ตอนที่ 44 ข้าบริวาร
1/
ตอนที่ 44 ข้าบริวาร
Hello คุณผีพรายของฉัน
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 44 ข้าบริวาร
ตนที่ 44 ข้าบริวาร "ท่านเป็นถึงงูเทพ บินได้ไหม? ในเมื่อต้องการไปกับภรรยาของฉัน ถ้างั้นก็บินส่งพวกเราจะเป็นไง?" เซียวเหย่หัวเราะและพูดขึ้น "คงจะไม่ได้ ข้าเป็นถึงงูเทพที่สูงส่ง จะให้ข้าเป็นพาหนะของพวกเจ้าได้ยังไง? ยังไงฉันก็หมายหัวเจ้าเด็กนั่นแล้ว ส่วนพวกเจ้าจะกลับไปยังไง ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า!" งูดำพูดอย่างแทงใจดำ พูดจบมันก็อ้าปาก แล้วมีบางสิ่งบางอย่างออกมาจากท้องมันติดต่อกัน นั่นคือหมอกดำไม่กี่กลุ่มใหญ่ที่ทะลักออกมาเพื่อกำจัดทิ้ง งูดำตัวใหญ่มหึมานั้นเจาะรูเหมือนกับเจาะลูกโป่ง แล้วมันย่อขนาดเล็กลงด้วยความเร็วที่ดวงตามองไม่ทัน ไม่นาน มันก็ม้วนหดเหมือนกับไส้เดือนขนาดเล็ก "เจ้านี่มันหน้าไม่อาย.." เซียวเหย่จ้องมองด้วยความโกรธ แล้วยกเท้าขึ้นเหมือนกับจะเหยียบย่ำงูดำให้แบนราบ ถึงแม้ว่างูดำจะมีนำหนักเบาแล้ว แต่การเคลื่อนไหวของมันว่องไวมาก มองเห็นเพียงเงาเล็กๆขยับเขยื้อน แต่คิดไม่ถึงมันจะดีดตัวจากพื้นดิน และบินลอยผ่านฉันขึ้นไป ฉันตกใจจนกรีดร้องและรีบหลบไปข้างหลัง แต่ความเร็วของฉันจะสู้ความเร็วของงูได้ไงล่ะ ฉันรู้สึกว่าฝ่ามือเย็นเฉียบ งูดำนั้นกลับมาสัมผัสบนฝ่ามือฉัน มันค่อยๆเลื้อยรัดข้อมือฉัน ถ้ามองแวบเดียวคงนึกว่าฉันสวมกำไลข้อมืองูอยู่ "เซียวเหย่..." ฉันแทบจะขาดสติ ทั้งร่างฉันสั่นเทาพร้อมร้องตะโกนเรียกหาเซียวเหย่ ต้องการให้เขาช่วยดึงงูดำออกจากฉัน แต่พอฉันเรียกชื่อเสียวเหย่เพียงสองพยางค์ก็รู้สึกมึนงง เบื้องหน้ามีแต่ภาพสีดำและหมดสติไป ฉันตื่นขึ้นอีกครั้ง เพราะเสียงดังเอะอะโวยวาย ฉันได้ยินเสียงของโถงโถงที่ดังกระหึ่มข้างหูฉัน ร้องเรียกว่าพี่สาวจีฉาง แต่หนังตาฉันเหมือนกับโดนแช่แข็ง ลืมตายังไงก็ลืมตาไม่ออก "เจ้าเด็กน้อย ข้ามีฐานะเป็นถึงงูเทพ ในอนาคตมีโอกาสที่จะกลายเป็นมังกรและเทพเจ้าได้ เลือกเจ้าเป็นของข้าบริวารถือเป็นความโชคดีของเจ้า แต่เจ้ากลับกล้ามารังเกียจข้า มีชีวิตสุขสบายเกินไปแล้ว จู่ๆในหัวสมองฉันมีเสียงของงูดำ ฉันเพิ่งจะเรียกสติได้สักพักก็สะดุ้งทีหนึ่ง "ข้าบริวารอะไรนะ? ฉันไม่ได้รังเกียจท่าน แต่ฉันกลัวงูตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว ท่านเป็นถึงเทพผู้ทรงยิ่งใหญ่ ไม่ลองเปลี่ยนข้าบริวารดูล่ะ ฉันคงไม่เหมาะสมหรอก" ฉันเกือบจะร้องไห้แล้ว ขณะที่พูดเสียงของฉันสั่นๆ ในเวลานี้ฉันมีสติสมบูรณ์แล้ว สามารถรับรู้ว่าโถงโถงอยู่ข้างตัวฉัน