ตอนที่ 42 หนึ่งชีวิตเเลกอีกหนึ่งชีวิต
1/
ตอนที่ 42 หนึ่งชีวิตเเลกอีกหนึ่งชีวิต
Hello คุณผีพรายของฉัน
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 42 หนึ่งชีวิตเเลกอีกหนึ่งชีวิต
ตนที่ 42 หนึ่งชีวิตเเลกอีกหนึ่งชีวิต เพียงชั่วพริบตาเลือดสดๆ ก็ทะลักออกมา "คุณยาย!" ฉันเห็นเด็กคนนั้นมีท่าทางเหมือนคนเสียสติที่ตะโกนเรียกเสิ่นเหม่ยฉินไม่กี่ครั้ง แต่เบื้องหน้าฉัน เขากลับเหมือนเเสดงละครใบ้ ไม่ว่าอารมณ์จะคลุ้มคลั่งและโหดร้ายขนาดไหน ล้วนก็ไม่มีเสียง ในที่สุดท่าทางที่เย็นชาของเซียวเหย่ก็มีการเปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าบนใบหน้ายังมีแววตาโกรธแค้นอยู่ แต่ฉันก็เห็นความเคียดแค้นของเขาลดลงแล้วครึ่งหนึ่ง "เซียวเหย่ ในเมื่อเธอเป็นลูกศิษย์ของพี่ชายใหญ่ของคุณ คุณก็ปล่อยเธอไปสักครั้งเถอะ อีกอย่างเถ้าแก่โฉ้วก็เป็นคนผิดก่อน" บ่าของฉันเจ็บปวดมาก แต่ฉันก็ยังขอร้องให้กับเสิ่นเหม่ยฉิน ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เทพแห่งสตรี ฉันเพียงแค่ไม่อยากเห็นเซียวเหย่ลำบากใจ เสิ่นเหม่ยฉินคิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาแบบนี้ฉันจะขอร้องแทนเธอ เธอนิ่งอึ้งไป หลังจากปฏิกิริยาตอบสนอง จู่ๆเธอก็คลานมาหาฉัน ฉันแทบช็อก และรีบหลบซ่อนข้างหลัง หลังจากเธอมาถึง กลับไม่ได้ทำอันตรายฉันเลย แต่กลับโขกหัวคำนับฉัน โขกหัวคำนับพลางยอมรับผิดพลาง ท่าทางที่น่าเวทนา และสภาพแขนที่มีเลือดไหลรินฟุบฟุบ ไม่ว่าใครเมื่อเห็นแล้ว ภายในใจล้วนเกิดความเศร้าสลด เพราะกลัวว่าเธอจะขาดเลือดจนตายไป "เซียวเหย่..."ฉันมองเซียวเหย่อย่างเห็นใจ ส่วนเซียวเหย่ก็มองมาที่ฉัน แต่พอเห็นฉันพยายามขอร้องให้กับเสิ่นเหม่ยฉิน ใบหน้าของเขาก็เริ่มดูคลายความทุกข์มากขึ้น ทันใดนั้นเขาก็สะบัดเด็กน้อยในมืออก แล้วก้าวเท้ากว้างๆมาหาฉัน และโอบกอดฉันไว้ เขาเอามือมาถูแผลบนบ่าของฉัน จู่ๆทั้งตัวฉันก็รู้สึกชา เหมือนกับได้ทายาชาก็มิปาน แล้วฉันไม่รู้สึกเจ็บแล้ว "เห็นแก่ภรรยาของฉันที่ขอร้องแทนเธอ ฉันจะมอบโอกาสครั้งสุดท้ายให้คุณอีกครั้ง เมื่อปีที่แล้วทำไหมถึงไม่เอาร่างของลูกชายโฉ้วโถงฟื้นคืนชีพหลานชายคุณล่ะ แต่กลับมาทำพิธีตอนนี้ ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ตกลงคุณผ่านอะไรมาบ้าง?" แววตาที่แวววับของเซียวเหย่มองมาที่เสิ่นเหม่ยฉิน แล้วพูดขึ้น ฉันไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ ในเมื่อรู้ทั้งรู้ว่าทำไหมเสิ่นเหม่ยฉินถึงต้องการจัดการลูกชายของโจ้วโทง แต่ก็ยังถามเธอเยอะแยะไปเพื่ออะไร ให้เธอคลายคาถาต้องห้ามให้กับพ่อของเถ่าแก่โฉ้วไม่ดีกว่าหรอ ภารกิจของพวกเราก็จะได้เสร็จสิ้น "เพราะวิญญาณงูเทพตัวหนึ่ง" สีหน้าของเสิ่นเหม่ยฉินเริ่มขาวซีด บวกกับฝุ่นเปื้อนเต็มใบหน้าของเธอ ตอนที่โขกหัวคำนับเมื่อสักครู่ ทำให้ดูอารมณ์บนใบหน้าของเธอไม่ออก "งูที่เธอวางบนสุสานของเฒ่าโฉ้วหรอ? ตกลงมันมาจากไหนกัน แม้แต่ฉันก็ทำร้ายคาถาต้องห้ามของมันไม่ได้เลย?" เซียวเหย่กระดุกคิว แสดงถึงความสงสัย แม้แต่น้ำเสียงก็ยังรีบร้อน ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าทำไหมเธอถึงเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ "แน่นอนว่าฉันเคยร่ำเรียนคาถาวิชากับอาจารย์มาไม่น้อย แต่เมื่อสี่สิบปีก่อน เมื่อฉันรู้จักปู่ของลูกชาย ฉันก็อยากใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ดังนั้นฉันจึงขอร้องให้อาจารย์ผนึกความสามารถของฉันไว้ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาอีกเลย แต่ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น ฉันจึงอยากแก้แค้น แต่คาถาวิชาที่ไม่ได้ฝึกฝนมานานกว่าสี่สิบปีก็ใช้การไม่ได้เลย แล้วฉันจะทำอะไรได้มากล่ะ? นอกจากเก็บรักษาวิญญาณของหลานชายฉันอย่างยากเย็นแสนเข็น และสืบค้นวิธีการถ่ายโอนวิญญาณ" "ฉันรู้ดีว่าการฟื้นคืนชีพของหลานชายฉันยากเย็นเหมือนปืนขึ้นฟ้า ชั่วชีวิตนี้คงไม่สามารถมีวาสนาร่ายคาถาถ่ายโอนวิญญาณได้สำเร็จ แต่ฉันมีวาสนาได้พบกับงูเทพองค์หนึ่งได้โดยบังเอิญ งูเทพองค์นี้มีพลังหยินชี่แข็งแกร่งมาก และยังยินยอมช่วยฉันแก้แค้นด้วย ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆอย่างนี้หลุดมือไปได้แน่ ดังนั้นฉันเลยปลอมตัวเป็นเฟิ่งซุ่ยซื่อ และหาสถานที่เปลี่ยวๆให้เฒ่าโฉ้ว แล้วให้งูเทพร่ายค่ายกลไว้ จากนั้นช่วยฉันร่ายคาถาถ่ายโอนให้สำเร็จ" เสิ่นเหม่ยฉินพูดขึ้น ในเวลานี้เสียงของเธอเริ่มมีโทนเสียงปกติ ไม่รู้ว่าเธอเกรงกลัวบารมีของเซียวเหย่ หรือสิ้นหวังกันแน่ ถึงอย่างไรบนตัวเธอก็ไม่มีกลิ่นอายของปีศาจแล้ว ดูไปแล้วท่าทางของเธอเหมือนกับยายแก่ธรรมดาในหมู่บ้านคนหนึ่ง เมื่อเซียวเหย่ฟังจบก็ผงกหัวรับ เขาไม่มีข้อสงสัยอะไรในคำพูดของเสิ่นเหม่ยฉิน และไม่ถามต่อเกี่ยวกับเรื่องงูเทพแล้วด้วย แต่พูดว่า : " ถ้างั้นฉันกับคุณไปสุสานให้งูวิเทพคลายค่ายกลก่อน เพราะฉันต้องการเคลื่อนย้ายสุสาน และร่างลูกชายของโฉ้วโทง คุณเองก็ทำใจเถอะ ฉันคงไม่ยอมให้คุณใช้ร่างของลูกชายเขามาฟื้นคืนชีพหลานชายคุณแน่" "ถ้างั้นหลานชายฉันจะให้ทำยังไงล่ะ?" เสิ่นเหม่ยฉินเงยหน้าขึ้น และถามอย่างสงบนิ่ง เธอไม่แสดงท่าทางกวนประสาทอีกแล้ว แต่ถามเซียวเหย่อย่างเจียมตัว เหมือนกับเตรียมใจยอมรับแล้ว ต่อให้เซียวเหย่ขัดความตั้งใจของเธอ เธอก็คงไม่ขอเรียกร้องแล้ว "วางใจเถอะ ฉันเตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว" เซียวเหย่พูดขึ้น ในที่สุดสีหน้าเหม่อลอยของเสิ่นเหม่ยฉินก็ปรากฏความรู้สึกประหลาดใจ อาจจะเป็นเพราะเซียวเหย่เป็นอาจารย์อาของเธอ หรือไม่เพราะเซียวเหย่ให้คำตอบเกินความคาดหมายของเธอ จู่ๆเธอก็ยืนขึ้น และปัดฝุ่นบนเนื้อตัวและพูดว่า : "ได้ ฉันจะไปกับคุณ" เซียวเหย่ผงกหัวรับ เมื่อได้รับคำมั่นสัญญาจากเสิ่นเหม่ยฉิน เขาก็ไม่พูดอะไรอีก และเดินตรงไปที่ข้างตัวของเถ้าแก่โฉ้ว แล้วเตะเข้าอย่างจัง จนเถ้าแก่โฉ้วกระอักเลือดออกมา ฉันตกใจจนหัวใจเต้นแรง การกระทำของเซียวเหย่ไม่รอให้เสิ่นเหม่ยฉินแก้แค้น เขาก็ถูกเซียวเหย่ทำร้ายจนเจียนตาย แต่หลังจากที่เถ้าแก่โฉ้วกระอักเลือดสีดำเสร็จ เขาก็ค่อยๆตื่นคืนสติ เพราะเขานอนสลบนานเกินไป พอตื่นขึ้นมาสายตาเลยพร่ามัว "ไปขับรถ พวกเราจะไปที่สุสานของพ่อคุณ" เซียวเหย่พูดขึ้น ตอนแรกนั้นเขาคุยกับเถ้าแก่โฉ้วอย่างสุภาพ แต่หลังจากที่เถ้าแก่โฉ้วบีบคอฉัน เซียวเหย่ก็ไม่ไว้หน้าเถ้าแก่โฉ้วอีกเลย "อ๋อครับ" หลังจากเถ้าแก่โฉ้วหายจากความมึนงงสักพัก พอเห็นเซียวเหย่ก็นึกถึงเรื่องราวพิศดารของเขาขึ้น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ แล้วพูดอย่างอ้อนน้อมขึ้น เซียวเหย่ก็ไม่ได้สนใจเขา แต่เดินตรงมาข้างฉัน และอุ้มฉันขึ้น จากนั้นก็เดินนำมาตรงที่รถ ส่วนเถ้าแก่โฉ้งกับเสิ่นเหม่ยฉินก็เดินตามหลังเซียวเหย่พร้อมกัน ตอนแรกเพราะเถ้าแก่โฉ้วรู้ฐานะภูตผีของเซียวเหย่เลยตั้งใจรักษาระยะห่างกับเซียวเหย่ไว้ แต่หลังจากเห็นเสิ่นเหม่นฉิน เขาก็ดูเหมือนเห็นผีก็มิปาน รีบวิ่งนำหน้าสองสามก้าวไปอยู่ข้างเซียวเหย่ และเดินเบียดเสียดข้างหลังเซียวเหย่ จนตัวจะติดกันกับเซียวเหย่แล้ว พวกเรานั่งรถและย้อนกลับไปสุสานของพ่อเถ้าแก่โฉ้ว ครั้งนี้ทุกคนต่างนิ่งเงียบ เซียวเหย่ประคองเสิ่นเหม่ยฉินเดินมาถึงข้างสุสาน เธอเอาแขนข้างที่ขาดมีเลือดไหลหยดลงบนหลุมฝั่งศพ จากนั้นก็ควักไฟแช็ค แล้วติดไฟเผาเลือดที่แปดเปื้อนบนหลุมฝั่งศพ ภายในใจฉันรู้สึกตกใจ พื้นดินที่เปื้อนเลือดก็ต้องชื้นจะติดไฟได้อย่างไร? ปกติแล้วพื้นดินจะไม่ติดไฟสิ บนโลกใบนี้มีสิ่งอัศจรรย์มากมายยิ่งนัก เสิ่นเหม่ยฉินยืนอยู่เบื้องหน้าฉัน แต่กลับสามารถจุดไฟเผาพื้นดินที่แปดเปื้อนเลือดได้ หมอกควันสีดำกลุ่มหนึ่งลอยขึ้น จู่ๆทำให้ฉันนึกถึงตอนที่ถางเหย่วช่วยเซียวเหย่ตอนนั้น โดยการจุดไฟเผาผ้าขนหนูน้าของฉัน เป็นของเปื้อนเลือดติดไฟเหมือนกัน จากนั้นก็ปรากฏหมอกควันสีดำ เมื่อหมอกควันสีดำลอยตัวขึ้น มันก็ล่องลอยลงไป ไม่นาน หมอกควันสีดำที่ลงใต้หลุมฝั่งศพก็ปรากฏถุงเปื้อนดินถุงหนึ่ง