ตอนที่ 64 รถต้องสงสัยสีดำ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 64 รถต้องสงสัยสีดำ
ต๭นที่ 64 รถต้องสงสัยสีดำ อุ้มฉันบินกลับไป? ฉันขมวดคิ้ว เซียวเหย่เป็นผี แถมยังเป็นผีร้าย ต่อให้ในรถคันนี้มีผีตัวอื่นโผล่ออกมาก็ตามเถอะ แล้วจะทิ้งรถวิ่งหนีไปทำไม? นี่ไม่ใช่นิสัยของเซียวเหย่เลย อีกอย่างก่อนที่เซียวเหย่จะไปได้บอกเอาไว้ว่าห้ามฉันลงจากรถตามอำเภอใจ "ที่รักคะ เรายังไม่กลับกันได้มั้ย เมื่อครู่ที่คุณกินข้าวกับเหวินเหวินฉันยังไม่ค่อยได้กินอะไรเข้าไปเท่าไรเลย ตอนนี้หิวจะแย่อยู่แล้ว เราไปหาที่กินข้าวกันดีไหมคะ?" ฉันเปลี่ยนใจถามเซียวเหย่ แน่นอน เซียวเหย่พยักหน้าอย่างหงุดหงิด บอกฉันว่าจะกินอะไรก็ได้ ตอนนี้ลงจากรถก่อนแล้วเขาจะพาฉันไปหาอะไรกิน! เซียวเหย่เพิ่งพาฉันไปกินข้าว ตอนนี้เขายังบอกว่าจะพาฉันไปหาอะไรกินอีก เขาไม่ใช่เซียวเหย่แน่นอน! เมื่อแน่ใจในเรื่องนี้แล้ว ฉันก็ตื่นเต้นแทบตาย แต่ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเปิดประตูรถออกมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เข้ามา ยังยืนอยู่ที่ประตูเร่งรัดให้ฉันลงจากรถ นั่นก็แสดงว่าบนรถได้ถูกเซียวเหย่ป้องกันด้วยวิธีการบางอย่างเอาไว้แล้ว เขาจึงเข้ามาไม่ได้เลย! เมื่อคิดได้ถึงข้อนี้ ฉันก็รู้สึกชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงแกล้งทำเป็นข้อเท้าเคล็ด บอกเซียวเหย่ตัวปลอมว่าฉันได้รับบาดเจ็บที่เท้าจึงลงไปไม่ได้ ให้เซียวเหย่เข้ามาอุ้มฉันแทน สีหน้าเซียวเหย่ตัวปลอมเกิดความไม่พอใจขึ้นและไม่ได้เข้ามาอุ้มฉัน แต่ตบหลังคารถด้วยความหงุดหงิด ต้องการให้ฉันลงจากรถก่อน แถมยังบอกว่าในรถมีพื้นที่น้อย เขาไม่สะดวกที่จะอุ้มฉัน ให้ฉันออกไปก่อนแล้วเขาจะอุ้มฉันแน่นอน! ฉันยิ้มเยาะอยู่ในใจ ดูท่าการคาดเดาของฉันถูกต้องแล้ว! เมื่อรู้ว่าเขาเข้ามาไม่ได้ ในใจของฉันก็ไม่ตื่นเต้นอีกแล้ว หลับตาลง ค่อยๆ นึกถึงคาถาปลุกป้ายหยกนั้น "สื่อชินฝูมิ่ง ด้องยิวเจิ้นสิง จินยิวเชี้ยนด่าว เล้ยกู่ห้งฮอง..." เมื่อสวดคาถาต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุดป้ายหยกก็เริ่มเคลื่อนไหว ปลดปล่อยแสงทองอร่ามออกมา เซียวเหย่ตัวปลอมเห็นดังนั้นก็ตกใจจะวิ่งหนีทันที แต่เขาเร็วสู้ประกายแสงสีทองไม่ได้ ยังไม่ทันจะหนีพ้น แสงทองนั้นก็ล้อมรอบร่างกายของเขาไว้ทั้งหมด "โอ๊ย..." เซียวเหย่ตัวปลอมส่งเสียงหวีดร้องโหยหวนทันที ทั้งร่างบิดเบี้ยวราวกับกระดูกกำลังถูกบดขยี้แล้วล้มลงกับพื้น ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ใบหน้าที่หล่อเหล่าได้กลายเป็นของเหลวหยดลงสู่ด้านล่าง เผยให้เห็นใบหน้าแท้จริงที่มีสีเขียวคล้ำ ฉันเห็นมันได้ผลจึงท่องคาถาให้เร็วขึ้นอีก ขณะที่ฉันกำลังท่องคาถาอยู่นั้น มือข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาโอบเอวของฉันเอาไว้ ดึงฉันออกมาจากในรถแล้วถามว่า "เซวียนเซวียน คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?" น้ำเสียงทะลึ่ง ข้างๆ ยังปรากฏร่างของถงถง ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าใคร ฉันรู้สึกโล่งอก ถอยออกมาจากอ้อมแขนด้านหลัง ถามถังเยว่ว่า "พวกคุณมาได้ยังไง?" "ถ้าผมยังไม่มา คุณถูกผีกินเข้าไปก็ไม่มีใครรู้หรอก!" ถังเยว่จ้องฉันด้วยความหงุดหงิด จากนั้นเขาก็เหมือนจะโกรธ เขามองไปรอบๆ ด้วยความเศร้าหมองแล้วถามฉันว่า "แล้วผีตัวนั้นล่ะ?" ที่เขาถามถึงคือเซียวเหย่ ฉันส่ายหน้าแล้วตอบว่า "ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อครู่เขาออกไปข้างนอก ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรที่ไหน" พูดจบฉันก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา ปกติแล้วหากสถานการณ์อันตรายแบบเมื่อครู่ ถ้าเซียวเหย่อยู่ข้างกายฉันเขาจะต้องรีบเข้ามาช่วยฉันทันที แต่เขาไม่ได้มา จนกระทั่งในตอนนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัว อีกอย่างเจิ้งเล่อก็ไม่รู้ว่าวิ่งไปไหน เขาคงไม่ได้เกิดเรื่องหรอกนะ? มีถังเยว่อยู่ข้างๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องสวดคาถาใส่ผีเส้นผมนั้นอีก เขาให้ถงถงพาฉันเดินไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นก็หยิบผงสีเทาออกมาจากกระปุกเล็กสีแดง สาดใส่ร่างของผีเส้นผม ผีเส้นผมนั้นกรีดร้องคร่ำครวญทันที ขนาดหดตัวยังทำไม่ได้ ทรุดลงกับพื้น สั่นไปทั้งร่าง หลังจากเอาชนะผีเส้นผมได้แล้ว ถังเยว่ก็หยิบขวดเล็กสีทองออกมาอีกขวดหนึ่ง ชี้ปากขวดไปที่ผีเส้นผม สวดคาถาเป็นภาษาไทย ผีเส้นผมก็กลายร่างเป็นควันสีดำและถูกดูดเข้าไปในขวดทันที ถังเยว่ปิดปากขวด โยนเข้าไปในเป้สะพายหลังของเขาเหมือนขยะ จากนั้นก็เดินมาพูดกับฉันว่า "ไปกันเถอะ" "แต่เซียวเหย่ยังไม่กลับมาเลย" ฉันพูดด้วยความเป็นกังวล “เขาก็ทิ้งคุณไว้ตรงนี้แล้ว คุณจะยังไปสนใจเขาทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะผมมาทันเวลาน่ะเหรอ มีแต่คุณคนเดียวที่ยังปลุกป้ายหยกไม่ได้เลย คุณคิดว่าคุณจะควบคุมมันไว้ได้นานเท่าไรกัน?” ถังเยว่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ พูดจบเขายังจับมือฉันแล้วดึงขึ้นรถจะพาฉันออกไป ฉันร้อนใจขึ้นมาทันที เปิดประตูรถกระโดดลงมาแล้วบอกว่า “ฉันต้องรอเซียวเหย่ อีกอย่างถึงคุณจะไม่เข้ามาช่วย เมื่อครู่ฉันก็ควบคุมผีตัวนั้นเอาไว้ได้แล้ว” พูดจบในใจฉันก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้นไปอีก เดินไปทางรถของผู้จัดการทั่วไปที่เกิดอุบัติเหตุ เมื่อครู่เซียวเหย่ได้ไปดูสถานการณ์ตรงนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะหายตัวไปอย่างกระทันหัน! แต่ฉันเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ถังเยว่ก็วิ่งไล่ตามมาทางด้านหลัง