ตอนที่22 คำสาปเลือด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่22 คำสาปเลือด
ต๭นที่22 คำสาปเลือด เป็นเพราะความสัมพันธ์ของเขากับเซียวเหย่ เซียงเถิงจึงปฏิบัติกับฉันอย่างเคารพ เซียวเถิงเรียกฉันว่าคุณย่ารองและพูดว่า “ตอนนี้ทางการรับเรื่องคดีการหายตัวไปของเด็กสาวไว้มากว่าสิบคดี เด็กที่หายไปอายุตั้งแต่สิบสี่จนถึงยี่สิบสี่ คดีแรกที่พบว่าเด็กสาวหายไปคือสถานเด็กกำพร้า มีเด็กสาวอายุประมาณสิบหกสามคนได้หายตัวไปภายในคืนเดียว ยังไม่ถึงสองเดือนก็เกิด ก็ได้รับเรื่องแจ้งจากโรงพยาบาลและประชาชนว่าเกิดการหายตัวไปอีก ทางการพบว่านับวันยิ่งมีคนหายไปจำนวนมาก คดีนี้เป็นคดีร้ายแรง การสืบข้อมูลจึงต้องเป็นความลับ” “แล้วหลังจากนั้นล่ะ เจอตัวคนร้ายไหม พ่อของนายไปช่วยสืบคดีพ่อนายเป็นนักสืบใช่ไหม”ฉันถามเซียวเถิง เซียวเถิงได้ยินฉันถามก็มองฉันที่อยู่ด้านหลังผ่านกระจก เขาหัวเราะละพูดว่า “ไม่ใช่หรอกครับ คุณย่ารองพึ่งจะแต่งงานกับคุณปู่รองคงยังไม่ทราบ พวกเราตระกูลเซียวเป็นครอบครัวนักบวชคนในตระกูลเราปกติก็เป็นนักบวช ไม่สนใจทางโลก” อา...... ฉันพูดได้เลยว่าฟังไม่เข้าใจ อะไรคือครอบครัวนักบวช นักบวชหมายความว่ายังไงกันนะ ฉันอารมณ์เสียนิดหน่อย ไม่อยากที่จะคุยกับคนแบบเซียวเถิงแล้ว ตอนเด็กฉันไม่ค่อยตั้งใจเรียน ทำไมต้องพูดแต่คำโบราณๆด้วยนะ พูดปกติไม่ได้รึไงกัน ฉันมองไปที่เซียวเหย่อย่างหมดหวัง ก่อนที่ฉันจะมาเซียวเหย่ได้อธิบายกับฉันทั้งหมดแล้ว จบแล้วล่ะ ตอนนี้บอกเลยว่าฉันไม่เข้าใจที่เซียวเถิงพูด เขาจะไม่หัวเราะเยาะคุณย่ารองที่มีความรู้น้อยรึไง “ตระกูลเซียวเป็นซินแส มาหลายชั่วคน ช่วยคนหาฮวงจุ้ย เลือกสุสาน ยังช่วยผู้คนให้พ้นจากสิ่งชั่วร้าย นอกจากนี้ก็ไม่ได้ทำธุรกิจอะไรอีก ดังนั้นทั้งเซียวเซิ่งและเซียวเถิงพวกเขาเป็นซินแส” เซียวเหย่เห็นฉันมีท่าทีสงสัย จึงอธิบายให้ฉันฟัง “อ่อ...ก็คือดูดวง งั้นตอนนายมีชีวิตก็เป็นหมอดูน่ะสิ” ฉันพูด ทันใดนั้นฉันก็สงสัยเรื่องราวของเซียวเหย่ตอนยังมีชีวิต ช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันก็คุ้นเคยกับเซียวเหย่ไม่น้อยเลย ยิ่งกว่านั้นในตอนแรก คืนนั้นที่มอบมันให้กับเขาก็ร็สึกแปลกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อยากที่จะเข้าใจเขามากกว่านี้ เซียวเหย่ไม่ได้พูดอะไรต่อกับข้อสรุปว่าเขาเป็นหมอดูของฉัน แค่ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “เธอเข้าใจอย่างนั้นไปก็ได้” “งั้น...