ตอนที่ 6 พบกันโดยบัญเอิญ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 6 พบกันโดยบัญเอิญ
ตอนที่ 6 พบกันโดยบัญเอิญ ในที่สุดนัชชาก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง สองวันที่เกิดเรื่องขึ้นเธอทนไม่ไหวเลย แต่คนที่อยู่ข้างหน้าเธอไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย “ คุณจะไม่ปล่อยฉันไปใช่ไหม ? ” เธอถามด้วยเสียงสั่นเทา เตชิตเงียบ “ คุณยั่วผมก่อนนะ ” ที่คลับเฮาส์วันนั้น เธอปิดกั้นทางเดินของเขาไว้ และให้‘เซอร์ไพร’อันใหญ่กับเขา ความทรงจำที่ไม่ดีทำให้เขาหมดความสนใจในตัวผู้หญิง ตอนนี้เขาอายุสามสิบสองปีเอง เขาไม่สามารถทำแบบนี้ไปได้ตลอด นัชชาได้ยินก็อยากจะตบหน้าตนเอง ถ้าเธอรู้ฐานะที่แท้จริงของเตชิตเธอคงไม่กล้าที่จะยั่วยุเขา น่าเสียดาย ที่โลกนี้ไม่มียารักษาอาการเสียใจ เตชิตก้มมองไปที่ผู้หญิงตรงพื้น และใช้เวลาครุ่นคิดสักครู่ แล้วก็เดินไป อุ้มเธอขึ้นและวางบนเตียง เธอยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยดี เขาก็ไม่ลืมที่จะคลุมเธอไว้ด้วยผ้าห่ม “จัดการตนเองให้เรียบร้อยซะ ฉันจะไปประชุม” นัชชาเห็นเขากำลังจะเดินออกไป ในใจมีความโกรธขึ้นมา เธอเอื้อมมือไปจับเสื้อของเขา แล้วสบตากับเตชิต เธอพูดขึ้นด้วย ความกล้า “ถ้าฉันอยู่กับคุณ คุณจะช่วยฉันแก้แค้นตระกูลกูลฤทธิเดชใช่ไหม ?” เตชิตขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงว่าเธอจะเปลี่ยนใจ “ ใช่ ” “ ตกลง แต่ฉันยังมีอีกหนึ่งคำขอ ” นัชชาพูดขึ้นด้วยความกล้าทั้งหมดของเธอ “ปีนี้ฉันอายุ 24 ปี พึ่งผ่านวันเกิดมา ปีที่แล้วพึ่งเรียนจบมหาลัยที่เกี่ยวกับกฎหมาย ฉันเป็นนักเรียนทุน ฉันเข้าใจเกี่ยวกับพวกกฎหมาย คุณสามารถช่วยฉันทำงานด้านกฎหมายได้ไหม ? ” ประโยคที่ผ่านมาทำให้เตชิตอดตะลึงไม่ได้ เขาคิดว่าเธออยากจะขอเงินหรือขอของสักอย่าง คิดไม่ถึงว่าเธอจะขอแบบนี้ ที่ยิ่งให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ เธอจบการศึกษาเกี่ยวกับกฎหมาย ในฐานะคนที่ทำงานด้านกฎหมายมาก่อน เขาจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก “เธออยากทำงานด้านกฎหมายจริงๆ ใช่ไหม ? ” นัชชาพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ใช่” “แล้วทำไมเมื่อก่อนถึงสละ ?” นัยน์ตาของนัชชาเศร้าลง “เพราะ .. แต่งงาน ” ตอนนั้นจรรยาขอให้เธอแต่งงานทันทีหลังเรียนจบ พวกเขาไม่ได้ต้องการให้ลูกสะใภ้ปรากฏตัวออกสื่อ เพราะจะเป็นปัญหาทางหน้าสำหรับพวกเขา และเวลานั้นนัชชาก็รักดวิษมาก ยอมทำตามทุกอย่าง แต่สำหรักฎหมาย หลายปีมานี้ เธอก็ยังมีความชื่นชอบอยู่ ตอนนี้เธอบังเอิญไปยุ่งกับเตชิตแล้ว ในเมื่อเตชิตไม่ยอมปล่อยเธอไป โดนสุขนัขกัดหนึ่งครั้งกับสองครั้งมันมีความแตกต่างยังไง ? เธอจะต้องผ่านมันไปให้ได้ หย่าแล้วเธอก็ยังมีพ่อแม่ที่ต้องให้เธอมาดูแลอยู่ เตชิตไม่พูดอะไร หยิบบุหรี่ออกจากกระเป๋ามาหนึ่งมวน สายตาที่แหลมคมวิเคราะห์เธอผ่านควันสีขาว ทำให้นัชชารู้สึกอึดอัด เขามีกลิ่นอายที่ทำให้คนหวาดกลัว แค่ดูแบบนี้ก็ทำให้คนรู้สึกเครียดมาก พักใหญ่ บุหรี่หมดไปครึ่งมวน เขาเดินกลับไปที่เตียงใหม่ และมองลงมาที่เธอเหมือนกับจักรพรรดิ ปากก็พ่นควันออกมา ทำให้นัชชาอุดตันจนหรี่ตาลง “วันนี้สองทุ่ม มาที่ไวโรจน์วิลล่า พาของที่คุณต้องการมา” นัชชายกมือขึ้นปัดควันไป ผู้ชายคนนั้นก็หันหลังเดินไปแล้ว เธอนั่งกอดตัวเอง ตอนนี้เธอไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้แล้ว เธอไม่รู้ว่าตัวเองถูกหรือผิด แต่เธอรู้ว่าตอนนี้เธอล้มไม่ได้ ...... หลังจากออกจากเตนัทลอว์เฟิร์ม นัชชาก็ได้รับโทรศัพท์จากจินต์ ขณะที่คุยโทรศัพท์ เธอไม่ได้บอกอะไรมากไป แค่บอกกับเธอว่า เตชิตรับเรื่องเรียบร้อยแล้ว “เตชิต ?” จินต์พูดเสียงดัง “เธอไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย ?” “ไม่นะ ฉันพูดจริงๆ ” “เขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในวงการกฎหมายเลยนะ มหาเศรษฐีมากมาย คนที่มีเงินมากตั้งเท่าไหร่ต่อแถวมาให้เขาช่วยฟ้องร้องคดีก็ไม่มีโอกาส แน่ใจนะว่าเธอจะไม่ถูกหลอก ? ” จินต์ถามอย่างไม่น่าเชื่อ เตชิต สองคำนี้มันเป็นตำนานจริงๆ “จินต์ เรื่องนี้มันซับซ้อนมากนะ ฉันเองก็อธิบายไม่ถูก แต่เขารับคดีไปแล้วจริงๆ ” ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเตชิต นัชชายังไม่รู้ว่าจะพูดยังไง เลยไม่พูดดีกว่า จินต์รู้ว่าเรื่องนี้เธอไม่ได้ล้อเล่น ในที่สุดก็ยอมรับความจริงไป“งั้นคุณก็ไม่ต้องกังวลอะไร เพราะบนโลกนี้ยังไม่มีคดีที่เตชิตแพ้มาก่อน” นัชชานึกถึงผู้ชายที่ใช้กำลังนั้น เธอก็ขมวดคิ้ว “จะเก่งขนาดไหนกันเชียว ?” “คุณเรียนกฎหมายมายังจะถามฉันอีกหรอ ? บนโลกนี้คนแบบไหนที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่คนรวย และก็ไม่ใช่คนมีอำนาจ ละก็ยิ่งไม่ใช่ภูตผีปีศาจ แต่คนที่น่ากลัวที่สุดคือคนที่ถือกฎหมายเป็นอาวุธ และกฎหมายสำหรับเตชิตแล้ว มะนเหมือนทำขึ้นมาเพื่อเขา ” นัชชาอ้าปากจะพูด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เธอคุยกับจินต์อีกสองสามคำก็วางสาย เธอเดินมาถึงที่รถไฟใต้ดิน ตอนรอรถไฟฟ้าสักแปปเธอก็เข้าเว็บเพจหาข้อมูลของเตชิต ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมก็ได้เรียนโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศ พออายุ 22 ปี ก็ได้เข้าเรียนที่มหาลัยเคมบริจน์ คณะนิติศาสตร์ กลับมาที่บ้านเกิดก็ว่าความชนะหลายคดี ได้รับการว่าจ้างเป็นอาจารย์ที่มหาลัยชั้นนำของประเทศ และเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาด้านกฎหมายกว่าห้าร้อยบริษัททั่วโลก หลังจากนั้นก็ได้ก่อตั้งบริษัทกฎหมายขึ้นมากับธนัท เป็นบริษัทกฎหมายที่ดีที่สุดในประเทศ มีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวครอบครัวแล้วก็ชีวิตส่วนตัวของเขา แต่คงไม่มีใครโง่พอที่จะไปสอดส่องชีวิตของทนายใหญ่ นัชชาปิดหน้าเว็บอย่างเงียบๆ นึกถึงคำพูดของเตชิต หวังว่าวันต่อไปมันจะไม่ยากเกินไป ..... แม้เธอไม่อยากกลับไปนิเวศน์วิลล่า ที่ที่นั่นยังมีหนังสือรับรองที่สำคัญที่ต้องไปเอา เมื่อเดินออกมาจากรถไฟฟ้า เธอเดินจากหมู่ลิลล่าไปถึงประตูของบ้าน ระหว่างทางเห็นรถ Mercedes Benz สีดำที่คุ้นตาอย่างมาก นั่นเป็นป้ายทะเบียนรถของบริษัทดวิษ นัชชาไม่อยากไปแอบมองและก็ไม่สนใจด้ย แต่รถคันนั้นกลับขยับเป็นจังหวะขึ้นมา...... นี่มันด้านหน้าวิลล่า อดใจไม่ไหวเลยหรอ นี่มันกลางวันแสกๆ เลยนะ ? นัชชาก้าวเท้าอยากเดินจากไป ทันใดนั้นในใจก็คิดถึงหลักฐานที่ทนายดรณ์บอก แล้วเธอก็ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ เปิดกล้องของโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะถ่ายรูป เธอพยายามที่จะเข้าใกล้ขึ้นอีก เธอเดินไปหยุดที่ตรงใกล้ๆพวกเขา แล้วคุกเข่าลง เขาได้ยินเสียงที่ดังชัดเจน “ดวิษ .. ” นี่เป็นเสียงเรียกของปณิตา ถัดมาเป็นเสียงของดวิษที่กัดฟันถาม “ยังไม่พออีกหรอ หือ ? ” “ฉันรักคุณดวิษ รักมากจริงๆ ” “ผมก็รักคุณ” ไม่ว่ามันจะเป็นแค่ลวกๆหรือไม่ แต่ว่าคำสามคำนี้ ทำให้นัชชาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่งงานมาหนึ่งปีกว่า เธอไม่เคยได้ยินคำว่ารักออกมาจากปากของดวิษเลย “เราเหมาะสมกันดีนะ คุณดูสิพวกเราเข้ากันได้ดีมาก..... ” “ผมเคยบอกคุณแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับนัชชา ไม่เหมือนคุณ คุณเหมือนเกิดมาเพื่อผม ... ” สองคนนั้นพูดกันน่าขยะแขยงอย่างไม่มีขีดจำกัด นัชชาได้ยินก็เหมือนเลือดหยดออกมาจากหัวใจ เธอรักคนๆนี้มาตั้งหลายปี แต่เขาไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลย ระหว่างคิด การรบแบบบ้าคลั่งของทั้งสองคนก็ได้หยุดลง หลังจบเรื่อง ปณิตาก็ได้กระซิบถามดวิษเบาๆว่า “ดวิษ ถ้าคุณไม่ได้รักนัชชา ทำไมคุณถึงได้แต่งงานกับเธอล่ะ ? ”
已经是最新一章了
加载中