ตอนที่ 41ถ่ายโอนวิญญาณ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 41ถ่ายโอนวิญญาณ
ต๭นที่ 41ถ่ายโอนวิญญาณ เซียวเหย่เธอแน่ใจนะว่าในอนาคตจะไม่มีอันตราย พวกเราอุ้มยายคนนั้นกับเถ้าแก่โฉ้วเข้าไปในห้อง จากนั้นฉันก็ถามเซียวเหย่ ว่าต้องทำไงต่อ ถึงอย่างไรพวกเราก็ได้รับเช็คธนาคารแล้ว สู้หนีไปให้ไกลดีกว่า ส่วนเถ้าแก่โฉ้วก็ทิ้งให้อยู่กับยายคนนี้ ให้ศัตรู เขาจัดการกันเอง ถึงยังไงเจ้าเถ้าแก่โฉ้วก็ทำเลวไว้เยอะ โดนอย่างนี้ก็สมควรแล้ว เซียวเหย่มองมาที่ฉันด้วยท่าทางตกใจ แล้วพูดหยอกล้อว่า : "ยังดูไม่ออกอีกหรอว่าเธอเป็นนักธุรกิจชั่วในสายเลือดนะ" "ฉันจะเป็นพ่อค้าชั่วในสายเลือดได้ยังไง" ใบหน้าฉันแดงระเรื่อ พร้อมถามเซียวเหย่ขึ้น "เอาเงินเขามาแล้ว แต่ไม่ทำตามข้อตกลง แล้วเธอจะไม่ใช่นักธุรกิจชั่วในสายเลือดได้ยังไง? ถึงแม้ว่าตอนรับเงินฉันไม่ได้รับประกันชีวิตของโฉ้วโทง แต่ฉันรับปากว่าจะช่วยพ่อของเขาสร้างสุสานฝั่งศพให้ เมื่อกล้าพูดก็ต้องทำได้ นี่เป็นการอบรมสั่งสอนของครอบครัวเซียว" เซียวเหย่หัวเราะพร้อมพูดขึ้น เมื่อพูดจบเขาก็เดินไปถึงข้างตัวยาย แล้วผลักเธอสองที จากนั้นเขาก็ปล่อยหยินชี่ออกมาจากร่างกายแล้วใส่ในหูของยาย แล้วพูดว่า : "ตื่น!" ราวกับต้องมนต์ก็มิปาน ยายแก่เริ่มสั่นเทาไปทั้งตัว เพียงพริบตาก็ตื่นได้สติ แล้วมองที่เซียวเหย่ด้วยความโกรธแค้น "ขี้ขลาดตาขาว จะเข่นจะฆ่าก็แล้วแต่คุณ แต่ฉันขอเตือนคุณสักอย่างว่า ภูตผี หากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์มากจนเกินไป จะต้องได้รับผลกรรมตอบสนอง" ยายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ขอบคุณมากที่เตือน แต่ฉันไม่ฆ่าคุณหรอก ฉันเคยพูดแล้วว่า เมื่อรับเงินคน ฉันก็จะช่วยคนแก้ปัญหา ในเมื่อฉันก็รับเงินของเขาแล้ว ก็จะช่วยลูกชายของเขาให้ " ไม่รอให้เซียวเหย่พูดจบ ยายก็พูดขัดขึ้นว่า : "ทำงานช่วยเหลือคนแบบนี้ ไม่กลัวเวรกรรมตามสนองบ้างหรอ! ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่คุณมีชีวิตเป็นถึงเฟิ่งซุ่ยซือของตระกูลเซียว แล้วไม่กลัวบรรพบุรุษตระกูลเซียวจะอับอายบ้างหรอ!" จู่ๆ ภายในใจฉันก็ตกใจ ยายแก่คนนี้รู้ว่าเซียวเหย่เป็นเฟิ่งซุยซือของตระกูลเซียว หรือว่าเธอรู้จักกับเซียวเหย่หรอ? หรือว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับตระกูลเซียว? บนใบหน้าของเซียวเหย่แสดงสีหน้าตกใจแวบหนึ่ง โดยไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่กลับแสร้งยิ้มมุมปากต่อ แล้วพูดว่า : "ในเมื่อคุณรู้ว่าตอนฉันมีชีวิตอยู่เป็นเฟิ่งซุยซือของตระกูลเซียว ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อฉันเซียวเหย่ ฉันคนนี้เป็นคนมีความรับผิดชอบตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำงานส่วนที่ฉันสมควรทำ ช่วยเหลือคนที่ฉันควรช่วยเหลือ ถ้าหากคุณไม่อยากให้ฉันช่วยเขา ก็ช่วยบอกหน่อยว่าทำไหมอยากจัดการเขาด้วย? ถ้าหากเรื่องราวของคุณดี ฉันคงดีใจเพราะไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย" ฉันตกใจอีกครั้ง คนๆนี้ช่างเป็นคนเก็บความรู้สึกได้เก่ง ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจช่วยเถ้าแก่โฉ้วตั้งแต่แรก แต่พอเขาพูดอย่างนี้ เพียงชั่วพริบตาฉันก็เกิดความสงสัยต่อยายแก่คนนี้แล้ว ดูท่าทางเธอแล้ว น่าจะดูเป็นคนซื่อตรง ไม่น่าจะเป็นคนประเภททำผิดให้กลายเป็นถูกได้ เธอมีญาติพี่น้อง แต่เพราะเถ้าแก่โฉ้วให้น่องไก่หมดอายุทำให้เสียชีวิต แต่เธอก็ยังใจกว้างมีเมตตา ทำไหมไม่แก้แค้นเถ้าแก่โฉ้วให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่กลับอยากแก้แค้นลูกของเถ่าแก่โจ้วผ่านพ่อของเถ้าแก่โฉ้วล่ะ? "นี่คุณพูดเองน่ะ ฉันจะเล่าเรื่องให้คุณฟัง คุณก็อย่าได้เข้ามายุ่งอีก" ยายมองเซียวด้วยสายตาเผยความเคร่งเครียด และมีนัยตาความอาฆาตเล็กน้อยด้วย ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการลองใจครั้งสุดท้ายของเธอ ถ้าเล่าเรื่องจบ แล้วเซียวเหย่ยังเข้ามาวุ่นวายอีก เธอก็จะสู้กับเซียวเหย่ให้ตายไปพร้อมๆกัน "ฉันชื่อว่าเสินเหม่ยฉิน ฉันเกิดมาพร้อมโชคชะตาที่ต้องอยู่คนเดียวเพียงลำพัง ตอนฉันมีอายุครบกำเนิดหนึ่งปี เทพอัคคีก็แผดเผาญาติพี่น้องของฉันตายหมด หลงเหลือเพียงฉันคนเดียว จากนั้นอาจารย์ฉันก็เก็บฉันมาเลี้ยง เลี้ยงดูฉันจนเติบใหญ่ และได้บดบังโชคชะตาที่ต้องอยู่คนเดียวของฉันไว้ ทำให้ฉันมีชีวิตเหมือนเหมือนคนปกติ "หลังจากฉันก็เติบโต แต่งงาน มีลูกอย่างสงบสุข เหมือนกับคนทั่วๆไป ฉันใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านอย่างปกติ ค่อยมองดูลูกชายเติบใหญ่ และแต่งงาน และรอคอยลูกชายของเขากำเนิด ฉันคิดว่าชั่วชีวิตนี้ฉันคงต้องจำนนต่อโชคชะตาที่ต้องอยู่คนเดียว แต่ตอนที่หลานชายของฉันกำเนิดในปีนั้น อาจารย์ของฉันก็เสียชีวิตโชคชะตาของฉันก็ถูกปลดปล่อย หลังจากอาจารย์ฉันจากไปสองวัน สามี ลูกชาย ลูกสะใภ้ของฉันก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลงเหลือหลานชายของฉันเป็นผู้โชคดีที่รอดชีวิต ในที่สุดญาติพี่น้องของฉันที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโชคชะตาฉันก็คนหนึ่ง" "ญาติพี่น้องของฉันล้วนเสียชีวิตจากการถูกจำนนต่อโชคชะตาของฉัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลานชายของฉัน ฉันคงตายไปพร้อมกับลูกชายและคนที่ฉันรักทุกคนแล้ว ดังนั้นฉันให้ความสำคัญต่อหลานชายของฉันมากกว่าสิ่งใดๆ" "เมื่อเฉิ่นเหม่ยฉิ่นพูดถึงตรงนี้ ตอนแรกน้ำเสียงคงที่ แต่จู่ๆ น้ำเสียงก็เปลี่ยน ดวงตาเธอก็เริ่มแดงก่ำ และจ้องมองเถ้าแก่โฉ้วที่นอนสลบข้างๆอย่างโกรธแค้น แล้วพูดว่า : "ถ้าไม่ใช่เพราะเขา แกล้งทำเป็นคนใจดี มอบอาหารมีพิษ หลานชายฉันจะตายได้ยังไง! ปีก่อนหลานชายฉันเป็นโรคโลหิตเป็นพิษ ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล และต้องรอเงินรักษา ฉันให้วัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านไปขอยืมเงินเขา แต่เขาก็ไม่ยอมให้" "ฟ้าดินไร้ความเมตตา แต่มีเองหนึ่งที่มีเมตตานั่นคือฉันได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ ด้วยเหตุนี้ฉันจะมองดูหลานชายฉันตายอย่างนี้ได้ยังไง ถ้าหากเขาตายไป แล้วยายอย่างฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?" เสิ่นเหม่ยฉินพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับมีเรื่องปิติยินดีก็มิปาน : "ดังนั้นฉันจึงใช้วิธีเก็บรักษาวิญญาณของหลานฉันไว้ เพื่อวันนี้ วันที่สามารถช่วงชิงร่างของลูกชายเขา เพื่อทำให้หลาชายฉันกลับมามีชีวิตอยู่เคียงข้างฉันอีกครั้ง ฮ่าฮ่า" "คุณต้องการถ่ายโอนวิญญาณหรอ? มิน่าคุณถึงจัดการลูกชายของโฉ้วโถงแบบนี้" เซียวเหย่ขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้น ฉันไม่ค่อยเข้าใจ จึงรีบถามว่าการถ่ายโอนวิญญาณหมายถึงอะไร "ถ่ายโอนวิญญาณเป็นคาถาช่วงชิงร่างของคนอื่น โดยกลืนกินวิญญาณของเจ้าของร่าง จากนั้นครอบครองร่างและฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เพราะการกลืนกินชีวิตของคนอื่นจะช่วยยืดชีวิตของตัวเอง ดังนั้นการถ่ายโอนถูกผู้คนมองว่าเป็นศาสตร์ของปีศาจตั้งแต่ไหนตั้งไร" เซียวเหย่พูดขึ้น ฉันอดไม่ได้ที่จะตกใจ บนโลกใบนี้ยังมีวิธีการแบบนี้อยู่หรอ? ถ้าหากครอบครองวิธีนี้ จิ๋นซีฮ่องเต้ก็คงเป็นอมตะไปแล้ว ขอเพียงถ่ายโอนวิญญาณของตัวเองไปอาศัยอยู่ในร่างของเด็กทารก ก็จะมีอายุยืนยาวหลายปีเลย ช่างวิเศษยิ่งนัก ในตอนที่ฉันตกใจค้างนั้น ดูเหมือนเซียวเหย่จะมองทะลุความคิดของฉัน และพูดต่อว่า : "ถึงแม้ว่าความวิเศษของการถ่ายโอน วิญญาณจะร้ายกาจ แต่ก็มีข้อจำกัดมากมาย เช่น ความสมบูรณ์ของร่างที่ถูกถ่ายโอนกับร่างเดิมต้องเหมือนกัน จึงจะไม่ทำให้ร่างเกิดข้อผิดพลาด ถ้าหากความสมบูรณ์ของร่างที่สองไม่เหมือนกัน ต่อให้ร่ายคาถาถ่ายโอน และครอบครองร่างสำเร็จ ก็ไร้ประโยชน์ เพราะวิญญาณไม่สามารถควบคุมร่างของคนที่ถูกถ่ายโอนได้เลย แต่อย่างน้อยก็กลายเป็นคนๆหนึ่งได้" คิดไม่ถึงว่าเซียวเหย่จะรู้จักคนที่สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวและความรู้สึกประโยคนี้ด้วย ฉันตกใจอย่างเงียบๆ แต่ พอฟังคำอธิบายจากเขา