เซียวเซิ่งเป็นหมอดู ตอนนี้ตำรวจให้เขาช่วยไขคดี แสดงว่าที่เด็กสาวหายตัวไปเป็นฝีมือของปีศาจงั้นใช่ไหม”ทันใดนั้นฉันก็มองไปที่เซียวเหย่อย่างกังวล ระหว่างที่พูดคุยกัน รถก็เลี้ยวไปเลี้ยวมาเพื่อเข้ามายังตรอกแห่งหนึ่ง ฉันบอกตรอกแห่งนี้ด้วยสายตาที่คุ้นเคยจนพูดไม่ออก แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าคือที่ไหน ยังไม่ทันที่ฉันจะคิดออก รถก็มาหยุดที่ท้ายตรอก ที่ท้ายตรอกนี้คือคูเมืองที่สกปรก นอกจากนี้ในแม่น้ำยังมีสะพานหินขนาดเล็ก บนสะพานหินมีกลุ่มคนที่แต่งกายด้วยชุดตำรวจยืนอยู่ในนั้นมีชายวัยกลางคนอายุสี่สิบถึงห้าสิบคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางคนกลุ่มนั้น ท่าทางไม่ธรรมดา ดูเหมือนว่าเขาจะคือเซียวเซิ่งพ่อของเซียวเถิง แน่นอนเลย พอลงจากรถเซียวเถิงก็พาพวกเราไปที่สะพานหินนั่นและพาไปหาชายวัยกลางคนผู้นั้นเพื่อแนะนำพวกฉัน ฉันดูจากอายุของเซียวเซิ่งอยากจะตะโกนเรียกเขาว่าคุณลุงตามสัญชาตญาณ แต่ถ้าตะโกนตอนที่เขายืนอยู่ต่อหน้าพวกนี้ ฉันไม่มีดีอะไรเลย ยอมรับก็ไม่ได้ไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ทำได้แค่บอกกับเขาอย่างเขินอายว่าเรียกฉันว่าฉีเสวียนก็ได้ ยังไงก็แล้วแต่เซียวเซิ่งดูมีอายุแล้ว น่าจะยังมีความรู้มากอีกด้วย ไม่ได้จริงจังเหมือนกับเซียวเถิง พยักหน้าพลางยิ้มไปด้วย หลังจากนั้นเขาก็เดอนไปคุยไปกับเซียวเหย่ เหลือแค่ฉันที่กำลังเบื่อจึงดึงเซียวเถิงไปเดินรอบแม่น้ำเป็นเพื่อน และถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นที่แม่น้ำนี้ “คดีล่าสุดเด็กสาวที่หายไปชื่อฉือเจียวเจียว ที่สุดท้ายที่เธอปรากฏตัวคือสะพานแห่งนี้ บ้านของเธอก็อยู่ใกล้ๆนี้ ตอนที่หายไปน่าจะเป็นตอนเย็นของเมื่อวาน ดังนั้นวันนี้......” ไม่รอให้เขาพูดจบฉันก็พูดขึ้นมา “เดี๋ยวก่อนนะ ฉันรู้จักที่นี่” ก่อนที่จะเดินไปตรอกนั้น ฉันก็รู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นี้เพียงแต่คิดไม่ออกว่าคือที่ไหน และคูน้ำนี้ไหลไปรอบเมืองเจียงเหมิน สองข้างของคูเมืองนั้นมีต้นไม้ไปตลอดแนว มันเกือบจะเหมือนกันหมด ฉันเลยนึกไม่ออก แต่หลังจากที่เดินไปกับเซียวเถิงซักพัก ก็เดินมาถึงบ้านของคุณลุงฉันอยู่ใกล้ๆ ตอนเด็กฉันมักจะมาเล่นกับลูกพี่ลูกน้องที่บ้านของคุณลุง ฉันเคยมาแถวนี้ ดังนั้นจึงเห็นตรอกที่คุ้นตานั้น แต่พอโตแล้วฉันก็ไปอยู่หอที่โรงเรียน บ้านตัวเองก็กลับไม่บ่อย บ้านคุณลุงก็ยิ่งไม่ได้มาเลย ตอนนี้คิดถึงจริงจริง ตอนเด็กๆก็เล่นกับลูกพี่ลูกน้องและยังมีเพื่อนอีกคนหนึ่ง เหมือนว่าจะชื่อเจียวเจียวอะไรซักอย่าง