งูสีดำตัวหนึ่งเลื้อยหัวออกจากถุงเปื้อนดิน แล้วอ้าปากกระโจนกินหมอกควันสีดำ "งู!" จู่ๆฉันก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ แล้วรีบถอยตัวไปอยู่ในอ้อมอกของเซียวเหย่ "งูจากไหนกัน คุณมองดูดีๆสิว่ามันเป็นงูจริงหรือเปล่า?" เสียงอันแหลมคมดังอยู่ข้างหูฉัน เหมือนกับมันกำลังพูดข้างหูฉันก็มิปาน ทำฉันตกใจจนฉี่จะราด แต่ปัญหาทุกอย่างไม่จบลงเช่นนี้ งูตัวนี้สามารถพูดได้ ฉันตกใจจนทั่วร่างกายฉันสั่นเทา แล้วฉันก็หลับตาลงพร้อมกอดเซียวเหย่อย่างแน่น ฉันเกิดมาใช่ว่าจะเป็นคนขี้กลัว แต่มีเพียงงูและตัวบุ้งที่เป็นความหวาดกลัวจากสัญชาตญาณของฉัน เพราะฉันเคยถูกงูมีพิษกัด เลยเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ทุกครั้งพอฉันเห็นงูก็จะสั่นทั่วทั้งร่างกาย "เจ้าเด็กโง่ เจ้าเบิกตามองดูข้าดีๆสิ ข้าน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอ?" ซุ่มเสียงนี้ไม่ได้เกิดจากความขาดสติของฉัน แต่มันอยู่ใกล้ฉันมากๆ จนทำให้ใจฉันเต้นอย่างแรง "เซียวเหย่..." ทั้งตัวของฉันสั่นเทา และหวาดกลัวมาก ในตอนนี้ฉันไม่มีวิธีอื่น นอกจากอยู่ในอ้อมอกของเซียวเหย่ ดูเหมือนว่ามีเพียงแค่อ้อมกอดของเขาจึงจะทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยได้ "ที่แท้ก็เป็นงูนี่เอง มิน่าฉันถึงทำร้ายคาถาต้องห้ามของคุณไม่ได้ เป็นงูวิเศษอยู่ดีๆ ทำไหมถึงยอมช่วยเด็กคนนี้" เซียวเหย่โอบกอดฉันอย่างแน่น และพูดกับคนข้างหลังฉัน จู่ๆงูสีดำก็หยุดชะงัก เหมือนกำลังประเมินเซียวเหย่อยู่ จากนั้นเสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น : "เป็นภูตผีอยู่ดีๆ ทำไหมต้องมาปกป้องเด็กคนนี้ทุกๆที่ด้วย? ข้าบำเพ็ญเพียรมาร้อยกว่าปี ยังไม่เคยเจอใครสามหาวต่อหน้าข้า แล้วยังกล้าเรียกว่าข้าเป็นงู" "ต่อให้คุณกลายร่างจากงูเป็นมังกร ร่างอวตารก็ยังคงเป็นแค่งูตัวหนึ่งอยู่ดี มีอะไรต้องโกรธด้วย ก็เหมือนฉันตอนมีชีวิตฉันร่ำเรียนวิชา หลังจากตายไปก็เริ่มบำเพ็ญเพียรใหม่จากการเป็นผี ฉันสามหาวตรงไหน?" เซียวเหย่พูดอย่างอ้อนน้อม จู่ๆงูดำเริ่มตัวสั่น ดูเหมือนจะโมโห แต่ถูกเสิ่นเหม่ยฉินขัดจังหวะไว้ทันเวลา พูดขึ้นว่า : "ท่านผู้วิเศษ ท่านนี้เป็นอาจารย์อาของข้า ที่ข้าเรียกท่านออกมาครั้งนี้ เพราะอยากให้ท่านทำร้ายค่ายกลออก เพราะต้องการเคลื่อนย้ายศพ" เสิ่นเหม่ยฉินพูดถึงการอันเชิญศพ น่าจะหมายถึงเคลื่อนย้ายไปพร้อมกับศพ แต่ด้วยคำพูดสละสลวยที่เธอพูด ทำให้งูสีดำตัวนี้รู้สึกยินดี ฉันเริ่มเกิดความอยากรู้อยากเห็น จนสามารถข่มความหวาดกลัวได้ดีขึ้น แล้วฉันก็ค่อยๆหันหน้า และมองงูดำอย่างระมัดระวัง เพียงพริบตาเดียวที่มองมัน