ตัวของฉันอยู่ในบาร์ แต่ฉันตื่นขึ้นมาไม่ได้ ราวกับวิญญาณถูกขังไว้ในร่างกาย ทำได้เพียงสื่อสารกับงูดำเท่านั้น "ข้าบริวารเจ้าไม่รู้หรอ? ในระหว่างที่ข้าบำเพ็ญเพียร รับลูกศิษย์ เจ้ารับผิดชอบดูแลเลี้ยงข้า หาข้าวหาน้ำให้ข้ากิน และรับผลกรรมแทนข้า ส่วนข้าจะตอบแทนแก่เจ้า จะรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของเจ้า และจะทำให้เจ้ามีอายุยืนยาว นี้เป็นทางเลือกที่ดีทั้งสองฝ่าย รอให้ข้ากลายร่างเป็นมังกรเปลี่ยนเป็นเทพ เจ้าก็จะได้อาศัยบารมีจากข้าได้ด้วย "ฉันจะอาศัยบารมีอะไร?" ฉันอดใจไม่ไหวที่จะถามขึ้น ข้าบริวารนี้ฟังดูแล้วไม่ใช่เรื่องดีอะไร ฉันมีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว ทำไหมต้องหาเรื่องใส่ตัวเองด้วย แถมยังต้องหาข้าวหาน้ำให้อีก เอาอะไรคิด ถึงแม้ว่ามันบอกว่าจะปกป้องฉัน แต่ฉันมีเซียวเหย่อยู่เคียงข้างอยู่แล้ว ไม่ต้องการการปกป้องจากมัน และต่อให้เซียวเหย่จากไป ฉันก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไปได้ และยังมีกฎหมายรองรับการปกป้อง ฉันยังจำเป็นต้องการการปกป้องจากงูนี้อีกไหม? น่าเสียดายงูดำนั้นอ่านความคิดฉันได้ ไม่รอให้ฉันคิดเสร็จ ก็โกรธเคือง "กล้าเอาเซียวเหย่มาเปรียบเทียบกับข้าหรือ? ในอนาคตข้าจะเป็นผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ แต่เจ้ากลับเอาผีกระจอกมาเปรียบเทียบกับข้าอีกหรือ? ยังมีกฎหมายคืออะไรอีก? มันร้ายกาจกว่าข้าหรือ? ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า งั้นก็เรียกเจ้ากฎหมายนั้นออกมาประลองกับข้าเลย ดูสิว่าใครจะเหนือกว่า!" เฮ้ย... ฉันโดนงูดำนี้ดุด่าสักพักใหญ่ จนฉันทำได้เพียงอธิบายว่าฉันไม่ได้ความหมายอย่างนั้น แน่นอนว่ากฎหมายสู้ท่านไม่ได้เลย เมื่อได้ยินงูดำถึงเริ่มรู้สึกพอใจ และพูดว่า : "พูดอย่างตรงไปตรงมาเลยนะ เมื่อข้าเป็นเทพ เจ้าก็จะพลอยได้ผลประโยชน์ด้วย ข้าตัดสินใจเลือกเจ้าเป็นข้าบริวาร นี่ถือเป็นความโชคดีของเจ้า มีคนมากมายขอร้องอยากจะเป็น แต่ยังเป็นไม่ได้เลย รอให้ข้ากลายเป็นมังกรก่อน ต่อให้เจ้าจะโง่ซื่อซ่า ก็สามารถมีหน้ามีตาได้ แม้แต่มีอายุสามร้อยห้าร้อยปีก็ไม่มีปัญหา" "สามร้อยห้าร้อยปี!" ฉันตกใจค้าง "ถ้างั้นตอนนั้นไม่แก่อัปลักษณ์หรอ?" "อึ ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!" งูดำพูดอย่างดูถูก จากนั้นถามฉันว่า : "เป็นอย่างไร ตกลงยินยอมเป็นข้าบริวารของข้าไหม?" "ฉัน..." ฉันอยากบอกว่าขอไตร่ตรองดูก่อน เพื่อถ่วงเวลางูดำไว้ ใครจะไปรู้ว่างูดำจะพูดว่า : "สรุปว่าเจ้ายินยอมแล้วนะ? เดี๋ยวข้าจะประทับตราบนตัวเจ้าให้" พูดจนบนข้อมือของฉันก็รู้สึกเจ็บปวด เจ็บจนกรีดร้อง และสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมา "เสวนเสวน คุณตื่นแล้ว!" เซียวเหย่เอ๋ยปากถามก่อน เขาจับแขนทั้งสองข้างฉันไว้ แล้วมองด้วยความกังวล "เจ็บ..." ชั่วขณะน้ำตาฉันเอ่อล้นออกมา ทั่วทั้งข้อมือเริ่มแดงแล้ว มีเพียงบนข้อมือขวาที่ไม่รู้ว่ามีลายงูสีดำตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อเซียวเหย่เห็นลายบนข้อมือฉัน เขาไม่ได้รู้สึกกังวล แต่กลับเผยสีหน้าปิติยินดี "ตราประทับบริวารเทพนี่ คุณรับปากที่เป็นบริวารของงูเทพหรอ?" "ฉันเปล่าน่ะ" ฉันรู้สึกน้อยใจ น้ำตาที่คลอเบ้าไหลริน ในตอนนี้เซียวเหย่กลับดูมีความสุข แทบไม่สนใจเลยว่าฉันเจ็บปวดที่ข้อมือมากขนาดไหน เมื่อฉันเริ่มรู้สึกเคยชินสักพัก ความเจ็บปวดบนข้อมือก็ค่อยๆหายไป เวลาผ่านไปประมาณห้านาที รอยแดงบนข้อมือฉันก็จางหายหมดแล้ว เหลือเพียงตราประทับลายงูที่ชัดเจนลายหนึ่ง พอฉันหายเจ็บถึงนึกได้ว่า เวลานี้ฉันอยู่บาร์ แต่ตอนนี้ใกล้รุ้งเช้าแล้ว ในบาร์ก็ไม่วุ่นวายแล้ว ส่วนคนก็เหลือน้อยแล้ว โถงโถงเงยหน้าอันเรียวเล็กมองดูฉันอย่างภาคภูมิใจ ส่วนถางเหย่วอยู่ข้างหลังเซียวเหย่ แถมยังโอบกอดสาวสวยหุ่นดีคนหนึ่งด้วย แล้วถอนใจพร้อมพูดว่า : "เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ พบเจอกับงูเทพว่ามีวาสนาแล้ว ยังถูกเลือกให้เป็นข้าบริวารอีก แถมยังให้สวัสดิการด้วย ทำไหมฉันถึงไม่โชคดีอย่างนี้บ้าง!" พูดจบเขาถึงจะสังเกตเห็นว่าฉันกำลังมองเขาอยู่ มือที่โอบกอดสาวสวยหุ่นดีถูกดึงออกเหมือนกับถูกไฟช็อด และเขาก็แสร้งทำท่าทางไม่รู้จักสาวสวยคนนี้ แล้วยิ้มพร้อมพูดว่า : "เสวนเสวน ยินดีด้วย" ฉันหัวเราะเสียงดัง ฮ่าฮ่า มิน่าล่ะเมื่อกี้โถงโถงถึงไม่ยอมให้ถางเหย่วรับสาย ที่แท้เขากำลังยุ่งอยู่กับการพลอดรักกันนี้เอง คงไม่สะดวกจริงๆ ว่าแต่เขายินดีให้ฉันเรื่องอะไร เมื่อกี้พูดว่าสวัสดิการอะไร หรือว่าสิ่งที่เขาพูดถึงคือหลังจากงูเทพกลายเป็นมังกร มันจะให้ชีวิตยืนยาวให้ฉัน? อายุยืนยาว เป็นสิ่งที่ใครๆต่างก็แสวงหา เขารู้สึกอิจฉาก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ฉันยังไม่เข้าใจว่าตกลงข้าบริวารคืออะไรกันแน่ อยู่ดีๆก็ยัดเหยียดลายประทับข้าบริวารให้ เหมือนถูกบังคับเลย หลังจากฉันตื่นได้สติแล้ว เซียวเหย่ก็เรียกทุกคนและฉันกลับไปบริษัทด้วยกัน แขนที่ขาดของเสิ่นเหม่ยฉินในตอนนี้ได้้พันแผลเรียบร้อยแล้ว เธอเดินตามเซียวเหย่ไม่ห่าง