ตอนที่ 45 ช่างแกะสลัก
1/
ตอนที่ 45 ช่างแกะสลัก
Hello คุณผีพรายของฉัน
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 45 ช่างแกะสลัก
ตนที่ 45 ช่างแกะสลัก "จะรับคุณได้ยังไง" ฉันไม่เข้าใจที่ถางเหย่วหมายถึง "แต่งงานกับผมแล้ว ให้ผมเป็นสามีของคุณ จากนั้นค่อย..." พอเขาพูดได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆเซียวเหย่ก็ต่อยเขาหนึ่งทีโดยที่เขาแทบจะไม่ทันป้องกัน ต่อยจนขอบตาเขียวช้ำ เมื่อโถงโถงเห็นเจ้าของได้รับบาดเจ็บ ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนหน้าผีพร้อมอ้างปากเห็นฟันขู่เซียวเหย่ ท่าทางดุร้ายมาก ระหว่างที่รอเซียวเหย่หันหน้ามามองเขา จู่ๆโถงโถงก็เก็บคอ และเปลี่ยนหน้าผีเก็บไว้ และฝืนฉีกยิ้มด้วย ท่าทางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขานั้น ช่างน่ารักน่าเอ็นดูมาก ฉันยิ้มและโบกมือ และพูดไกล่เกลี้ยว่า : "อย่าทะเลาะกันเลย ดูเด็กผีนี่สิออกจะน่ารัก" แต่ใครจะไปรู้ว่าถางเหย่วจะสะบัดหน้าใส่ และพูดอย่างไม่พอใจว่า : "พวกคุณมาหาผมเพราะต้องการความช่วยเหลือ แต่ยังกล้าทำร้ายกันอีก ถ้าวันนี้ผีแก่ไม่ขอโทษฉัน ผีเด็กนี้ฉันก็จะไม่ช่วย" ถ้าคุณไม่หลวม ฉันก็จะกลืนกินผีเด็กของคุณซะ" ใบหน้าของเซียวเหย่แฝงรอยยิ้มเย็นชา และพูดข่มขู่ "เอาล่ะ เอาล่ะ พวกคุณทั้งสองพอได้แล้ว เดี๋ยวฉันขอโทษคุณแทนเขาให้ โอเคไหม ขอโทษ เซียวเหย่ไม่ควรต่อยคุณ คนที่มาขอความช่วยเหลือครั้งนี้คือฉัน" ฉันพยายามไกล่เกลี้ยความขัดแย้งอยู่นาน ถางเหย่วแทบจะไม่สนใจฉันเลย เอาแต่มองดูขอบตาที่เขียวช้ำ และจ้องมองเซียวเหย่ที่ยั่วโมโห ฉันรีบร้อนแทบไม่ทัน นึกว่าทุกอย่างจะสงบลงแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าลิ่วเออร์ที่อยู่บนบ่าฉันจะกล้ากัดโถงโถง "ตายแล้ว" เดิมทีถางเหย่วกำลังดูเชิงเซียวเหย่อยู่ และคอยระมัดระวัง แต่พอเห็นโถงโถงลำบาก เขาก็กระโจนเข้าไปช่วยทันที เมื่อลิ่วเออร์เห็นถางเหย่วกระโจนเข้ามา ก็รีบถอยกลับไปอยู่บนบ่าฉัน ขณะเดียวกันก็หัวเราะคิคิด้วย ดูเหมือนมันจะตั้งใจขู่ขวัญโถงโถง และจัดฉากทำให้คนอับอาย หลังจากที่ลิ่วเออร์เข้ามาขัดจังหวะนั้น สงครามเย็นระหว่างถางเหย่วกับเซียวเหย่ก็จบลงเมื่อสักครู่ สุดท้ายถางเหย่วถอนหายใจและพูดว่า : “ช่างเถอะ เห็นแก่เสวนเสวนนะ ฉันจะไม่ถือสากับคุณก็ได้” เมื่อพูดจบเขาก็เดินเข้าในป่าไม้ของบริษัท และเดินเที่ยวชมรอบหนึ่ง เมื่อเห็นต้นมะพร้าวห้าต้นที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของบริษัท เขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา แต่ดูเหมือนเขาไม่ค่อยรีบร้อนเรื่องหลวมผีเด็กสักเท่าไหร่ เขานั่งบนเตียงใต้ต้นมะพร้าว และนอนพิงลงไป แล้วบอกว่าเขาก่อนพักผ่อนสักครู่ รอให้มีอารมณ์ค่อยมาทำ พูดจบก็นอนเลย นอนยาวหนึ่งวัน เมื่อเซียวเหย่เห็นถางเหย่วนอนไม่ตื่น ก็เลยถือโอกาสพักผ่อนด้วย เขาขับรถออกไป โดยที่ฉันก็ไม่รู้ว่าไปไหน เมื่อถางเหย่วตื่นขึ้นมา ก็เป็นช่วงเวลากลางคืนแล้ว เมื่อเขาไม่เห็นเซียวเหย่อารมณ์ก็ดีขึ้นทันที หลังจากเรียกฉันกับเสิ่นเหม่ยฉินมากินอาหารค่ำด้วยกัน เขาก็หยิบมีดเล่มเล็กใบหนึ่งออกมาตัดต้นมะพร้าวข้างเตียง ฉันรีบถามเขาว่าจะตัดต้นไม้ไปทำไหม เพราะต้นไม้คือส่วนประกอบของค่ายกล ถ้าตัดต้นหนึ่งไป ค่ายกลก็ถูกทำลายสิ" ถางเหย่วมองฉันด้วยสายตาที่คาดเดายาก และพูดว่า : "ต้นมะพร้าวห้าต้นนี้เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุทอง ต้นไม้ น้ำ ไฟ ดิน ส่วนต้นมะพร้าวที่ฉันตัดคือธาตุน้ำ เพราะธาตุน้ำมีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุดเพื่อนำมาทำหุ่นกระบอกของผีเด็ก และอีกอย่างสามารถเสริมพลังในตัวผีเด็กได้ด้วย อีกทั้งฉันก็ไม่ต้องออกไปซื้อเอง จากนั้นเขาก็เดินไปที่ข้างๆของเด็กผี ขณะพูดเขาก็ใช้มีดเล่มเล็กตัดต้นมะพร้าวได้เท่ามือหนึ่งท่อน และพูดต่อว่า : "ตัดออกท่อนเท่านี้ ต้นมะพร้าวคงไม่ตายหรอก ให้มันฟื้นตัวสักระยะเดี่ยวก็ดีขึ้น แต่ก็ต้องเอ๋ยปากชมตระกูลเซียว สมกับเป็นเฟิ่งซุยซื่อจริงๆ แถมยังมีของล้ำค่ามากมายด้วย พูดจบเขาก็นำท่อนมะพร้าวเดินมาวางถึงข้างโต๊ะ และเรียกหลานชายของเสิ่นเหม่ยฉินมา และเริ่มแกะสลักตามหน้าตาของหลานชายเสิ่นเหม่ยฉิน ฉันมีความสงสัยในวิธีการหลวมผีเด็ก เลยนั่งรวมโต๊ะเดียวกับถางเหย่ว และตั้งใจดูเขาแกะสลัก ตอนนี้ใบหน้าของถางเหย่วจริงจังมาก ท่าทางของเขาเหมือนกับนักแกะสลัก แต่พอมองแวบหนึ่งก็เหมือนเห็นเด็กแกะสลัก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเพิ่งเห็นถางเหย่วจริงจังขนาดนี้ ฉันไม่กล้ารบกวนเขา เลยรอดูข้างๆอย่างเงียบๆ ไม่ทันไรเวลาก็ผ่านไปสามชั่วโมงกว่า เขาเริ่มแกะสลักใกล้จะเสร็จแล้ว หลังจากที่เขาแกะสลักดวงตาส่วนสุดท้ายเสร็จ เขาก็ถอนหายใจยาวๆหนึ่งเฮือก และบิดขี้เกียจทีหนึ่ง และพูดว่า : "แกะสลักเสร็จแล้ว" "ฉันขอดูหน่อย" ฉันขยับตัวเข้าใกล้ และเอาหุ่นท่อนไม้ที่ถางเหย่วแกะสลักเสร็จแล้วมาดู หลังจากดูสักครู่ ฉันเพิ่งรู้สึกน่าขัน มันช่างนามธรรมมาก ถึงแม้เด็กนี้จะตายมานานแล้ว และมีใบหน้าซีดเทา แต่หน้าตาของเขายังคงหล่อเหลา แต่หุ่นที่ถางเหย่วแกะสลักนั้น กลับเหมือนเด็กอนุบาลเล่นปั้นโคลนเลย ถึงแม้ใบหน้าพอจะเห็นเค้าโครง แต่อวัยวะบิดเบี้ยวไปหมด ไม่เหมือนกับเด็กคนนั้นเลยสักนิด และไม่เหมือนกับท่าทางของนักแกะสลักที่ดูเชี่ยวชาญเลย เด็กคนนั้นก็ยื่นหน้าอยากดูด้วย แต่เพราะไม่สนิทสนมกับพวกเรา เขาเลยดูหวาดระแวงพวกเรา และไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่กล้าเข้ามาก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้าเขาเข้ามาดูหุ่นที่ถางเหย่วแกะสลัก เขาคงต้องร้องไห้ตาแดงแน่ ถางเหย่วแสดงท่าทางภาคภูมิใจในตัวเอง หลังจากบิดขี้เกียจเสร็จ ก็กระโจนเข้ามาถามฉันว่าเขาแกะสลักเป็นไงบ้าง ระดับขั้นเทพเลยใช่ไหม มีท่าทางเหมือนผู้เชี่ยวชาญบ้างไหม ฉันกลัวว่าเด็กคนนั้นจะจับพิรุธได้ จึงฝืนใจผงกหัวรับ และพูดว่าก็เหมือนอยู่ สวยดี เมื่อถางเหย่วได้รับคำชมเชย เขาก็ยิ่งพอใจ และเอาหุ่นกระบอกไปวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็นัดขัดสมาธิหน้าหุ่นกระบอก และเริ่มท่องคาถาคล้ายกับบทสวดพุทธศาสนา เหมือนกับพระสวดพระคัมภีร์ สวดเรื่อยๆไม่มีท่าทีจะจบ ส่วนฉันที่นั่งข้างๆถางเหย่ว ก็รู้สึกเบื่อจนฟังต่อไม่ได้ เลยลากโถงโถงกับลิ่วเออร์ไปเล่นที่อื่น พูดไปก็น่าแปลก ครั้งที่แล้วที่ลิ่วเออร์เจอฉัน มันแทบจะไม่เหลียวตามองฉันเลย ปกติมันจะทำตามคำสั่งของเซี่ยวเหย่เป็นหลัก แต่ฉันมาครั้งนี้ มันกลับแสดงความเป็นมิตรไมตรีอย่างมาก แทบจะไม่เห็นเซี่ยวเหย่ในสายตาเลย แต่กลับประจบประแจงฉัน อีกอย่างฉันพบว่าดูเหมือนมันจะสนใจลายบนข้อมือฉันเป็นอย่างมาก ก็ไม่รู้ว่ามันรู้สึกตื่นเต้นลายใหม่ฉัน หรือว่าสามารถสัมผัสถึงงูเทพที่อยู่เบื้องหลังฉัน แต่ไม่ว่ายังไงมันไม่ยอมลงไปจากตัวฉันเลย และมักจะให้ฉันเอามือลูบหน้ามัน และมันก็ใช้กรงเล็บข่วนข้อมือฉันเบาๆอย่างไม่หยุด โถงโถงเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่ชอบลิ่วเออร์ เขาพยายามจะยื่นมือลูบหน้าลิ่วเออร์ไม่หยุด แต่ทุกครั้งพออยู่ต่อหน้าลิ่วเออร์ เขาก็ต้องเก็บมือทุกครั้ง ดูเหมือนเขาจะหวาดกลัวลิ่วเออร์มาก ส่วนฉันตอนนี้ก็ไม่มีคาถาลิงด้วย จึงไม่สามารถฝึกสอนลิ่วเออร์ได้ นอกจากฉวยโอกาสนี้สานสัมพันธ์ที่ดีต่อลิ่วเออร์ ในความเข้าใจของฉัน การฝึกสอนลิงก็น่าจะเหมือนกับฝึกสอนหมา หากต้องการฝึกสัตว์เลี้ยงให้เชื่อฟัง ปัจจัยที่หนึ่งก็คือการสร้างความประทับใจและสร้างความไว้วางใจต่อกัน ขณะที่ฉันกับลิ่วเออร์สานสัมพันธ์มากขึ้น จู่ๆก็มีเสียงตูมดังขึ้นที่ถางเหย่วอยู่ เกิดเรื่องแล้ว ฉันกับโถงโถงรีบไปหาทันที