ตอนที่29 ผิวมนุษย์   1/    
已经是第一章了
ตอนที่29 ผิวมนุษย์
ต๭นที่29 ผิวมนุษย์ ตั้งแต่อยู่กับเซียวเหย่ ฉันก็ได้รู้เรื่องผีไม่น้อย แน่นอนว่ารู้อยู่แล้วว่าปีศาจคืออะไร เดิมทีเซียวเหย่ก็คือปีศาจร้าย ฉันไม่รู้แน่ชัดว่าผีมีทั้งหมดกี่ระดับ แต่เท่าที่ฉันรู้เขาอยู่ระดับที่พลังดีเลิศแล้ว ไม่อย่างงั้นคงไม่สามารถมองถงถงครั้งเดียว ก็เกือบจะทำเขากลัวจนวิญญาณหลุดออกไป ถงถงก็ไม่ธรรมดา เขาคือกุมารที่ถังเยว่เลี้ยงอย่างระมัดระวังมานานกว่าสิบปีแล้วจนสามารถสร้างร่างกายที่แข็งแรงมั่นคงขนาดนี้ ที่ผีทั่วไปคงหมดหวังแล้ว คาดว่าช่วงปีที่ผ่านมาถังเยว่ไม่ได้ให้อาหารเสริมกับถงถงและตอนนี้ตงตงบอกว่าที่นี่มีปีศาจร้ายขั้นอื่นๆอยู่ สถานการณ์ที่ไม่มีเซียวเหย่ ปีศาจตัวอื่นต้องการฆ่าพวกเรา ก็ง่ายเหมือนบดขยี้มด ทันใดนั้นฉันก็กังวลขึ้นมา จึงถามว่าเขาสามารถจัดการได้ไหม ปีศาจที่เขาพูดใช่เซียวเหย่ไหม ถงถงกลับสายหน้า และพูดด้วยใบหน้าสงบ “ไม่ได้ ลมหายใจของปีศาจตัวใหญ่ ฉันสามารถระบุได้จากระยะไกล ปีศาจร้ายที่ฉันบอกกับปีศาจตัวใหญ่ไม่เหมือนกัน อันนี้จะเป็นผู้หญิง “ผู้หญิงหรอ” ฉันตกใจ ทำไมถึงมีปีศาจร้ายผู้หญิง แต่ฉันเห็นถงถงสงบขนาดนี้ ฉันก็ตกใจขึ้นมา จึงถามเซียวเถิงว่าเราต้องซ่อนตัวไหม ที่นี่ยังมีปีศาจผู้หญิง แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยเซียวเหย่ได้ และก็อย่าถ่วงเขา เซียวเถิงขมวดคิ้วขึ้นมา เห็นฉันตื่นตกใจ คิดแล้วพูดว่า “ ถ้าที่นี่มีปีศาจผู้หญิงจริง แล้วจะไปหลบที่ไหน ทางที่ปลอดภัยที่สุดคืออยู่กับปู่รอง เพียงแต่ถ้าเข้าไปพวกเราอาจจะเจออันตรายกว่านี้ก่อนเจอปู่รอง” พูดอยู่เขาก็ส่งกระดาษสีแดงมาให้ฉัน กระดาษนั้นดูธรรมดามากและฉันดูอย่างระมัดระวัง ก็สามารถมองเห็นลวดลายที่มีสีแดงเข้มได้ ดูเหมือนว่าจะเป็นคาถาบางอย่าง ถงถงเดิมทีดึงมือฉันไว้แน่น แต่หลังจากเห็นฉันรับกระดาษนั้นมา ทันใดนั้นก็ปล่อยฉันและหลบไปอยู่ไกลไกล มองมาที่ฉันอย่างกลัวกลัว “ถงถง?” ฉันมองกระดาษสีแดงนั่น ทันใดนั้นก็รู้ว่าถงถงกลัวสิ่งนี้มาก รีบรับกระดาษแดงนั้นมา และถามเซียวเถิงว่า “นี่คืออะไร ทำไมถงถงถึงเป็นอย่างนี้ มันทำให้ถงถงเจ็บปวดเหรอ” “นี่เรียกยันต์แดง ด้านบนประกอบด้วยพลังหยางบริสุทธิ์จำนวนมาก มีผลกับพวกผีอย่างมาก ถงถงจึงกลัว แต่ตราบใดที่ไม่ได้สัมผัสกับตัวสีแดงโดยตรง ก็จะไม่เจ็บปวดมาก อย่างมากก็จะทำให้รู้สึกไม่สบาย” เซียวเถิงอธิบาย พูดไปเขาก็โบกมือให้ฉัน ส่งสัญญาณให้ฉันตาม หลังจากนั้นจึงนำเดินไปในท่าเรือ ถงถงเห็นฉันรับยันต์แดง จึงเดินตามฉันอย่างระมัดระวัง ดึงมือของฉันขึ้นและพูดว่า “ไม่คิดว่าจะมี ยันต์แดง ของแบบนี้ด้วย ก่อนหน้านี้ฉันเคยเห็นแค่ยันต์เหลือง และยังเคยถูกนักบวชแปะยันต์เหลือง แต่นั้นไม่มีผลอะไร แค่ที่แปะบนตัวทำให้จั๊กจี้เท่านั้น” “ขี้โม้” ฉันพูดฉันไม่เชื่อความสามารถของถงถงหรอกนะและกิตติศัพท์ของยันต์เหลืองน่ะเลื่องลือ ในวัฒนธรรมของจีนน่ะ ยันต์เหลืองเป็นสิ่งที่มีพลังวิเศษ เพื่อปราบผีโดยเฉพาะ แล้วจะแปะแล้วจะแค่รู้สึกจั๊กจี้ได้ยังไง ถงถงเห็นฉันไม่เชื่อ ก็ร้อนล่นขึ้นมาและพูดว่า “จริงนะ ยันต์เหลืองอันนั้นถึงจะมีพลังหยางแต่ก็น้อยมาก และจะจัดการกับผีที่พึ่งกลายเป็นผี สำหรับฉันแล้วก็แค่ทำให้รำคาญนั่นแหละ แต่ไม่เหมือนอันสีแดงนั้น เมื่อกี้ที่พี่เอามาครู่เดียว ฉันก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัว เหมือนกับตกลงไปในเตาลาวาอย่างนั้น “ พูดอยู่เขาก็มองจดๆจ้องๆไปที่ กระเป๋าที่ฉันใส่ยันต์แดง ฉันมองถงถงที่พูดอย่างมั่นใจ ในใจก็รู้สึกถึงความปลอดภัยเขาดูตัวเล็กแต่อย่าประมาทความแข่งแกร่ง ในเมื่อสามารถทำให้เขากลัวขนาดนั้น ก็น่าจะเป็นภัยกับปีศาจหญิงเช่นกัน ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว เดินตามหลังเซียวเถิงอย่างวางใจ บางที่เมื่อครู่อาจจะกังวลเกินไป ตอนนี้พึ่งจะพบว่า น้ำที่อยู่ตรงข้ามของท่าเรือเต็มไปด้วยเรือหาปลา และเรือพวกนั้นล้วนปิดไฟ ลอยมืดอยู่บนน้ำ ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นจริงจริง เพียงแต่พวกเราเดินวนรอบท่าเรือแล้ว ก็ยังไม่พบเซียวเหย่พวกเราจึงลังเลกันว่าต้องขึ้นไปหาบนเรือหาปลาไหม ทันใดนั้นแสงสว่างก็ปรากฏขึ้นบนน้ำ พูดให้ถูกก็คือเรือประมงจู่ๆก็สว่างขึ้น ดึงดูดความสนใจของพวกเราทันที ตอนที่ฉันถามเซียวเถิงว่าไปที่เรือนั่นหาเซียวเหย่ไหม ถงถงก็ดึงฉันไว้ทันที และพูดเสียงเบาว่า “อย่าเข้าใกล้เรือประมงนั่น” “ทำไม” ฉันเห็นถงถงเสียงเบา ฉันอดไม่ได้ที่จะลดเสียงตัวเองด้วย “ปีศาจผู้หญิงอยู่บนเรือนั่นเหรอ” “ไม่ เพียงแต่เรือนั่นทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจมาก พี่ยังไงพี่ก็ห้ามเข้าใกล้เรือนั่นเด็ดขาดนะ” ถงถงพูด แต่เซียวเถิงไม่ได้สนใจคำพูดของถงถง ตอนที่ถงถงพูด เซียวเถิงก็ก้าวเท้าขึ้นไปบนเรือประมงที่มีไฟนั่นแล้ว ฉันรู้ว่าปีศาจหญิงยังซุ่มโจมตีอยู่ทุกทิศทาง ก่อนที่จะหาเซียวเหย่พบ ฉันไม่กล้าที่จะพูดเสียงดัง จึงจำใจต้องมองถงถงและถามเขาว่าทำอย่างไรดี ใบหน้าเล็กของถงถงย่นลง ปากก็พูดไปด้วยว่าไปไม่ได้ พลางถอนหายใจไปด้วย ในที่สุดก็ดึงฉันไปหาเซียวเถิงและพูดว่า “ ตามเขาไปเถอะ เกิดเรื่องจะได้ช่วยกัน มีแค่พวกเราสองคนยิ่งไม่ปลอดภัย” ฉันรับตามเซียวเถิงขึ้นเรือไป เดิมทีทั้งท่าเรือนี้นอกจากแม่หม้ายหลี่ก็ไม่มีใครแล้ว ขึ้นไปบนเรือฉันจึงพบว่า ในเรือมีหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่ เธอดูน่าจะอายุไม่ต่ำว่าแปดสิบกว่าปี ผมสีเทาติดกับหนังศีรษะร่างผอมๆเหมือนไม้เสียบผีนั่งยองๆอยู่ ในมือก็ถือเข็มไว้เพื่อทำงาน หลังจากเธอได้ยินการเคลื่อนไหวมือก็หยุดทันที หันมามองพวกเราช้าช้า พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “พวกเธอคือใคร” “คุณยาย คนอื่นบนเรือหล่ะครับ ทำไมไม่เห็นเลย”เซียวเถิงเป็นลูกของครอบครัวตระกูลใหญ่ เจอคนก็พูดภาษาคน เจอผีก็พูดภาษาผี ใบหน้ายิ้มเล็กน้อย แสร้งทำท่างไม่ตั้งใจจะถาม “ตอนกลางคืนพวกเขากลับบ้านไปนอนแล้ว พรุ่งนี้คือวันที่สิบห้า ท่าเรือไม่เปิด ดังนั้นเรือทุกคนเลยปิดไฟมืด” หญิงชราพูด พูดอยู่เธอก็หันหัวกลับไปทำงานเย็บปักต่อ” แล้วท่าเรือนี้มีคนกี่คนเหรอครับ ทำไมคนอื่นไม่เปิดไฟกัน” เซียวเถิงยังคงถามต่อ ระหว่างพูดก็หยิบยันต์แดงของตัวเองออกมาเงียบเงียบ แปะบนร่างหญิงชราและดูปฏิกิริยาของยันต์แดง แต่หลังจากยันต์แดงสัมผัสกับหญิงชรา ก็ยังคงเป็นกระดาษสีแดงธรรมดาใบเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ตอนแรกเซียวเถิงค่อนข้างกังวล แต่หลังจากเห็นยันต์แดงไม่เปลี่ยนแปลง ก็โล่งใจทันที จึงดึงกระดาษนั้นออกและเก็บลงกระเป๋าตัวเอง ดูเหมือนหญิงชราคนนี้จะไม่มีอะไรอย่างน้อยก็ไม่ใช่ผีแต่เป็นคน ฉันก็โล่งใจเช่นกัน แต่ในใจยังกังวลเรื่องปีศาจหญิง ร้อนใจที่จะหาเซียวเหย่ ทำท่าทางบอกเป็นนัยว่าให้เขารับไปไม่หยุด ใครจะรู้ราวกับเซียวเถิงมองไม่เห็นแววตาของฉัน เขามองไปที่หญิงชรา เริ่มที่จะจัดเก้าอี้เพื่อนั่งข้างหญิงชรา “มืดขนาดนี้แล้ว ใครยังอยู่ที่ท่าเรืออีก ถ้าไม่ใช่คนชรายากจนแบบฉันเหลือแค่ลำนี้เท่านั้น ฉันไม่ได้อยู่บนเรือตอนกลางคืน เดิมทีฉันไม่ได้เปิดไฟ แต่อายุเยอะแล้ว เลยตื่นเช้า ตอนนี้ประมาณตีสี่ได้ คนแก่นอนไม่หลับแล้ว” หญิงชราพูดอยู่ก็หัวเราะอย่างเศร้าใจ ราวกับเย้ยหยันตัวเอง เซียวเถิงถามอีกครั้ง “คุณใช้ชีวิตอยู่บนเรือนี้หรือครับ งั้นมีคนแปลกหน้ามาแถวท่าเรือบ้างไหมครับ ผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบได้ “คนแปลกหน้าเหรอ” หญิงชราพึมพำอยู่คนเดียวแล้วจึงคิดอย่างต่างใจจากนั้นจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่มีจริงๆ ฉันดูแก่มากแล้วแต่สายตายังดีอยู่มาก คนทั้งท่าเรือฉันรู้จักหมด ถ้ามีคนแปลกหน้ามา ฉันต้องจำได้แน่นอน “อ่อ.....