คงไม่ใช่ฉือเจียวเจียวที่หายไปหรอกนะ จะเป็นคนที่เล่นกับฉันตอนเด็กรึเปล่านะ ตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องฉันก็เสียสติไปแล้ว เพื่อนของลูกพี่ลูกน้องยังจะหายตัวไปอีก สองเรื่องนี้จะเกี่ยวกันรึเปล่านะ คิดถึงตรงนี้ฉันก็รีบบอกการสันนิฐานของฉันกับเซียวเถิง พอเซียวเถิงได้ฟังสีหน้าก็จริงจังขึ้นมา และพูดว่าเป็นไปได้มากที่สองเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกัน แล้วเขาก็ดึงฉันกลับไปที่สะพานนั้นเพื่อบอกกับเซียวเซิ่ง เซียวเซิ่งตอนนั้นกำลังคุยกับตำรวจอยู่ พอฟังที่เซียวเถิงพูดจบ จึงมองไปที่เซียวเหย่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าของเซียวเหย่ก็เคร่งเครียดขึ้นมา เขาจับมือของฉันและถามว่า “เธอแน่ใจใช่ไหมว่าลูกพี่ลูกน้องเธอกับฉือเจียวเจียวรู้จักกัน” ฉันพยักหน้า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ใครจะไม่รู้จักได้อีก “ดูแล้วเรื่องนี่น่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญตอนนี้พวกเราไปโรงพยาบาลกัน” เซียวเหย่พูดจบเขาก็ดึงฉันไปที่รถเบนซ์ เซียวเถิงตาดีเห็นเข้าจึงรีบมาขับรถ เหลือแต่เซียวเซิ่งกับตำรวจที่อยู่รวบรวมเบาะแสอื่นเพิ่ม ไม่มีการพูดคุยระหว่างทาง พวกเรามุ่งหน้าไปโรงพยาบาลฉุกเฉิน ไปยังห้องของลูกพี่ลูกน้องฉัน เพียงแต่ตอนที่กำลังจะไปฉันที่ลูกพี่ลูกน้องฉันอยู่ ฉันก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากห้องตรวจ ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้อย่างหนัก ตอนนั้นในใจฉันรู้สึกเศร้า เพราะที่มาของเสียงไม่ใช่คนอื่น เธอคือป้าสะใภ้ของฉัน ! ฉันรีบดึงเซียวเหย่ไปที่ห้องตรวจนั้น ทันทีที่เข้าไปก็พบว่าป้าสะใภ้ของฉันนั่งร้องไห้อยู่ที่พื้น มือยังทุบตีแพทย์ที่ตรวจ และพ่อแม่ฉันยังยืนร้องไห้อยู่ข้างๆกับคุณลุงอย่างทำอะไรไม่ถูก “แม่ เกิดอะไรขึ้น” ฉันรีบถามแม่ แม่เห็นฉันมาอย่างสดใส และเผลอมองด้านข้างฉันอย่างไม่รู้ตัว เซียวเหย่ไม่รู้ว่าเขากลับมาเป็นหลิวฝันตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นแม่ฉันมองเขาก็เดินเข้ามา ลูบที่หลังของแม่ฉันเพื่อปลอบใจ “น้องสาวของลูกไม่อยู่แล้วหลังจากที่หมอรักษาน้องอย่างดีเธอก็กลับมาเป็นปกติ เพียงแต่ร่างกายยังบาดเจ็บอยู่ เลยต้องอยู่โรงพยาบาล แต่ใครจะรู้ว่าเธอหายไปแล้ว นี่เป็นจุดจบของลูกที่ดีคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรกันถึงต้องมารับผลกรรมแบบนี้...” แม่พูดด้วยด้วยดวงตาที่แดงกร่ำ “คุณป้าครับไม่ทราบว่าน้องหายตัวไปช่วงเย็นเมื่อวานใช่ไหมครับ”เซียวเหย่ถามพลางขมวดคิ้ว แม่ของฉันเหลือบมองเซียวเหย่ด้วยความตกใจ และถามว่า “เธอรู้ได้ยังไง “ดูเหมือนว่าจะใช่แล้ว” เซียวเหย่พูด หลังจากนั้นเขาก็เดินไปพยุงป้าสะใภ้ที่ร้องไห้อยู่ขึ้น เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณป้าวางใจเถอะครับ ลูกพี่ลูกน้องของเซวียนเซวียนก็คือลูกพี่ลูกน้องของผม ผมต้องพาเขากลับมาให้ได้ อย่าร้องเลยครับ” ดวงตาของคุณป้าบวมเป่งขนาดลูกวอลนัทหลังจากที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก หลังจากได้ยินเซียวเหย่พูดก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร หลังจากที่เธอเห็นอย่างชัดเจนว่าด้านหน้าเธอคือหลิวฝัน ทันใดนั้นก็รีบวิ่งไปหาหลิวฝัน พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเรา ขอร้องหลิวฝันให้ตามหาลูกสาว เซียวเหย่พยักหน้าและให้ฉันพาคุณป้าสะใภ้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน หลังจากนั้นก็เหลือแค่ลุงของฉันคนเดียว เขาให้คุณลุงหาเสื้อผ้าที่เคยใส่ ชุดชั้นใน ของลูกพี่ลูกน้อง และบอกว่ามันมีประโยชน์ คุณลุงฟังคำขอของเซียวเหย่ก็ประหลาดใจนิดหน่อย แต่ตอนนี้การตามหาลูกพี่ลูกน้องเป็นเรื่องสำคัญ และหลิวฝันคือแฟนของฉัน คุณลุงไม่พูดอะไรและกลับไปที่ห้องผู้ป่วย เพื่อเอาเสื้อผ้าทั้งด้านในด้านนอกของลูกพี่ลูกน้องส่งให้เซียวเหย่ เซียวเหย่ไม่ได้แตะต้องมันแต่ให้ฉันหาถุงมาใส่ เขาบอกลาคุณลุงและพาฉันออกจากโรงพยาบาล เมื่อกี้ที่อยู่ต่อนหน้าครอบครัวของฉัน ฉันไม่กล้าถามอะไรเขาพอออกจากโรงพยาบาลฉันรีบถามเขาว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ลูกพี่ลูกน้องของฉันหายตัวไปในเวลาเดียวกับฉือเจียวเจียว เขาพูดว่าสามารถพาลูกพี่ลูกน้องฉันกลับมาได้ เขารู้ที่ที่ลูกพี่ลูกน้องฉันอยู่แล้วเหรอ เซียวเหย่ส่ายหน้า ยังบอกว่าเรื่องนี้ได้ง่ายอย่างที่ฉันคิด เห็นได้จากอายุของคนที่หายไป เป็นช่วงที่การเจริญเติบโตที่สองของผู้หญิง วัยนี้ของผู้หญิงจะปรากฏลักษณะของผู้หญิงได้ชัดเจน วิญญาณเป็นสิ่งที่เก็บพลัง หยินที่แข็งแกร่งที่สุด เด็กผู้หญิงหายไปพร้อมกันมากขนาดนี้ ไม่รวมถึงการข่มขืน ก็เป็นไปได้ว่าจะถูกคำสาปเลือด ฉันกังวลใจ คำสาปเลือดนี้แค่ฟังชื่อก็อันตรายแล้ว จึงรีบถามเซียวเหย่ว่าคำสาปเลือดคืออะไร เซียวเหย่พูดว่า “คำสาปเลือดจะใช้อ่างเลือดของเด็กหญิงช่วงที่สองใช้ความบริสุทธิ์ของพลังหยินของหญิงสาวและพลังชั่วร้ายมาขับเคลื่อนกองกำลังขนาดใหญ่ดังนั้นสถานการณ์ของลูกพี่ลูกน้องเธอน่าเป็นห่วงมาก ถ้าฉันเดาไม่ผิด เธอจะต้องถูกนักบวชจับไปแล้ว “งั้นจะทำยังไง ใช้อ่างเลือดของเด็กสาว ต้องใช้เลือดเท่าไหร่ ยังมีชีวิตอยู่ไหม” ฉันพูดอย่างร้อนใจ “แน่นอนว่าเลือดทั้งหมด คนไม่มีเลือด เธอว่างยังมีชีวิตไหม” เซียวเหย่เห็นฉันเอาแต่ถาม ก็ทนไม่ไหว จึงมองฉันอย่างไม่สบอารมณ์ ในเวลานั้นฉันจึงเดินกลับไปขึ้นรถ เซียวเถิงรออยู่ที่รถอยู่แล้ว เห็นเสื้อผ้าเสื้อในในมือของฉันก็ตกใจ จึงถามเซียวเหย่ทันที “ปู่รองจะเรียกวิญญาณหรอครับ” เซียวเหย่พยักหน้า ฉันได้ยินคำว่าเรียกวิญญาณสองคำก็กังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี กลัวว่าลูกพี่ลูกน้องจะเจอกับอะไรที่คาดไม่ถึง แต่ตอนนี้สีหน้าของเซียวเหย่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ ยิ่งกลัวว่าถ้าฉันทำตัวมีปัญหาเยอะจะยิ่งเป็นการกระตุ้นอารมณ์เขาได้ จึงทำได้แค่นั่งกังวลใจอยู่ข้างเซียวเหย่ พลางจับมือเขาแน่น ในใจภาวนาขอให้ลูกพี่ลูกน้องไม่เป็นอะไร เซียวเถิงไม่เพียงแต่เป็นสายเลือดของเซียวเหย่เท่านั้น ดูเหมือนว่าเขาจะมีความนัยที่เข้าใจกันสองคนกับเซียวเหย่ ไม่ต้องถามเซียวเหย่ว่าให้ไปที่ไหนก็ขับรถออกไป ขับไปถึงเชิงเขาที่หนึ่งเขาก็จอดรถ พูดไม่กี่ประโยคก็ถึงแล้ว เซียวเหย่สั่งให้ฉันนำชุดชั้นในและเสื้อผ้าของลูกพี่ลูกน้องออกมา จากนั้นเราสามคนก็เดินไปจนถึงเนินเขาที่แห้งแล้ง เดินมาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ไม่คิดว่าภูเขาที่แห้งแล้งจะมีศาลเล็กๆอยู่ เซียวเถิงรู้อยู่แล้วว่าที่นี่มีศาลตั้งอยู่ บนศาลมีอักษรตัวใหญ่สามตัวแขนอยู่ ด้านหน้าเขียนว่าศาลเจ้า ฉันไม่รู้ว่าพวกเขามาที่ศาลเจ้านี้ทำไม แต่เซียวเหย่รับปากกับป้าสะใภ้แล้วว่าจะห้าลูกพี่ลูกน้องฉันให้พบ ตอนนี้ฉันก็ทำได้แค่เชื่อใจเขา ฉันเดินตามเซียวเถิงเข้าไปในศาล ตรงเข้าไปที่ห้องโถง แท้จริงแล้วมันไม่ใหญ่มาก ข้างในมีโต๊ะตัวหนึ่งวางอยู่ ด้านบนเป็นรูปปั้นโคลนที่ใหญ่กว่าตัวคน ใบหน้าดำทั้งหน้า ทำให้คนรู้สึกกลัว ดูแล้วเมือนจะไม่ใช่เทพที่ร้ายแรงอะไร ฉันกลัวขึ้นตามสัญชาตญาณ หันกลับไปมองเซียวเหย่ ใครจะรู้ว่าข้างหลังกลับว่างเปล่า ไม่เห็นแม่แต่เงาของเซียวเหย่เลย ! “เซียวเถิง ปู่รองของนายล่ะ” ฉันหัวใจเต้นแรงจนรู้สึกได้ จึงถามเซียวเถิง “อยู่นอกศาลครับ ร่างกายของปู่รองตอนนี้ ไม่สะดวกที่จะปรากฏตัวในนี้ครับ”เซียวเถิงพูดอธิบาย จริงสิ เซียวเหย่เป็นผีนิ ศาลนี้ถึงแม้จะไม่ใช่เทพใหญ่อะไรแต่ก็เป็นเทพ พวกผีวิญญาณกับเทพไม่ควรอยู่ด้วยกัน แต่ในเมื่อเทพกับผีเข้ากันไม่ได้ ทำไมเขายังต้องการที่จะเรียกวิญญาณที่ศาลเจ้า จิตของลูกพี่ลูกน้องฉันไม่ใช่ผีไม่ใช่เหรอ ด้านหน้ามีประตูมากมาย ฉันคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงถามเซียวเถิงว่าจะทำยังไงกันต่อ เซียวเถิงพูดว่าถึงแม้เขาจะเรียนวิชาคาถาตั้งแต่เด็ก แต่เพราะปัญหาตั้งแต่เกิด วิชาไม่แกร่งกล้า ดังนั้นการเรียกวิญญาณจึงต้องเป็นเซียวเหย่ทำ พวกเรามีหน้าที่จัดวางของที่ต้องใช้อยู่ในศาล ค่อยช่วยเซียวเหย่ในการเรียกวิญญาณ พูดจบเซียวเถิงก็หยิบข้าวสารธัญพืชเมล็ดเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าที่เขาออกมาจัดวางในถ้วย และปักธูปสามดอกลงไปในถ้วยที่เต็มไปด้วยเมล็ดข้าว จัดเสร็จก็ให้ฉันนำชุดชั้นใน เสื้อผ้า ของลูกพี่ลูกน้องออกมาวางด้านหน้าธูป หลังจากนั้นก็ให้ฉันรออยู่ในศาลส่วนเขาก็ออกไปแจ้งเซียวเหย่ให้เตรียมทำพิธี ฉันพยักหน้า และนั่งรออย่างเรียบร้อยอยู่หน้าโต๊ะ แต่หลังจากออกไปเซียวเถิงก็ไม่กลับมา ทั้งศาลมีแค่ฉันคนเดียว ด้านนั้นก็มีรูปปั้นเจ้าที่น่ากลัว ด้านหน้าก็ยังมีธูปหน้าตาแปลกปักอยู่สามดอก ฉันเสียดายที่เมื่อกี้ให้เซียวเถิงไปแจ้ง น่าจะให้เซียวเถิงนั่งรออยู่ในนี้แล้วฉันไปบอกเซียวเหย่ อย่างน้อยอยู่กับเซียวเหย่ฉันก็ยังรู้สึกปลอดภัยมากกว่านะ ตอนที่ฉันยังนั่งเสียดายไม่หยุด ทันใดนั้นในห้องโถงก็เกิดลมพัดขนาดใหญ่ ลมนั้นพัดค่อนข้างแปลก ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่ฤดูร้อนที่ร้อนที่สุด แต่อุณหภูมิก็ไม่ได้ต่ำเกินไป ลมนั้นค่อนข้างเย็น ช่างเหมือนกับลมหนาวที่พัดในฤดูหนาว หนาวจนกระดูกเย็น พัดจนตัวฉันสั่นไปหมดแล้วนะ! และยิ่งหนักขึ้นไปอีก ลมนั้นยิ่งพัดยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีห้องโถงที่ไม่ค่อยสว่างอยู่แล้วก็มืดลง เหมือนกับท้องฟ้าก็มืดสนิทในทันที ดูเหมือนว่ารูปปั้นเจ้าที่นั่นจะน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมอีก! ทันใดนั้นฉันก็กรีดร้องออกมา ไม่ต้องการที่จะอยู่ในนี้เพื่อช่วยเซียวเหย่เรียกวิญญาณแล้ว หันไปรอบๆแล้ววิ่งออกไป ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร ฉันมีลางสังหรณ์ว่าที่นี่อันตราย มีคนต้องการจะทำร้ายฉัน! ฉันวิ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง วิ่งไปก็ตะโกนเรียกเซียวเหย่ไปด้วย แต่ไม่ว่าฉันจะวิ่งยังไง ประตูด้านนอกก็ยังห่างจากฉันอยู่ดี เหมือนกลับวิ่งยังไงก็ออกไปไม่ได้อย่างงั้นแหละ 
已经是最新一章了
加载中