ตอนที่11 ลงมือทำกับข้าวด้วยตัวเอง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่11 ลงมือทำกับข้าวด้วยตัวเอง
ตอนที่11 ลงมือทำกับข้าวด้วยตัวเอง ปรัณขับรถออกจากไวโรจน์วิลล่า ในหัวย้อนคิดถึงแต่คำพูดของเตชิต “ผมเหมือนหายดีแล้ว” สายตา น้ำเสียงบวกกับคำพูดเมื่อกี้ ถ้าเขายังดูไม่ออกว่าเตชิตหมายความว่ายังไงก็โง่เต็มทีแล้ว เพียงแต่....... พอคิดถึงผู้หญิงที่อยู่บนเตียงคนนั้น ก็ทำให้ไฟที่อยากรู้อยากเห็นของเขาเผาผลาญขึ้นมา คนอย่างที่ติเตชิตไม่เคยสนใจผู้หญิง แต่กลับยอมให้เด็กผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว เธอดูขึ้นมาก็แค่อายุ20ต้นๆคนหนึ่ง มีดวงตาสดใสหวานๆ พอดูๆไปมากสุดก็แค่พอมองได้ดูแล้วไม่ขัดหูขัดตา ไม่ได้ถึงขั้นดูสวยสง่าน่าทึ่งน่าหลงใหล เขาคิดหาวิธีมากมายแต่ก็ยังไม่สำเร็จ ทำให้เขากังวลชีวิตชาติต่อไปของเตชิตเป็นอย่างมาก แต่อยู่ๆเธอก็เอาชนะใจเขาได้ ทำให้ปรัณรู้สึกแปลกๆในใจ พอคิดไปคิดมา ก็เลือกที่จะนิ่งเงียบไม่แสดงอารมณ์ เพราะถึงยังไงเมื่อกี้เขาก็แค่พูดเล่น แต่เตชิตกลับมองเขาด้วยสายตาอาฆาต ถ้าเกิดทำอะไรขึ้นมาจริงๆเขาก็คงโดนฉีกเป็นชิ้นๆแน่ ปรัณเบ้ปากแล้วทุบพวงมาลัย “เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน” เตชิตมีประชุมตอน10โมงเช้า เขาก้มดูเวลา แล้วกดเบอร์โทรหาเลขาตรัณ “การประชุมเช้านี้เปลี่ยนเป็นประชุมผ่านทางวีดีโอ เพราะฉันน่าจะไปไม่ทัน ส่วนเอกสารประกอบการประชุมให้ส่งมาทางอีเมล์ตอนนี้” ตรัณรู้สึกแปลกใจแต่ก็ส่งเอกสารตามที่เขาสั่ง หลังจากวางสายเขาก็ประกาศเรื่องนี้ให้กับทุกคนที่ร่วมประชุมครั้งนี้รับรู้ หลังจากนั้นก็มีเสียงซุบซิบแล้วมีเสียงแผ่วเบาถามขึ้น “ทำไมอยู่ดีๆถึงเปลี่ยนเป็นการประชุมผ่านทางวีดีโอล่ะ” “เจ้านายคงมีงานด่วนนอกสถานที่” ตรัณก็รู้สึกตกใจ เพราะปกติเจ้านายของเขาเป็นคนตรงต่อเวลาไม่เคยสาย คนที่เข้างานแปดโมงครึ่งทุกวันแต่วันนี้กลับขาดการประชุม เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก เตชิตประชุมผ่านทางวีดีโอในห้องหนังสือของเขา แต่ระหว่างการประชุมเขาก็คอยสังเกตเวลาตรงหน้าจอไปด้วย เขาไม่ลืมคำสั่งของเตชิตอีก1ชั่วโมงจะต้องเปลี่ยนขวดยา “พอแค่นี้สำหรับการประชุมวันนี้ ถ้าใครสงสัยอะไรไว้มาถามฉันทีหลัง” พอพูดจบก็ตัดสายไป แล้วกดเบอร์โทรหาตรัณเป็นการส่วนตัว “บริษัทจะมีการจัดหาพนักงานใหม่ตอนไหน” ตรัณคาดไม่ถึงว่าจู่ๆเขาจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา จึงเปิดดูสมุดจดบันทึก “ใกล้แล้วครับ วันที่13ที่จะถึงนี้ ตรงกับวันมะรืนนี้” ทุกๆปีทางบริษัทจะประกาศรับสมัครพนักงานใหม่2ชุด และแต่ละคนต้องเป็นคนที่เก่งจริง มีความโดดเด่นหรือมีพรสวรรค์ ถึงแม้ว่ามาตรฐานการรับพนักงานเข้าทำงานจะสูงมากแต่ก็ยังคงมีคนนับพันมาสมัคร หลังจากผ่านการคัดเลือกต่างๆนานาแล้วจะเหลือเพียง5คนสุดท้ายเท่านั้นที่จะได้อยู่ต่อ “เพิ่มชื่อคนนี้เข้าไปด้วย” ตรัณตกใจอึ้งกว่าเดิม เพราะเคยมีหัวหน้าในบริษัทเพิ่มชื่อญาติของตัวเองเข้าไป หลังจากที่ถูกเตชิตจับได้ พนักงานคนนั้นก็ถูกไล่ออก แต่พอมาวันนี้...... ตรัณงงใจ รู้สึกว่าโลกเปลี่ยนไปมีแต่เรื่องแปลกๆเกิดขึ้น “เชิญว่ามาได้เลยครับ” “นัชชา” ................... หลังจากที่นัชชาตื่นมา ก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆ เธอค่อยๆลืมตาและลุกขึ้นนั่งบนเตียง หยิบโทรศัพท์จากหัวเตียง มองดูเวลา เธอไม่รู้ตัวว่าจะหลับไปนานขนาดนี้ สายตาก็ไปสะดุดเห็นหลังมือมีพาสเตอร์สีขาวแปะอยู่ แถมข้างๆยังมียาวางอยู่ พอเห็นก็นึกขึ้นได้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แสงแดดอ่อนๆที่ส่องผ่านกระทบที่เตียงข้างๆที่ว่างเปล่า เธอใส่รองเท้าแตะแล้วเดินลงจากเตียง หลังแปรงฟันล้างหน้าเสร็จ เขาก็ก้าวลงบันไดอย่างย่องเบาๆ ชั้นหนึ่งก็เงียบสนิทไม่มีคนอยู่ เขาลองตะโกนเรียก “เตชิต” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ หรือว่าจะไม่อยู่บ้าน นัชชารู้สึกโล่งใจ พอหันหลังกลับมาก็ต้องตกใจ มีผู้ชายใส่ชุดอยู่บ้านสบายๆยืนกอดอก ยืนดูเธออยู่ข้างหลังเงียบๆ นัชชายิ้มแห้งแล้วจับจมูกอย่างเขินอาย “คุณอยู่บ้านด้วยหรอ” “คุณผิดหวังหรอ ที่ฉันอยู่บ้าน” ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่เป็นประโยคบอกเล่า เพราะเขาเห็นสีหน้าการกระทำของเธอเมื่อครู่ทุกอย่าง สีหน้าโล่งใจจากการที่ไม่เห็นใครในบ้านกับสีหน้าที่พยายามกลบกลืนความตกใจหลังจากหันมาเจอเขา เธอยังคงยืนอึ้งไม่ขยับไปไหนเพราะในหัวยังคิดภาพไม่ออกว่าต้องทำตัวยังไงตอนอยู่กันสองต่อสองตามลำพัง เตชิตเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ยกมือขึ้นเพื่อที่จะเช็คว่าตัวเธอยังร้อนอยู่มั้ย ตามคาด