เลยเห็นว่าหุ่นกระบอกที่ถางเหย่วแกะสลักนั้นระเบิดแล้ว เหลือแต่เศษไม้เล็กๆกองหนึ่ง ส่วนเค้าโครงหน้ามีสีดำไหม้ เหมือนกับถ่านไฟ "ถางเหย่ว คุณไม่เป็นอะไรนะ" ฉันมองเขาด้วยความตกใจ หากพูดแล้วเขาถือว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์กว้างขวาง อีกทั้งเขาก็เลี้ยงผีเด็กด้วย หลวมผีเด็กก็น่าจะเชี่ยวชาญ ทำไหมถึงทำให้ระเบิดแล้วเป็นอย่างนี้ได้ล่ะ อีกอย่างฉันเพิ่งสังเกตได้ว่าเด็กผีคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามถางเหย่วหายไปแล้ว เห็นแต่ถางเหย่วอยู่ที่โต๊ะคนเดียว โชคดีที่เสิ่นเหม่ยฉินไม่อยู่ด้วย เพราะถ้าเห็นว่าหลานชายตัวเองหายไป เธอคงร้อนใจมากแน่ๆ "ฉันไม่เป็นไร แค่คิดไม่ถึงว่าดวงวิญญาณของเด็กผีได้รับความเสียหาย เขาน่าจะเคยได้รับผลกระทบจากค่ายกล ดวงวิญญาณไม่ครบแล้ว เลยไม่สามารถนำตัวเบียดลงในหุ่นมะพร้าวธาตุน้ำได้" ถางเหย่วพูดขึ้น ขณะพูดเขาก็เช็ดใบหน้าของหุ่นกระบอก หลังจากเช็ดรอยไหม้บนใบหน้าหุ่นกระบอกจนเกลี้ยงเสร็จ เขาพูดว่า : "ดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่ง่ายแล้ว ต้องรีบหาดวงวิญญาณที่สูญหายของเด็กผีคนนี้ถึงจะทำได้ แล้วยายของเขาล่ะ เรียกมาหน่อย ฉันมีเรื่องจะถามเธอ" ฉันตอบรับ และรีบเดินอ้อมมาถึงหาดทราย แล้วเรียกเสิ่นเหม่ยฉินที่กำลังพักผ่อนอยู่ และบอกเธอว่าเกิดเหตุขัดข้องเมื่อกี้ หลังจากที่เธอกับเซี่ยวเหย่ทะเลาะกันในตอนนั้น เธอก็รู้สึกอ่อนเพลียและพักผ่อนไป แต่หลังจากเธอได้ยินเรื่องหลานชายเธอเกิดเรื่อง ก็รีบพลิกตัวและลุกขึ้น แล้วรีบวิ่งไปหาถางเหย่ว เพื่อสอบถามสถานการณ์ว่าเป็นยังไง "คุณน่าจะรู้สถานการณ์ของหลานชายคุณนะ ดวงวิญญาณของเขาไม่ครบ คุณยังจะให้ฉันหลวมเด็กผีนี้อีก ก่อนเริ่มทำพิธีทำไหมคุณถึงไม่เอาเรื่องนี้มาบอกฉันก่อน" ถางเหย่วขมวดคิ้วและถามเสิ่นเหม่ยฉินอย่างไม่ค่อยพอใจ "ดวงวิญญาณไม่ครบ" เสิ่นเหม่ยฉินอึ้งชะงัก แต่บนใบหน้าไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจมาก ดูเหมือนเธอจะรู้มาก่อนว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น "ดวงวิญญาณไม่ครบก็ไม่สามารถหลอมเด็กผีนี้ได้หรอ" เสิ่นเหม่ยฉินพูดขึ้น ถางเหย่วหัวเราะประชดโดยที่สายตามองเสิ่นเหม่ยฮินอย่างเย็นชาและพูดว่า : "คุณคิดว่ายังไง วิญญาณบางส่วนของเด็กคนนี้อยู่ที่ไหน ถึงเวลาที่คุณต้องอธิบายให้ผมฟังแล้วล่ะ" "ฉันไม่รู้ หลานชายฉันอยู่ข้างกายฉันตลอด ไม่เคยอยู่ห่างจากฉันเลย ฉันใช้พลังยินชี่ในตัวฉันล่อเลี้ยงเขามาโดยตลอด หรือเป็นเพราะพลังหยินชี่ฉันน้อยเกินไป