ตอนที่ 52 เทพเจียวแสดงความน่าเกรงขาม   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 52 เทพเจียวแสดงความน่าเกรงขาม
ต๭นที่ 52 เทพเจียวแสดงความน่าเกรงขาม เซียวเหย่! ภายในใจฉันรู้สึกดีใจ ชั่วพริบตาก็เอ๋ยปากพูดออกมา! แต่ฉันกลับไม่เห็นร่างเงาของเซียวเหย่เลย เห็นเพียงกู๋ซื่อส่งเสียงร้องน่าเวทนาคนเดียว และมือก็จับหัวไว้อย่างแน่น ดูเหมือนจะปวดหัวอย่างมาก นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ฉันเกิดความสงสัยทันที แต่ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์ไปตรวจดูสถานการณ์ของเขา ส่วนตะขาบก็ไม่มาตามมารังควานฉันแล้ว ฉันเลยรีบเรียกเจิ้งเล่อหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ก้าวเท้าเตรียมวิ่ง หนีเอาชีวิตรอดสำคัญกว่า! เพียงแต่ฉันเพิ่งวิ่งได้สองก้าวก็เสียการทรงตัวล้มลงกับพื้น! ว๊าย! ลืมไปเลยว่าขาเล็กๆของฉันถูกกัด และถูกพิษร้ายด้วย! ขาที่ฉันเพิ่งวิ่งเมื่อกี้ ดูเหมือนพิษจะเริ่มลามไปทั่วแล้ว ทำให้ทั้งขาซ้ายของฉันเฉื่อยชา! ส่วนแขนขวาก็ไร้เรี่ยวแรง ทั่วทั้งร่างกายฉันมีเหงื่อเย็น ฉันวิ่งไม่ได้แล้วตอนนี้ และไม่รู้ด้วยว่าสถานการณ์ของกู๋ซื่อคนนี้เป็นยังไงบ้าง แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องหนีไปก่อน เพราะหากเขาไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันต้องตายสถานเดียวแน่! สภาการณ์คับขันอย่างนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าเซียวเหย่ทางนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ฉันจึงกัดฟันและฟืนใจยืนขึ้น และประคองครึ่งร่างที่ชาเดินผ่านกู๋ซื่อไป ทุกๆก้าวที่เข้าใกล้เขา เหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นบนตัวฉันก็ไหลมากยิ่งขึ้น การกระทำของฉันตอนนี้เหมือนหาที่ตายชัดๆ แต่ภายในใจฉันกระจ่างชัดเจน เพราะถ้าฉันไม่ไปตอนนี้ แล้วเขาเกิดฟื้นตัวกลับสู่สภาพเดิมได้ ฉันก็ต้องตายสถานเดียวแน่ สู้ฉวยโอกาสตอนที่เขาขาดสติหนีไป หากโชคดีอาจจะสามารถช่วยเหลือเซียวเหย่ได้ด้วย เพียงพริบตา ฉันก็เดินมาถึงข้างๆกู๋ซื่อ เขายังคงส่งเสียงร้องน่าเวทนาพร้อมกับทุรนทุรายอยู่ คิดไม่ถึงว่าบนตัวของเขาจะมีบาดแผลมากขนาดนี้ บาดแผลที่มีเลือดไหลออกมา แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั่นคือ บางอย่างที่ทำร้ายเขาไม่ใช่อย่างอื่น แต่เป็นตะขาบดำห้าตัวที่เขาควบคุมเมื่อกี้ ในเวลานี้ตะขาบดำห้าตัวเหมือนขาดสติ พวกมันกัดผิวหนังบนตัวของกู๋ซื่ออย่างคลุ่มคลั่ง แต่พวกมันกัดไม่ถึงเนื้อแดง แต่มีตำแหน่งหนึ่ง บาดแผลลึกมาก