นัชชาหลับตาแล้วหันหน้าหนีหลังจากที่เขาเพียงแค่ยกมือขึ้นยังไม่ได้ยื่นมือไปแตะที่หน้าผาก นัชชารู้สึกผิดไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ เลยยื่นมือออกไปจับมือเขามาวางไว้ที่หน้าผากตัวเอง การกระทำนี้ทำให้เตชิตรู้สึกหน้าร้อน “ไข้เธอลดแล้ว” “อืม” บรรยากาศกลับมาเงียบอีกครั้ง เตชิตรู้สึกได้ว่าเธอกำลังรู้สึกตึงเครียดทำตัวไม่ถูก ละจากสายตาแล้วเดินเข้าห้องครัวไป นัชชาก็ไม่กล้าปล่อยให้เขายื่นนิ่งอยู่ตรงนี้คนเดียว เพราะเมื่อคืนเธอได้เห็นความโมโหร้ายของเขาไปแล้ว เธอใส่ชุดนอนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ดีที่ตรงกับช่วงกลางวัน มีแสงแดดอ่อนๆที่ส่องเข้ามาทำให้รู้สึกอบอุ่น ไม่นานก็ได้กลิ่นหอมของคนลอยมาพร้อมกับสายลม หลังจากที่ตื่นเธอก็ยังไม่กินอะไรเลย เงยหน้ามองไปทางห้องครัวก็เห็นเตชิตยกถ้วยสีขาวไปยังโต๊ะกินข้าวพอดี “มากินได้แล้ว” นัชชาเดินเข้าไปในห้องครัว บนโต๊ะมีโจ๊กกับผักที่หน้าตาน่ากินวางอยู่ “คุณ คุณทำให้ฉันกินหรอ” เตชิตช้อนตามองพร้อมกับวางถ้วยกินข้าว2ใบลงบนโต๊ะ “ฉันหิว” ความนัยว่าการที่เธอได้กินเป็นแค่เรื่องบังเอิญ นัชชาเบ้ปากแต่ก็ไม่ได้สนใจ จึงไปล้างมือแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะ คิดว่ามีกินก็ดีแล้ว รสชาติของโจ๊กดีมากถึงแม้ว่าหน้าตาจะดูจืดไปหน่อย มีความหอมบวกกับความหวานของผัก เตชิตกินไปแค่ครึ่งถ้วยก็ไม่ได้กินต่อ นัชชาแอบเหล่ตามอง แล้วคิดในใจไหนว่าหิวทำไมกินน้อยจังอาจจะเป็นพียงแค่ข้ออ้างในการแก้ตัว สักพักก็ไล่ให้เธอไปนอน พอสักพักก็ต้มโจ๊กให้เธอกิน เขาเป็นคนที่แปลก อารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เธอหาเรื่องคุยเพราะเห็นจากที่เขาดูแลเธอ “คุณเป็นคนทำกับข้าวกินเองอยู่แล้วหรอ” “อืม” เขาตอบเพียงสั้นๆคำเดียว “จากที่เห็นคนที่รวยเหมือนคุณส่วนใหญ่ก็จะจ้างแม่บ้านหรือไม่ก็พี่เลี้ยงกัน ทำไมคุณถึงไม่จ้าง.....” “ฉันไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้า” เธอยกช้อนค้างกลางอากาศ ถามเขาด้วยความงง “มีแม่บ้านก็เป็นเรื่องที่ปกติไม่ใช่หรอ” ตอนเธอแต่งงานกับดวิษใหม่ๆ ตอนนั้นเธอยังทำงานบ้างานเรือนไม่คล่องก็ยังมีแม่บ้านคอยดูแล เธอจะคอยเป็นลูกมือช่วยอยู่ห่างๆ หลังจากถามคำถามนี้ นัชชาสังเกตเห็นความเจ็บปวดในตาของเขา ความเจ็บปวดหรอ นัชชาตกใจ ปีศาจอย่างเขานะหรอจะเจ็บปวดเป็น
已经是最新一章了
加载中