เลยไม่สามารถช่วยเขาได้ สุดท้ายทำให้ดวงวิญญาณของเขาแตกกระจาย" ขณะที่เสิ่นเหม่ยฉินพูด เธอก็ขมวดคิ้วชิดกัน ดูเหมือนเธอจะกังวลสถานการณ์หลานชายของเธอมาก สายตาของถางเหย่วกลับยิ่งเคร่งขรึม และพูดว่า : "อย่ามาพูดเล่นเลย คุณก็เป็นหยินหยางซื่อเหมือนกัน จะเป็นไปได้ไงที่จะไม่สามารถรักษาผีใหม่ พูดความจริงเถอะ คุณเคยผ่านค่ายกลอะไรมา ถึงเอาดวงวิญญาณของหลานชายคุณย้ายไปเก็บที่อื่น" "เปล่า ถ้าฉันมีความสามารถขนาดนั้น คงไม่ต้องขอร้องให้คุณมาช่วยหลวมเขาเป็นผีเด็กหรอก" ใบหน้าของเสิ่นเหม่ยฉินแสดงอาการน้อยใจ ระหว่างพูดก็น้ำตาไหลด้วย แต่พอพูดถึงวิชาอาคม ฉันกลับนึกถึงวิชาของการถ่ายโอนวิญญาณขึ้น เลยสอบถามเสิ่นเหม่ยฉินว่า : "คุณน้า คุณเคยลองใช้วิชาถ่ายโอนวิญญาณให้กับหลานคุณเพื่อฟื้นคืนชีพไหม เป็นไปได้ไหมที่ดวงวิญญาณของหลานชายคุณจะหายไปในตอนนั้น ไม่รอฉันพูดจบ สีหน้าน้อยใจของเสิ่นเหม่ยฉินก็หันหน้ามามองฉัน และแสดงสีหน้าจริงจัง สายตาของเธอเหมือนกับมีดที่จะแท่งฉัน ส่วนถางเหย่วเหมือนเพิ่งจะเข้าใจ แล้วพูดอย่างโมโหว่า : "ถ่ายโอนวิญญาณหรอ นึกไม่ถึงว่ายายแก่ๆที่ดูซื่อบื่อจะร้ายกาจขนาดนี้ ที่คุณขอร้องให้ฉันหลวมผีเด็กให้หลานชายคุณคงเป็นเรื่องปลอมแน่ๆ เพราะคุณแค่อยากจะถ่วงเวลาให้หลานชายคุณช่วงชิงร่างได้ เพื่อทำให้เขาสามารถยืมใช้ร่างกายของคนอื่นฟื้นคืนชีพได้สำเร็จมากกว่า" เสิ่นเหม่ยฉินยังคงน้ำตาคลอเบ้า ดูเหมือนว่าเธอจะนำความหวังทั้งหมดฝากไว้ที่ถางเหย่ว แต่ในตอนนี้กลับถูกเปิดโปง เธอเองก็ขี้เกียจแสแสร้งแล้ว เลยพูดว่า : "ใช่แล้วจะทำไหม เป็นผีเด็กจะดีกว่าฟื้นคืนชีพแล้วใช้ชีวิตกับฉันได้ไง ความหวังของยายคนนี้ทั้งชีวิตคือหลานชายฉัน ต่อให้ฉันต้องสู้สุดชีวิต ก็จะต้องทำให้หลานชายของฉันฟื้นคืนชีพสำเร็จให้ได้ ถึงแม้จะต้องแลกชีวิตหนึ่งเพื่ออีกชีวิตหนึ่ง ฉันก็ยินดี คุณหยุดความคิดที่จะล้มเลิกแผนการของฉันซะ" ขณะที่พูด เธอก็แสดงท่าทางก้าวร้าวพุ่งเข้าไปหาถางเหย่ว โดยที่ในมือยังถือกริชที่แหลมคมเล่มหนึ่งด้วย ฉันรู้สึกตกใจ คิดไม่ถึงว่าเฟิ่งซุยซื่อผู้ที่มีความสามารถลี้ลับ กลับใช้กริชของจำพวกนี้ใช้ในสถานการณ์ที่คับขันแบบนี้ด้วย เพียงแต่เธอประเมินถางเหย่วต่ำจนเกินไป ต่อให้ถางเหย่จะโกรธมากขนาดไหน แต่เขาก็สามารถแสร้งแกล้งยิ้มได้ ฉันไม่รู้หรอกว่าเขามีความสามารถอะไร แต่ฉันเชื่อว่าความสามารถของเขาต้องเหนือกว่าเสิ่นเหม่ยฉินอย่างแน่นอน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 45 ช่างแกะสลัก
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A