มีสีเขียวคล้ำและยังมองเห็นถึงกระดูกด้วย! ฉันสูบลมหายใจทันที สีแบบนี้บ่งบอกถึงการถูกพิษร้ายรุนแรง จากนั้นฉันก็พบว่าตะขาบเหล่านั้นมีพิษ แต่คิดไม่ถึงว่าพิษร้ายของพวกมันจะรุนแรงขนาดนี้ ถึงจะเป็นกู๋ซื่อก็ถูกพวกมันกัดฉีกจนต้องทุรนทุราย เมื่อฉันจ้องมองเขา ในดวงตาก็เผยความรู้สึกสิ้นหวังออกมา และไม่มีความคิดจะไปช่วยด้วย ตอนแรกฉันยังคิดจะหาตะบองตีหัวกู๋ซื่อให้สลบ แต่เมื่อเห็นสภาพอันน่ารันทดของตาเฒ่ากู๋ซื่อ ฉันเลยไม่กล้าเข้าไป ตะขาบห้าตัวนั้นมีเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน ในหัวสมองของฉันตอนนี้ผุดโผล่เพียงความคิดเดียว นั่นคือรีบหนี! และอยู่ให้ห่างจากตะขาบ ยิ่งไกลยิ่งดี! พอฉันเดินมาถึงที่ตาเฒ่ากู๋ซื่อก็หมดเรี่ยวแรงแล้ว แล้วตอนนี้ฉันจะมีแรงจากไหนหนีได้อีกล่ะ? ในใจฉันรีบร้อนมาก แต่ขาของฉันอ่อนแรงมาก และทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น โดยที่มีระยะห่างกับตาเฒ่ากู๋ซื่อไม่ถึงหนึ่งเมตร ตาเฒ่ากู๋ซื่อยังคงส่งเสียงร้องน่าเวทนาอยู่ แต่สักพักดูเหมือนเขาจะยอมรับชะตากรรมแล้ว และปล่อยให้ตะขาบพวกนั้นกัดฉีกร่างกายของตัวเอง แต่หน้าของเขาหันมาหามองฉัน สายตามองตรงฉันอย่างนิ่งๆโดยที่สายตาไม่ยินยอม "เป็นเพราะฉันเองที่ชะล่าใจเกินไป ฉันคาดไม่ถึงจริงๆว่าจะตายในเอื้อมมือเด็กสาวคนหนึ่งได้ แต่เธอก็อย่าได้ดีใจเร็วเกินไป พวกเรากู๋ซื่อมีสำนักมีการสืบทอดทางสายเลือด วันนี้คุณฆ่าฉัน แต่วันหน้าก็จะมีคนสำนักกู๋ตามมาแก้แค้นอย่างไม่ล้มเลิกด้วยเหมือนกัน!" ขณะพูดคาดไม่ถึงว่าเขาจะหัวเราะฮ่าฮ่าดังสนั่น เสียงของเขาเหมือนกับท่อไอรถที่ดังจนแสบแก้วหู หลังจากรอเขาหัวเราะดังสนั่นเสร็จ เขาก็กัดนิ้วมือขาด บาดแผลปรากฏเลือดสีดำทันที หลังจากนั้นเขาก็ทำท่าทางมือแปลกประหลาดไม่กี่ท่า และเอาเลือดสีดำบนบาดแผลขว้างใส่ฉัน เลือดนั้นร่วงตกลงบนแขนเรียวเล็กของฉัน มันซึมหายในผิวของฉัน! สีแดงประกายม่วง คิดไม่ถึงว่าจุดตรงแขมฉันจะมีลักษณะเหมือนการตรวจสอบพรมจารีของสมัยโบราณกาล หลังจากจุดตราประทับสำเร็จ ดูเหมือนนี่จะเป็นแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ของตาเฒ่ากู๋ซื่อ จากนั้นเขาก็ทิ้งตัวลงนอนบนพื้นดินพร้อมหายใจดังและเร็วถี่ ฉันตกตะลึง ภายในใจรู้สึกไม่ปลอดภัย เขาบอกว่าสำนักกู๋มีการสืบทอดด้วยเลือด สิ่งที่เขาทำบนแขนของฉันเมื่อกี้น่าจะเป็นเบาะแสที่ทิ้งไว้ให้กู๋ซื่อคนอื่นๆ ฉันเช็ดจุดตราประทับบนแขนอย่างสุดชีวิต แต่จุดแดงได้ซึมเข้าไปในผิวหนังฉันแล้ว และได้หลวมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฉันด้วยจนแทบจะเช็ดไม่ออกเลย! ชั่วพริบตา