่อนหนูเวียนหัว” “ฉันก็เหมือนกัน” ปุริมถึงได้หยุดแต่ไม่ปล่อยอุ้มพวกเธอแล้วเดินไปที่เพ็ญนีติ์“ไปเถอะพวกเรากลับโรงแรมเถอะ” “แช้ะๆ”ชาวต่างชาติสองคนนั้นเริ่มถ่ายรูปอีกแล้วแต่ครั้งนี้เพ็ญนีติ์ไม่หยุดแล้วแค่อยากจะกลับโรงแรมให้เร็วที่สุดทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดทำให้คิดว่าราวกับฝันไปไม่ใช่ความจริงในที่สุดเด็กๆก็ยอมรับเขาแล้ว ยอมรับแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมใจของเธอดูเหมือนยังลอยเหมือนเมฆอยู่ระหว่างเธอกับเขามันมีช่องว่างที่กว้างเกินที่จะข้ามไปไม่รู้ว่าจะข้ามไปได้ไหมแต่ว่าเพื่อเด็กๆเธอจะพยายาม “นายท่านแผลของคุณ….”ไม่ไกลเท่าไหร่นรวรก็รีบเข้ามาเลือดที่หน้าผากของปุริมสามารถมองเห็นได้แต่ไกล เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมันช่างอบอุ่นจริงๆอบอุ่นจนไม่อยากรบกวนเขาแต่ว่าความเจ็บของปุริมทำให้เขาทนไม่ได้ที่จะออกมา “เอากล่องปฐมพยาบาลมาไปเปลี่ยนในโรงแรม” “ได้”นรวรวิ่งไปที่รถไปหยิบมาเพ็ญนีติ์กับปุริมต้องเดินไปพร้อมกันค่ะเด็กๆที่ปุริมอุ้มอยู่ค่อยไถลลงมากระโดดไปวิ่งไปอยู่ข้างหน้าอย่างมีความสุขเด็กๆยังคงจมอยู่กับความสุขของการมีแดดดี๊อยู่ทำให้ไม่ได้มองมา สายลมที่พัดผ่านพัดผมของเธอพลิ้วไสวเบาๆไม่ได้มองเขาเธอถามเสียงเบาๆ“ปุริมคุณแน่ใจแล้วใช่ไหมว่ารู้จักกับเด็กๆแล้ว” “ใช่”เขาพูดอย่างมั่นใจ “คุณไม่กลัวว่าฉันหลอกคุณหรอ?”ฉันคิดว่าเขาต้องไปทดสอบอะไรมาแน่ๆถึงได้รู้จักอ้อยกับส้มแต่เขาไม่ได้ทำเขาตรงมาจากเมืองTก็รู้จักเด็กๆแล้วนี่ทำให้เธอประหลาดใจมาก “แต่ก่อนเวลาที่เธอหลอกฉันฉันเชื่อเธอหมดถ้างั้นตอนนี้เธอพูดความจริงอยู่ฉันสามารถสงสัยได้ไหม?” ใช่แล้วตอนแรกที่เธอเริ่มหลอกเขาเขาเชื่อเธอจริงๆ ไม่ได้พูดอะไรออกไปคำตอบของเขาคมกริบจริงๆ “ฉันหวังว่าคุณจะสามารถมอบความสุขให้เด็กๆได้ไม่อย่างงั้นก็ไม่ต้องรู้จักพวกเธอแล้วถ้าตอนนี้คุณจะเปลี่ยนใจก็ยังทันถ้าถึงโรงแรมแล้วฉันจะบอกกับพวกเขาว่าคุณแค่ล้อเล่น” มือของเขาคว้าไหล่ของเธอไว้ให้เธอหันมามองตาของเขา“เพ็ญนีติ์เธอโง่มากเธอรู้ไหม?” เธอโง่ไหม?เธอไม่รู้แล้วก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นด้วย “ผู้หญิงคนอื่นพยายามที่จะท้องลูกของฉันหลังจากนั้นจะได้เป็นภรรยาที่ไฮโซของฉันมีแต่เธอนี่แหละที่ตั้งท้องก็ยังไม่บอกฉันเลยแล้วยังเลี้ยงดูพวกเขามาได้อยู่คนเดียวจนพวกเขาโตจริงๆแล้วเธอควรบอกฉันเร็วกว่านี้”ตั้งแต่แรกคุณปู่เคยพูบอกให้เขารับผิดชอบในพินัยกรรมของคุณปู่เขียนไว้อย่างชัดเจนแต่เธอกลับหลอกเขาตั้งแต่ต้น ปัดมือเขาออก“ปุริมคุณอย่าหลอกตัวเองเลยในใจของคุณมีใครฉันรู้ดีสามีของฉันเป็นคนที่ไม่ได้รักฉันดังนั้นฉันไม่ได้คิดว่าคุณต้องแต่งงานกับฉันจริงๆแล้วก็ไม่คิดว่าคุณจะรักฉันจริงๆฉันขอแค่คุณดูแลเด็กๆได้ดีก็พอแล้ว” บอกความรู้สึกจริงๆให้เขาฟังขอแค่ไม่ให้เด็กๆได้รับความเจ็บปวดอะไรคำพูดของเธอทำให้ปุริมตะลึงงัน“เพ็ญนีติ์ขอโทษ” เธอพูดถูกตอนนี้ในใจของเขามีแต่พนินีคนที่เขารักคือพนินีแต่ก่อนเขาพยายามที่จะเข้าไปในโลกของพนินีและพยายามลืมพนินีแต่ว่าพนินีกลับมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นลมน้อยๆไม่ดีต่อพนินี