ฉันก็เข้าใจอะไรมากขึ้น ดูเหมือนว่าวิธีการถ่ายโอนใช่ว่าจะมีประโยชน์เสียทั้งหมด คงต้องพึ่งโชคชะตาถึงจะสำเร็จ "ตอนนี้ก็เล่าเรื่องจบแล้ว พวกคุณควรไปได้แล้ว อย่าเข้ามาขีดขวางแผนการของฉัน" เมื่อเสิ่นเหม่ยฉินพูดจบ ก็จ้องมองเซียวเหย่โดยไม่ละสายตา เพราะกลัวเซียวเหย่จะเปลี่ยนใจอีก ฉันยังมีอีกหนึ่งคำถาม ในเมื่อคุณช่วยหาร่างที่เหมาะสมให้กับหลานชายคุณแล้ว แล้วทำไหมถึงไม่ใช้วิธีการถ่ายโอนวิญญาณแก่หลานชายคุณให้ฟื้นคืนชีพเมื่อปีที่แล้วล่ะ จำเป็นต้องรอนานขนาดนี้เลยหรอ? " ดูท่าทางของเซียวเหย่จะไม่จากไปง่ายๆ แต่ถามเพื่อถ่วงเวลา "เพราะ...คุณยุ่งมากเกินไปแล้ว คุณไม่สมควรรู้ ทางที่ดีอย่าถามดีกว่า! "ขณะที่เธอพูดน้ำเสียงก็เปลี่ยน แววตาเธอดูหวาดระแวง จากนั้นก็ผิวปากส่งเสียงร้องสูงแหลมออกมา หลังจากผิวปาก ไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงกระพือปีกดังขึ้นจากข้างหลังฉัน ยังไม่ทันให้ฉันตอบสนอง บ่าของฉันก็รู้สึกเจ็บปวดแปลบขึ้นมา ที่แท้ก็เป็นกระหังตาแดงนั่นเอง ตอนแรกนั้นมันถูกเซียวเหย่ตีจนสลบไป ตอนนี้กลับตื่นแล้ว เสิ่นเหม่นฉินรู้ดีว่ากระหังตาแดงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวเหย่ เลยควบคุมค้างคาวดูดเลือดมากัดฉันแทน ฉันเจ็บจนร้องตะโกนออกมา ขณะเดียวกันก็รู้สึกมีตะปูเหล็กกล้าสองด้านทิ่มแทงเข้าร่างกายฉัน ทั้งร่างเหมือนไร้การควบคุมจนต้องอุทานออกมา เมื่อเซียวเหย่ได้ยินเสียง สีหน้าก็เปลี่ยนทันที เขาไม่ได้มาดูฉัน แต่ปล่อยหมอกควันสีดำกลุ่มหนึ่งเต็มห้อง หมอกสีดำได้ปกคลุมทั่วร่างของเขา หลังจากปรากฏหมอกควันสีดำ จู่ๆฉันก็รู้สึกถึงความน่าเกรงขาม ไม่เพียงแค่ฉัน แม้แต่ฝุ่นในห้องก็เริ่มสั่นสะเทือน ฝุ่นลอยลงพื้นทีละชั้นทีละชั้น แต่สถานการณ์ของเสิ่นเหม่ยฉินที่ต้องการจัดการเซียวเหย่กลับยิ่งแย่ลง เธอฟุบตัวลงกับพื้น บนหน้าเหมือนกับถูกอะไรเหยียบไว้ เขานอนนิ่งบนพื้น จนกระทั้งใบหน้าถูกกดทับเปลี่ยนสีหน้า "ฉันฟังเรื่องของคุณอย่างอดทน ให้โอกาสคุณ แต่คุณกลับกล้าทำร้ายคนขอฉัน ไม่รู้จักบุญคุณ "เซียวเหย่พูดอย่างโมโห ดูเหมือเขาจะโกรธจริงๆ น้ำเสียงไม่ดัง แต่แฝงด้วยรัศมีอาฆาต หมอกควันได้ปกคลุมไปทั่วห้อง เพียงชั่วพริบตากระหังตาแดงที่กัดฉันงับหนึ่งก็คลายออก และทะยานออกนอกห้องด้วยความรวดเร็ว "ในเมื่อหลานชายของคุณเป็นความหวังเดียวที่คุณมีชีวิตอยู่ ฉันก็จะให้คุณลองชิมรสชาติของความหวังดับสูญว่าเป็นอย่างไร" เซียวเหย่รู้สึกโกรธ แต่แสร้งหัวเราะ ขณะที่พูดเขาก็ยื่นมือออกไปคว้าของสิ่งหนึ่งที่มุมหนึ่งในบ้าน ในมือปรากฏเงาเลือนรางเงาหนึ่ง ดูเหมือนกับเป็นเด็กอายุสิบเอ็ดสิบสองปี เมื่อเด็กคนนี้มองเห็นเซียวเหย่ก็ตกใจแทบไม่ทัน