อย่างนี้เอง ผมมารบกวนคุณยายแล้ว พวกเราจะลองไปหาที่อื่นกันแล้วน่ะครับ”ในที่สุดเซียวเถิงก็ยอมแห้ ยืนขึ้นและส่งสัญญาณให้ฉันออกไป ฉันร้อนใจที่จะหาเซียวเหย่อยู่นานแล้ว ไม่พูดอะไรฉันก็ออกไปข้างนอก เพียงแต่ฉันก้าวไปไม่ถึงสองก้าว ถงถงก็ดึงเสื้อฉันไว้ ส่งสัญญาณให้ฉันดูสิ่งของในมือหญิงชรา ฉันมองตามที่ถงถงชี้ ก็พบว่าในมือของหญิงชรากำลังเย็บสิ่งของที่คล้ายกับหนังหมูชิ้นหนึ่ง หนังหมูนั่นไม่ใหญ่มาก ด้านบนเต็มไปด้วยรอยปะ ดูเหมือนมถูกสร้างจากหนังหมูชิ้นเล็กชิ้นน้อย เจียงเหมินของเราตั้งอยู่ด้านล่างของลุ่มแม่น้ำแยงซี เป็นสถานที่ติดต่อเหนือละใต้ อยู่ใกล้กับแม่น้ำเจียง ฤดูหนาวไม่มีความอบอุ่น หนาวเย็นอย่างน่าประหลาด ดังนั้นพวกเราจึงสวมเสื้อคลุมขนสัตว์จำนวนมากเพื่อป้องกันความหนาวเย็นในฤดูหนาว และหนึ่งในนั้นก็ขาดหนังหมูไม่ได้ หญิงชราคนนี้ดูท่าทางยากจน หาหนังหมูเพื่อมาทำเสื้อคลุมใส่ในหน้าหนาวก็เป็นเรื่องปกติ ฉันไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน แต่ถงถงดึงดันให้ฉันมองหนังหมูนั่น ฉันจึงต้องจ้องมองหนังหมูนั่นต่อไป หญิงชราคนนั้นสังเกตเห็นสายตาของฉัน จึงหันกลับมามองฉัน เหมือนกับไม่ชอบที่ฉันจ้องหนังหมู จึงหันกลับไป หันหลังให้ฉัน เพื่อปิดบังสายตาฉัน จริงด้วย ถูกคนแปลกหน้าจ้องสิ่งของตัวเอง ความรู้สึกนั้นไม่ดีอย่างแน่นอน แล้วยิ่งมืดขนาดนี้ หญิงชราไม่ให้ดูก็ยากจะหลีกเลี่ยง ยิ่งกว่านั้นคือฉันไม่เห็นว่าเสื้อขนสัตว์นั้นมีอะไรแตกต่าง จึงอุ้มถงถงขึ้นปลอบเขาสองสามประโยคแล้วเดินออกไป ถงถงดูเหมือนมีบางสิ่งจะพูดเขากระพริบตาปริบปริบมองฉันเมื่อเราเดินออกจากเรือแล้ว ถงถงไม่รอที่จะอ้าปากว่าฉันว่า “พี่สาวสนามบิน ทำไมพี่โง่ขนาดนี้นะ หญิงชรานั่นมีอะไรแปลกแปลกแน่นอน หนังที่เธอเย็บคือหนังคน!” ค่ำขนาดนี้ฉันยังได้ยินสองคำหนังมนุษย์ ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งร่างกาย แต่ฉันก็เห็นหญิงชรานั้นปกติ แม้แต่เซียวเถิงก็ยังซักถามหญิงชราซักพัก ไม่มีเบาะแสอะไรเลย “ทำไมนายถึงรู้ว่าเป็นเนื้อคน มีอะไรผิดพลาดหรือป่าว” ฉันถามถงถง ตอนแรกเขาก็พูดว่าเรือนี้มีอะไรแปลก ตอนนี้ก็พูดว่าที่หญิงชราเย็บอยู่คือหนังมนุษย์อีกแต่ฉันกับเซียวเถิงกลับไม่รู้สึกแปลกอะไร และเซียวเถิงก็ยังใช้ยันต์แดงทดสอบแล้วด้วย ด้วยพลังของยันต์แดงที่มากขนาดนั้นแล้ว ถ้าหญิงชราคือปีศาจหญิงจริงจะแสดงร่างเดิมซักเท่าไหร่กัน ถงถงเห็นฉันไม่เชื่อเขา ใบหน้าเล็กเล็กก็โกรธขึ้นมา มือเล็กเล็กก็เท้าเอวและพูดว่า “ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับพี่ดี แต่ฉันเป็นกุมาร รู้สึกถึงพลังหยินได้ไว บนเรือนั่นมีพลังหยินปกคลุมอยู่ และพลังหยินยังแผ่ออกมาจากบนหนังนั่น ถึงแม้หมูจะมีจิตใจ แต่มันก็เป็นสัตว์ มีเพียงวิญญาณฟ้ากับวิญญาณดิน หากไม่มีวิญญาณอยู่แล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยพลังหยินแรงขนาดนี้ ดังนั้นหนังแผ่นนั้นน่ะเข้าใจได้อย่างเดียวก็คือเป็นหนังคน” 
已经是最新一章了
加载中