ฉันแทบจะไม่สนใจตะขาบที่เขาควบคุมเมื่อสักครู่แล้ว และพูดเสียงแผ่วเบาว่า : "ท่านอาจารย์ คุณน่าจะเข้าใจฉันผิดแล้ว ฉันแทบจะไม่รู้จักคุณ แล้วจะไปขัดขว้างอะไรคุณได้ล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นฉันไร้ความสามารถ ไม่แม้แต่ควบคุมแมลงกู๋ได้ แล้วจะฆ่าคุณได้ยังไงกัน? หรือว่าตะขาบของคุณเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า มันเลยโจมตีคุณ ซึ่งมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลย คุณเอาจุดตราประทับออกไปเถอะ" ขณะพูดฉันก็ร้องไห้อย่างเร็ว ความรู้สึกเหมือนถูกใส่ร้ายป้ายสี ฉันแทบจะไม่รู้จักตาเฒ่าคนนี้เลย เขาถูกตะขาบของตัวเองกัด ตอนนี้ใกล้จะตายแล้วก็ยังโทษฉันอีก ไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ? เมื่อกู๋ซื่อคนนั้นได้ยินคำขอร้องของฉัน แทบจะไม่สนใจฉันเลย เขาเอาแต่ฉีกยิ้มมุมปากเผยความเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาก็ยังแขวนอยู่บนหน้าเขา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และดวงตาของเขาก็ค่อยๆเริ่มมองเห็นจางลงเรื่อยๆ คิดไม่ถึงว่าจะตายแล้ว! ชั่วพริบตาน้ำตาของฉันก็ระเบิด ไม่ใช่เพราะตาเฒ่ากู๋ซื่อตายแล้ว แต่ฉันกำลังร้องไห้ให้กับตัวเอง ฉันไม่เคยเป็นศัตรูกับเขา แต่เขากลับมาทำร้ายฉันถึงที่และยังจับลิ่วเออร์กับถางเหย่ว แล้วยังควบคุมตะขาบมากัดฉันด้วย ตอนนี้เขาตายแล้ว ความผิดที่ฉันไม่ได้กระทำก็เกิดขึ้น จากนี้คงรอแค่ให้กู๋ซื่อคนอื่นๆจากสำนักกู๋ของพวกเขาได้รับข่าวสาร และคงตามเบาะแสจากจุดตราประทับมาล่าฆ่าฉันแน่ๆ! มีเหตุผลอะไรจะมาฆ่าฉัน! ตกลงฉันทำผิดอะไรตรงไหนกันแน่? ภายในใจของฉันเกิดความรู้สึกมืดครึ้ม เมื่อน้ำตาไหลออกมาสักพัก ดูเหมือนว่าพิษร้ายที่อยู่บนตัวฉันจะลดลงไปมาก ตอนแรกรู้สึกชาทั่วทั้งเท้าเล็กๆจนไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้ค่อยๆรู้สึกแสบ และฟื้นฟูกลับมามีเรี่ยวแรงเหมือนเดิมแล้ว! เจิ้งเล่ออยู่ข้างกายฉันอย่างนิ่งเงียบ พอฉันร้องไห้สักพักก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า เลยให้เจิ้งเล่อช่วยหาไม้ตะบองให้ฉัน จากนั้นฉันก็ฝืนยืนขึ้นมา ขณะที่ฉันยืนขึ้นจะจากไป เพราะอยากอยู่ให้ห่างไกลจากตะขาบไม่กี่ตัวนี้ บนร่างศพตาเฒ่ากู๋ซื่อก็ส่งเสียงร้องออกมา! "รอก่อน เทพเจียวของเจ้ายังกินไม่อิ่มเลย จะรีบร้อนไปทำไหม" เป็นเสียงของงูดำ! ฉันสะดุ้งตกใจ แล้วก้มหน้าลงมองข้อมือ และพบว่าลายงูดำบนข้อมือฉันหายไปแล้ว ในเวลานี้งูดำกำลังกินร่างศพของตาเฒ่ากู๋ซื่ออยู่ "เป็นท่าน? คนที่ช่วยฉันเมื่อกี้เป็นท่านหรอ?" ชั่วพริบตาฉันก็เบิกตากว้าง