เด็กน้อยอ้างปากส่งเสียงร้องอะไรสักอย่าง ดูเหมือนจะกำลังขอความช่วยเหลือจากยายของเขา "อย่า..." เมื่อเสิ่นเหม่ยฉินเห็นฉากเบื้องหน้า ไม่นานเงาก็สลายหายไป เสิ่นเหม่ยฉินที่ควบคุมกระหังตาแดงมาทำร้ายฉันก็หยุดชะงัก แต่กลับดิ้นร้นอย่างน่าอนาถเพื่อเข้ามาช่วยหลานชายตัวเอง ที่จริงแล้วเธอกับเซียวเหย่คนละระดับชั้นกัน ถ้าเซียวเหย่ยังคงเคืองโกรธอยู่ เธอจะไม่มีหวังเลย "ได้โปรด อาจารย์อา ฉันขอร้องล่ะ เห็นแก่อาจารย์ฉันเป็นพี่ชายของคุณ ไว้ชีวิตหลานฉันสักคนเถอะ!" หลังจากที่เสิ่นเหม่นฉิ่นขอร้องแล้วไม่มีประโยชน์ เธอก็ร้องไห้สะอึดสะอื้นออกมา และยังยอมคุกเข่าขอร้องเซียวเหย่ทั้งที่น้ำตาไหลริน เพียงชั่วพริบตาการกระทำของเซียวเหย่ก็หยุดลง เขาขมวดคิ้วติดกัน "คุณบอกว่าอาจารย์คุณคือใครนะ?" สายตาของเซียวเหย่มองมาที่เสิ่นเหม่ยฉินอีกครั้ง "เซียวนีง! อาจารย์ของฉันคือเซียงนีง ตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่นั่น ท่านเคยพูดถึงคุณมาก่อนด้วย ดังนั้นเมื่อกี้ที่ฉันโต้แย้งกับคุณ ฉันจึงรู้ถึงฐานะของคุณ" เสิ่นเหม่ยฉินมองเซียวเหย่และนิ่งไป จากนั้นรีบกระโจนเข้ามาเหมือนกับคว้าพืชแห่งชีวิตต้นสุดท้ายได้ เซียวเหย่ยิ่งขมวดคิ้วชิดติดกัน : "คุณเป็นลูกศิษย์ของเซียวนีงจริงๆหรอ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วทำไหมคุณถึงไม่เกรงอกเกรงใจกันบ้าง? ต่อให้คุณเป็นลูกศิษย์ของพี่ใหญ่ของฉันจริงๆ แต่ถ้ากล้าทำผิดเช่นนี้ ยังไงก็ต้องได้รับการลงโทษ! พูดจบใบหน้าที่ไม่กระจ่างของเซียวเหย่ก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเย็นขา จากนั้นเขาก็จับศีรษะของเด็กน้อย หวังจะดึงออกเป็นสองท่อน "รอสักครู่ คนที่ทำผิดคือฉัน ได้โปรดอาจารย์อาลงโทษฉัน! แต่ปล่อยหลานชายฉันเถอะ อาจารย์อาฉันขอร้องล่ะ!" เสิ่นเหม่ยฉินพูดอย่างกระเสือกกระสน เนื่องจากเสียงของเธอที่ร้องตะโกนมากเกินไป จนทำให้เสียงแหบ แต่เธอก็ยังพยายามส่งเสียงร้องอย่างสุดชีวิต เหมือนกับว่าถ้าเธอร้องตะโกนดังมากพอแล้ว เซียวเหย่ก็จะได้ไว้ชีวิตหลานชายของเธอ เซียวเหย่หยุดการกระทำในมือ ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ : "ตอนที่คุณทำร้ายภรรยาของผม ทำไหมคุณถึงไม่คิดได้ว่าใครทำผิดคนนั้นต้องถูกลงโทษล่ะ? แล้วเธอหาเรื่องคุณหรอ?" "ล้วนเป็นความผิดของฉันเอง ฉันสมควรถูกมีดหลายพันเล่มทิ่มแทง อาจารย์อาท่านสามารถดับสลายดวงวิญญาณของฉันได้เลย!" เสิ่นเหม่ยฉินพูดขึ้น ระหว่างที่พูดดวงตาที่แดงก่ำก็จ้องมองเซียวเหย่ด้วยความกลัวว่าเซียวเหย่จะไม่หายโกรธ เธอยกมือขึ้น แล้วฟาดตรงที่แขนอีกข้างของตัวเอง เพียงแค่เสียงฟุบ แขนของเธอก็ขาด บาดแผลราวกับถูกมีดตัดขาดอย่างเรียบเนียนมิปาน
已经是最新一章了
加载中