ดูเหมือนจะรีบร้อนอยากให้หลานชายของเธอกลายร่างเป็นผีเด็กเร็วๆแล้ว ส่วนถางเหย่วก็จูงโถงโถงขึ้นรถไปด้วยท่าทางไม่ค่อยยินยอม ฉันเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า เซียวเหย่ขับรถของโฉ้วโถงกลับมา แต่เขาเอาป้ายทะเบียนรถทิ้ง นับว่าเป็นวิธีที่ฉานฉลาด พวกเราขับรถตรงไปที่บริษัท ระหว่างนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงงูดำอีกเลย ตั้งแต่มันประทับตราข้าบริวารให้ฉันก็หายไปไร้วี่แวว ส่วนถางเหย่ว หลังจากลาจากกับสาวสวยหุ่นดี ก็อยู่ข้างฉันตลอด เขาแกล้งถามฉันว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ฉันคิดถึงเขาบ้างไหม สบายดีไหม เซียวเหย่กลั่นแกล้งฉันบ้างไหม ฉันขี้เกียจสนใจเขา ก่อนหน้านี้เขาคอยเอาอกเอาใจฉันเสมอ ฉันมีบางอย่างไม่ค่อยเข้าใจ หน้าตาฉันก็ดูธรรมดา และรู้จักกับเขาได้ไม่นาน แล้วเขาชอบฉันตรงไหน ทำไหมต้องอยากให้ฉันอยู่กับเขาตลอดด้วย ในที่สุดตอนนี้ฉันก็เข้าใจแล้ว ที่แท้เขาก็เป็นแค่ผู้ชายรักสนุก ไม่เพียงแต่โปรยเสน่ห์ฉัน แต่ไม่ว่าสาวสวยคนไหนเขาก็โปรยเสน่ห์ เพื่อขยายอาณาเขตไปให้ทั่ว การโปรยเสน่ห์สาวกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้แล้ว หลังจากที่ฉันรู้ว่าเหตุผลที่เขาโปรยเสน่ห์เพราะความเคยชิน ฉันกับถางเหย่วก็คุยกันถูกคอขึ้น เพราะไม่มีความเก้อเขินแล้ว เลยถามเขาว่าตกลงแล้วข้าบริวารคืออะไรกันแน่ ฉันต้องทำอะไรบ้าง มีข้อดีอะไรบ้าง พอพูดถึงข้าบริวาร จู่ๆถางเหย่วก็เปิดตลับพร้อมพูดว่า : "ข้าบริวารนี่ เป็นขนบธรรมเนียมของม้าเทพเมื่อสมัยก่อน เธอคงเคย ได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับเรื่องเลี้ยงดูเทพสุนัขจิ้งจอกใช่ไหม มันก็มีความหมายเหมือนกับข้าบริวารนี้แหละ ล้วนเป็นการทำสัญญา ระหว่างคนที่มีชะตาเกี่ยวข้องกับสัตว์ที่บำเพ็ญเพียร แล้วบำเพ็ญเพียรพร้อมกัน เพราะสัตว์เกิดมาไม่มีความสมบูรณ์ การกลาย ร่างเป็นเทพจำเป็นต้องผ่านเคราะห์กรรมจากสวรรค์ แต่สัตว์เทพมากมายล้วนตายเพราะรับเคราะห์กรรมจากสวรรค์ ดังนั้นก่อนที่ พวกมันจะกลายเป็นเทพ ต้องตามหาเจ้าของของมันก่อน แล้วใช้ลมปราณของเจ้าของปกปิดกลิ่นอายเทพในตัวมัน เพื่อหลีก เลี่ยงรับเคราะห์กรรม และกลายเป็นเทพอย่างงง่ายดาย อีกอย่างเจ้าของก็จะสามารถได้รับผลประโยชน์จากสัตว์เทพด้วย เช่น กระดูกก็จะกลายสภาพใหม่กลายเป็นกระดูกเทพ "ดีขนาดนี้เลย แล้วทำไหมคุณไม่เป็นข้าบริวารล่ะ?" ฉันถามถางเหย่ว เขาพูดเกินความจริงมาก ราวกับเล่าอภินิหารก็มิปาน หากไม่ใช่เพราะฉันเจองูดำ และฉันยังมีตราประทับข้าบริวารบนข้อมืออยู่ ฉันคงคิดว่าถางเหย่วกำลังปั้นน้ำให้เป็นตัวอยู่แน่ๆ เมื่อถางเหย่วได้ยินข้อสงสัยของฉัน เขาก็เผยสีหน้าแววตาอิจฉาตาร้อน แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า : "พี่สาว พี่คิดว่าสัตว์เทพเป็นผักกาดขาวหรอ ที่จะมีอยู่ทุกที่ตามท้องตลาดนะ สิ่งนี้ล้วนเป็นสิ่งที่หายาก หนึ่งร้อยปีถึงจะเกิดปรากฏการณ์ครั้งหนึ่ง อาจารย์ของฉันบำเพ็ญเพียรชั่วชีวิต รวมทั้งตอนตายแล้วก็ประมาณสองร้อยกว่าปี แต่ก็เจอสัตว์เทพเพียงครั้งเดียว มันคือกระต่ายเทพ เพียงพริบตาเดียวก็หายไปไร้ร่องรอย แทบจะไม่เลือกอาจารย์ของฉันเป็นข้าบริวารเลย "ถ้างั้นฉันเป็นข้าบริวารต้องทำอะไรบ้าง?" เมื่อเห็นใบหน้าอิจฉาของถางเหย่ว ฉันถึงรู้ว่าการมาหาของงูดำไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร มิน่าเซียวเหย่ถึงดีอกดีใจขนาดนั้น แต่พอนึกถึงตัวเองเป็นข้าบริวารของงูดำ ภายในใจก็ขนลุกซู่ ถ้าหากฉันเป็นข้าบริวารของกระต่ายน้อยน่ารักคงจะดีไม่น้อย "ผมไม่เคยเป็นข้าบริวารมาก่อน จะไปรู้ได้ไง แต่ที่สำคัญคือต้องดูเงื่อนไขของมัน" ถางเหย่วยักไหล่ขึ้น เพื่อแสดงท่าทางโอ้อวด ระหว่างที่พูดคุย รถก็ขับมาถึงหน้าบริษัท หลังจากที่เซียวเหย่จอดรถ ก็พาทุกคนเข้าบริษัท พอเข้าไปในบริษัท ฉันยังไม่ทันหาเงาลิ่วเออร์ เงาสีเหลืองขนาดเล็กตัวหนึ่งก็กระโจมเข้าหาฉัน เส้นขนมากระทบบนบ่าฉัน จากนั้นกรงเล็บขนาดเล็กก็ชูข้อมือฉันขึ้นด้วยความปิติยินดี และส่งเสียงร้องดีใจออกมา "ลิ่วเออร์! ในสถานที่แบบนี้มีลิ่วเออร์อยู่อ๋อ!" ถางเหย่วร้องด้วยความตกใจ และจ้องมองจนลูกตาจะทะลักออกมา จากนั้นก็รีบมาหาฉัน เพราะอยากทักทายกับว่าลิ่วเออร์ ใครจะไปรู้ว่ากรงเล็บเล็กๆของลิ่วเออร์จะว่องไวมากขนาดนี้ จนแทบไม่ทันเห็นว่ามันกำลังทำอะไรอยู่ เห็นแต่คอมันที่โยกไปมา เพียงพริบตาบนใบหน้าของถามเหย่วก็มีรอยข่วนไม่กี่ข่วนขึ้น หลังจากถางเหย่วได้รับบาดเจ็บ เขากลับไม่โกรธ แต่กลับมองลิ่วเออร์ด้วยแววตาเปล่งประกาย และพูดว่า : "อัศจรรย์จริงๆ ดูเหมือนว่าลิ่วเออร์จะไม่ใช่วานรที่ว่องไวอย่างเดียว อย่างน้อยหูสองข้างของมันก็ไม่ธรรมดาด้วย หาเจอได้ยากจริงๆ" ไม่รอให้เขาพูดจบ สายตาของเขาก็มองมาที่ฉัน และพูดกับฉันว่า : "เสวนเสวน คุณเป็นนางฟ้าที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่เพียงถูกเลือกให้เป็นข้าบริวารของงูดำ ทั้งยังมีวานรหกหูที่รักคุณมากขนาดนี้อีกด้วย ถ้าหากคุณไม่ถือสา รับฉันไว้สักคนเถอะนะ?"
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 44 ข้าบริวาร
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A