นี่ดูเหมือนจะเป็นจุดเปลี่ยน แต่ว่าเพ็ญนีติ์มีลูกๆของเขา นี่มันวุ่นวายอะไรกันเนี่ยปุริมแค่คิดก็ปวดหัวออกจากโรงพยาบาลมาเรื่องแรกที่ทำก็คือตามหาอ้อยกับส้มในเมื่อรู้แล้วว่าเด็กๆเป็นลูกของเขาถ้างั้นเขาก็จะมอบชีวิตที่ดีที่สุดให้พวกเธอแต่ก่อนชีวิตชองพวกเด็กๆไม่มีแดดดี๊อยู่สุขภาพกายและใจเลยไม่ดีพวกเธอได้รับความไม่เป็นธรรมมามากพอแล้วแต่ตอนนี้หลังจากที่ได้รู้จักกับอ้อยและส้มแล้วมันอยากที่เขาจะเผชิญหน้ากับเพ็ญนีติ์ “คุณไม่ต้องขอโทษพวกเด็กๆหรอกสำหรับฉันไม่ได้อะไรอยู่แล้ว”ปุริมคุ้นเคยกับความไม่แยแสของเธอแล้วเพียงแค่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมนภนต์ถึงบอกต้องปุริมว่าเธอมาแล้ว? “ไมได้หรอกฉันอยากมารับอ้อยกับส้มไปคฤหาสน์ของตระกูลพลสังข์” “แต่ฉันไม่อยากไป”ทำไมมันยุ่งยากแบบนี้ไหนจะเด็กๆไหนจะเพ็ญนีติ์มันยุ่งวุ่นวายไปหมดจริงๆแล้วในเวลานี้เธอไม่คิดว่าไม่เหมาะที่จะเดินเข้าไปในโลกของเขาเพราะเขากับพนินีทะเลาะกันอะไรๆมันเลยชัดเจนเขาไม่ใช่คนโง่ไม่ใช่คนโง่ตั้งแต่ไหนแต่ไร “แต่เด็กๆต้องการเธอ” “ถ้างั้นก็อย่าเอาเด็กๆไปฉันอยากอยู่กับเด็กๆปุริมคุณก็แค่มาให้พวกเขาเห็นว่าพวกเขามีแดดดี๊แค่นั้นก็พอแล้ว” “ง่ายขนาดนั้นเลย?” “ใช่”เธอบอกจุดประสงค์และความตั้งใจแรกของเธอแค่อยากให้เด็กๆได้รู้ว่าพวกเขามีแดดดี๊จริงๆหลังจากนั้นก็หนีให้ห่างจากพวกเขส “แต่ฉันอย่างแรกฉันเป็นพ่อของพวกเขาอันนี้ฉันไม่เห็นด้วยฉันจะพาพวกเขากลับตระกูลพลสังข์” “ไม่ได้” “ตกลงแบบนี้แหละ”ปุริมคัดค้านปฏิเสธเพ็ญนีติ์อย่างเร็วหลังจากนั้นก็เดินไปหาอ้อยกับส้ม“เด็กดีให้แดดดี๊จับมือพวกหนูนะเดินไปพร้อมกัน” เด็กๆสองคนหยุดทันทีหันซ้ายหันขวาก่อนจะไปจับมือกับปุริมหลังจากนั้นอ้อยก็พูดเสียงเบา“แดดดี๊หม่ามี๊เลี้ยงเราอย่างยากลำบากดังนั้นหนูกับส้มจะให้โอกาสคุณกับหม่ามี๊นะแดดดี๊ต้องแต่งงานกับหม่ามี๊เพราะหม่ามี๊เลี้ยงเราลำบากมามากแล้วคุณไม่รู้มีครั้งหนึ่งที่พวกเราไข้ขึ้นสูงหม่ามี๊รีบเรียกรถให้ไปส่งพวกเราไปโรงพยาบาลรีบวิ่งพาพวกหนูลงมาขาก็เจ็บไปหมดแต่ตอนนี้คุณก็เจ็บเยอะเหมือนกันจริงๆเดินไม่ไหวแต่แม่ก็พาพวกเราไปส่งถึงโรงพยาบาลสุดท้ายกลายแม่ได้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่หลายวันเอง” เพ็ญนีติ์ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้จริงๆแล้วยังมีเรื่องราวอะไรอีกไหมที่เขายังไม่รู้ฟังจบใจของเขาสั่นเทา“ส้มตอนนั้นหนูอายุเท่าไหร่” “เรื่องเพิ่งเกิดเมื่อปีที่แล้วนี่เองคุณน้าน้ำยังรู้เรื่องของเราตอนเด็กๆตั้งเยอะแยะแต่หนูกับอ้อยจำได้ไม่หมดหรอก”
已经是最新一章了
加载中