ช่วงวิกฤตคับขันเมื่อกี้ การขอความช่วยเหลือของฉันคิดว่าเซียวเหย่จะรับรู้ แต่ลืมไปเลยว่าบนตัวของฉันมีงูดำตัวหนึ่งอาศัยอยู่ด้วย! ไม่ใช่สิ เป็นเทพเจียว เทพเจียวที่มีพลังอนุภาพเหนือล้ำ! "พูดจาไร้สาระ แล้วเจ้าคิดว่าตะขาบเหล่านี้จะสติฟั่นเฟื่องโจมตีเจ้านายของตัวเองหรอ? พวกมันถูกเลี้ยงดูด้วยเลือดจากก้นบึ้งหัวใจของเจ้านาย แต่ถ้าหากสติฟั่นเฟื่องจริงๆ พวกมันคงไม่ลงมือกับเจ้านายมันแน่ๆ" ขณะพูดงูดำก็กลืนของที่เคี้ยวเสร็จลงไป และอ้าปากกว้างงับอีกคำ งับกินตะขาบตัวสุดท้ายที่อยู่บนตัวตาเฒ่าเข้าปาก และขบเคี้ยวอย่างสบายใจ "เอร่อ..." ฉันอดไม่ได้ที่จะอยากอาเจียนออกมา หลังจากงูดำกัดกินไม่กี่คำ มันก็ไม่มีอารมณ์อยากจะลิมลองแล้ว เลยหยุดเคี้ยวและกลืนกินตะขาบลงไปทันที หลังจากสะบัดหางก็กระโดดบนข้อมือฉัน และพูดว่า : "ไปกันเถอะ" ""ไปไหน?" ฉันถามขึ้น ตอนแรกที่อยากจะจากไปเมื่อสักครู่คือหวาดกลัวตะขาบ แต่ตอนนี้งูดำกินตะขาบไปแล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวแล้ว ฉันเลยหาที่ไกลๆจากตาเฒ่ากู๋ซื่อนั่งลง และถามงูดำว่า : "ในเมื่อท่านกินตะขาบดำหมดเกลี้ยงแล้ว ท่านมีวิธีแก้พิษร้ายของมันไหม? เพราะหลังจากฉันถูกตะขาบกัดก็ทำให้ฉันไร้เรี่ยวแรงเลย” "แน่นอน เทพเจียวของเจ้าคือใคร?" งูดำเผยท่าทางโอ้อวดแล้วมองฉันแวบหนึ่ง เหมือนรอคำตอบของฉัน "อ้า...เป็นใครหรอ?" ฉันถูกงูดำถามคำถามนี้เป็นประจำ นอกจากนามว่าเทพเจียว แล้วจะมีนามอื่นอีกหรอ? "ข้าเป็นถึงเทพเจียวที่มีอนุภาพพลังสูงส่ง ในอนาคตข้าจะกลายเป็นมังกรชาย แก้พิษตะขาบเล็กๆแน่นอนไม่ใช่ปัญหา!" เมื่องูดำได้ยินฉันตอบไม่ได้ก็จ้องมองฉัน จากนั้นมันก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วบนตัวฉัน เคลื่อนตัวจนฉันขนลุกขนพองไปทั้งตัว สุดท้ายมันก็หยุดตรงบาดแผลที่ขาเล็กๆของฉัน และคายลิ้นออกมาใส่บนบาดแผลฉัน! "ท่าน ท่านทำอะไร?" ฉันตกใจจนหน้าเสีย ตอนนี้ไม่ได้คำนึงว่าบนตัวมันสกปรก แต่คำนึงว่ามันมีพิษหรือเปล่า เมื่อเห็นมันแลบลิ้นใส่บนบาดแผล ฉันก็คิดว่าต้องรู้สึกเจ็บปวดเกือบตายแน่! แต่ความเจ็บปวดไม่ได้เหมือนกับสิ่งที่คาดคิดไว้เลย ขาของฉันยังรู้สึกชาอยู่นิดหน่อย แต่ฉันสามารถสัมผัสได้ว่าลิ้นของมันทะลวงเข้าไปในบาดแผลฉันและลงที่กระดูก แล้วเลียกระดูกของฉันเบาๆ! ความรู้สึกนี้แปลกจนพูดไม่ออก แต่ระหว่างที่มันเลีย ขาที่บวมเขี้ยวช้ำที่มีความรู้สึกชาก็หายไปไม่น้อย ส่วนกระดูกมีความรู้สึกคันๆ เหมือนกับบาดแผลกำลังผสานแผลอยู่ ไม่นานบาดแผลตรงที่ขาเล็กๆก็เลียเสร็จ และมันก็มาจัดการตรงข้อมือฉันต่อ และยังแลบลิ้นเข้าไปในบาดแผลฉันอยู่ เหมือนเลียกระดูกรักษาบาดแผล เมื่อรอมันจัดการบาดแผลตรงที่แขนเสร็จ มันกลับนิ่งอึ้งไป "เทพเจียว?" ภายในใจของฉันตื่นตระหนก หรือว่าบาดแผลร้ายแรงกว่าที่ท่านคิดไว้ แม้แต่ท่านก็รักษาไม่ได้หรอ? เทพเจียวกลับไม่สนใจฉัน แต่หัวงูเล็กๆกลับมาดูจุดตราประทับตราสีแดงเหมือนจุดตรวจสอบพรมจารีบนข้อมือฉัน ไม่นาน งูดำก็จะเกิดอาการชัก และส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน ฉันสะดุ้งตกใจ และร้องเรียกเทพเจียวอย่างร้อนใจ เพราะกลัวว่ามันจะเกิดเหตุร้าย "ฮ่าฮ่า ตราประทับสายเลือด! ข้าคิดว่าเขากำลังล้อเล่นซะอีก คาดไม่ถึงว่าเขายังจะกล้าประทับตราสายเลือดไว้บนตัวเจ้า ฮ่าฮ่า!" งูดำบ่นพึมพำอยู่สักพักใหญ่ จู่ๆก็ส่งเสียงร้องหัวเราะด้วยเสียงร้องเจ็บปวดจนทำให้ฉันดูโง่ทึมไปแล้ว "มันบ่นพึมพำตั้งนาน ที่แท้เพราะดีใจมาก? ทำเอาฉันเป็นกังวลคิดว่าเกิดเรื่องแล้ว งูดำสัมผัสถึงความคิดฉันได้ มันสะบัดหางบนข้อมือฉันสองที ดูเหมือนจะลูบปลอบใจฉันอยู่ และพูดว่า : "คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นห่วงข้า แล้วข้าเป็นใคร..." ครั้งนี้ฉันเรียนรู้แล้ว ไม่รอให้เขาพูดจบ ฉันก็พูดขัดขึ้นว่า : "เทพเจียวผู้ทรงยิ่งใหญ่ ในอนาคตจะกลายเป็นมังกรชาย!" งูดำคิดไม่ถึงว่าฉันจะพูดขัดจังหวะ มันจ้องมองฉัน แต่คำประจบสอพลอของฉันถือว่าได้ผลกับมัน และพูดว่า : "ถูกต้อง ในอนาคตข้าจะกลายเป็นมังกรชาย เป็นกู๋มังกรจริงๆ เจ้ารู้จักราชากู๋ในดินแดนกู๋ว่าเป็นอะไรไหม?" เมื่อเห็นมันพูดเบิกบานใจขนาดนี้ ความกังวลไจที่เกี่ยวกับเรื่องจุดตราประทัสายเลือดในใจของฉันก็ลืมไปสักพัก และพูดขึ้นว่า : “เป็นตัวไหมทอง?” เมื่อก่อนฉันเคยดูหนังนิยายที่เกี่ยวกับแมลงกู๋เลยเคยได้ยินแต่ตัวไหมทอง ดังนั้นสิ่งที่ฉันรู้จักเกี่ยวกับแมลงกู๋นั่นคือตัวไหมทองประเภทหนึ่งเท่านั้น เมื่องูดำได้ยินแบบนี้ มันก็จ้องมองฉันด้วยสายตาแหลมคม ดูเหมือนมันจะโกรธเคือง และพูดด้วยความโมโหว่า : "เจรจาเป็นไหม? ข้าพูดแล้ว ต่อไปข้าจะเป็นกู๋มังกร แล้วเจ้าว่าราชากู๋คือใคร!" ฉันคิดไม่ถึงว่าจู่ๆมันจะโมโหขึ้นมา ฉันสะดุ้งตกใจ และพูดอย่างเร่งรีบว่า : "เป็นกู๋มังกร ต้องเป็นกู๋มังกร!" งูดำเคลือบตาขาวมองฉัน แล้วมันก็ผงกหัวเล็กน้อยด้วยความพอใจ และบ่นพึมพำว่า : "ทำไหมข้าถึงเอาเจ้าเด็กโง่ทึมมาเป็นข้าบริวารด้วย ตัวไหมทองนั้นมีชื่อเรียกเรียกอีกอย่างว่าราชากู๋นั่นแหละ แต่มันเป็นเพียงราชากู๋เล็กๆเท่านั้น เวลามันอยู่ในโลกมนุษย์ มันจะแอบอ้างว่าเป็นราชากู๋ แต่หกมันเจอกับราชากู๋จริงๆ มันจะหวาดกลัวอย่างมาก!” 
已经是最新一章了
加载中