เหมือนมันจะสัมผัสถึงฉันได้เหมือนกัน มันค่อยๆหันหัวมา แล้วแลบลิ้นมองฉันอย่างนิ่งเงียบ แล้วมีเเสงอันน่าสะพรึงกลัวออกมา ฉันตกใจจนขาทั้งสองข้างอ่อนแรง จนเกือบจะฟุบตัวลงกับพื้น ราวกับมันสัมผัสถึงความหวาดกลัวของฉันได้ แต่มันก็ไม่สนใจฉันต่อ แต่ถามเสิ่นเหม่ยฉินว่า : "ทำลายกระหังโหยวโกวออก แล้วเจ้าไม่อยากแก้แค้นแล้วหรอ?" เสิ่นเหม่ยฉินชำเลืองมองตาของเซียวเหย่แวบหนึ่ง ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นอกจากผงกหัวรับอย่างเงียบๆ "ก่อนหน้านี้เจ้าเคยให้สัญญากับข้าไว้.." จู่ๆงูดำก็ชูคอขึ้นมา ขณะที่พูดก็ทวงคำสัญญาต่อเสิ่นเหม่ยฉิน "ข้าให้ท่านได้แน่ตามธรรมเนียม คนอย่างข้าพูดได้ทำได้ รอให้ข้าตายไปก่อน ดวงวิญญาณของข้าจะเป็นของท่าน" เสิ่นเหม่ยฉินรีบพูดขึ้น สถานการณ์นี้ได้แสดงถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเธอกับงูดำ ที่แท้งูดำไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเธอ แต่เป็นเธอที่ขอร้องให้งูดำร่ายกระหังโหวยโกว เพื่อร่ายกระหังโหวยโกว เสิ่นเหม่ยฉินยอมมอบวิญญาณอย่างไม่เสียดายชีวิต จากมุมมองของพวกเราแล้ว การมอบดวงวิญญาณก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ถึงยังไงคนตายก็เหมือนไฟดับ ชีวิตหลังความตาย ไม่มีใครรู้ แต่จากมุมมองของเฟิ่งซุยซื่อ ดวงวิญญาณมีความสำคัญแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเซียวเหย่ ถ้าหากดวงวิญญาณดับ สูญ เขาก็จะไม่สามารถกลายเป็นภูตผี และจะไม่สามารถบำเพ็ญเพียรเป็นภูตผีได้ อีกอย่างด้วยความสามารถของเสิ่นเหม่ยฉินที่ สามารถรักษาดวงวิญญาณของหลานชายเธอได้ หากเธอตายไป แล้วกลายเป็นผี ค่อยเริ่มบำเพ็ญเพียรใหม่ ก็น่าจะไม่ใช่เรื่อง ยากอะไร มอบดวงวิญญาณให้คนอื่น เท่ากับสาบานว่าตายไปดวงวิญญาณจะดับสูญ ไม่เพียงแค่ชาตินี้ แม้แต่โอกาสที่จะเกิดใหม่ชาติหน้าก็ถูกตัดสิทธิ์ไปด้วย เพื่อแก้แค้นเถ้าแก่โฉ้ว และเพื่อฟื้นคืนชีพหลายชายตัวเอง เสิ่นเหม่ยฉินต้องยอมเสียสละมากถึงขนาดนี้เลย ฉันอดไม่ได้ที่จะเห็นอกเห็นใจเสิ่นเหม่ยฉินแล้ว เธอคงรักหลานชายของเธอมากกว่าสิ่งใด ถึงขนาดทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วงชิง ร่างของลูกชายเถ้าแก่โฉ้ว เหตุการณ์นี้เหมือนกับการค้าขายหนึ่งชีวิตแลกอีกหนึ่งชีวิตเลย ถ้าหากเซียวเหย่พบเจอเหตุการณ์ อย่างนี้เหมือนกัน แล้วให้ฉันแลกชีวิตเพื่ออีกหนึ่งชีวิต ฉันจะกล้ายินยอมไหม? อย่างน้อยตอนนี้ ฉันไม่ยินยอม
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 42 หนึ่งชีวิตเเลกอีกหนึ่งชีวิต
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A