แล้วเขาก็แบกฉันขึ้นไหล่ราวกับแบกกระสอบ ไม่นั่งรถแล้ว แต่แบกฉันเดินกลับไปเลย ฉันดิ้นรนขัดขืน ทั้งทุบตีเตะต่อยถังเยว่ให้เขาปล่อยฉันลง! “ใจเย็นก่อน ที่นี่ยังไม่ปลอดภัย” น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากนั้นเมื่อเห็นฉันไม่พูดจา เขาจึงเอามือตบเข้าที่ก้นของฉัน! ฉันถูกถังเยว่ตบจนรู้สึกมึนงง สงบลงในทันที ถังเยว่คิดไม่ถึงว่าฉันจะสงบลงถึงเพียงนี้ เงยหน้าขึ้นมองฉันแล้วพูดว่า “เซวียนเซวียน?” ฉันอดกลั้นไว้เงียบๆ รู้สึกไม่พอใจมาก นี่เขาตีก้นของฉัน! ขนาดเซียวเหย่ยังไม่เคยตีก้นฉันเลย แต่เขากล้ามาตีฉัน! อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะโวยวายไร้เหตุผล ฉันเป็นห่วงเซียวเหย่จริงๆ! เมื่อเห็นฉันไม่ขัดขืน ถังเยว่ก็เริ่มร้อนใจ “เอ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจจะตีก้นคุณนะ ผมตีคุณเจ็บหรือเปล่า?” พูดไปเขายังเงยหน้าขึ้นมามองฉัน แล้วเขาก็ยกมือขึ้นมาวางลงบนก้นของฉันแล้วนวด ฉันกรีดร้องขึ้นมาทันที ถีบถังเยว่ออกไป พยายามดิ้นลงมาจากตัวเขาจนตกลงกับพื้นอย่างแรง ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่ฉันก็มองถังเยว่ด้วยความหวาดกลัวแล้วด่าว่า “ลามก เจ้าเล่ห์!” “ผมไม่ได้ตั้งใจจะรังแกคุณนะ ตีคุณเจ็บแล้วก็เลยอยากจะนวดให้” ถังเยว่มองฉันด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับเขาเป็นสุภาพบุรุษเลย ขนาดถงถงก็ยังวิ่งเข้ามาประคองฉัน ช่วยพูดแทนถังเยว่ “พี่สาวเ เจ้านายของผมไม่ได้ตั้งใจ พี่ไม่รู้หรอกพอเขาได้รับข่าวว่าพี่มีอันตรายเท่านั้น เขาก็เป็นกังวลอย่างมากเลย” เมื่อมีถงถงอยู่ ความขุ่นเคืองภายในใจของฉันก็เบาบางลงบ้าง เหลือบมองสีหน้าใสซื่อของถังเยว่แล้วจึงถามถงถงว่า “เจ้านายของเธอได้รับข่าวว่าฉันมีอันตรายเหรอ? ใครเป็นคนส่งข่าวให้เขา?” “ก็กุมารน้อยเจิ้งเล่อของคุณน่ะสิ กุมารน้อยเกิดมาเพื่อเป็นผู้พิทักษ์ ขนาดเขายังมาช่วยปกป้องคุณไม่ทัน ทำได้แค่ส่งข่าวบอกให้ผมมาหาคุณ ก็น่าจะบอกได้ว่าสถานการณ์เมื่อครู่มันอันตรายแค่ไหน” ถังเยว่กล่าว พูดจบความเคร่งขรึมบนใบหน้าของเขาก็จางหายไป โน้มตัวเข้ามาหาตามใจชอบอีกแล้ว จับมือของฉันไว้แล้วบอกว่า “ดูสิ สุดท้ายแล้วผมก็เป็นห่วงคุณที่สุด ในช่วงเวลาที่อันตราย คุณน่าจะรู้ว่าใครกันที่ดีกับคุณที่สุด” “แล้วเจิ้งเล่อล่ะ ตอนนี้เจิ้งเล่อก็หายไปด้วย เขาไปไหนเสียแล้ว คุณเชี่ยวชาญเรื่องเลี้ยงกุมารทองไม่ใช่เหรอ สามารถระบุพิกัดของเจิ้งเล่อหรือเปล่า?” ฉันถามอย่างเป็นกังวล ตอนนี้เจิ้งเล่อกับเซียวเหย่หายตัวไปพร้อมๆ กัน ถังเยว่ยังยืนยันว่ารถที่เกิดอุบัติเหตุนั้นไม่ปลอดภัย ยังไงก็ไม่ยอมให้ฉันได้เข้าใกล้เป็นอันขาด เมื่อครู่ตอนกินข้าวยังดีๆ อยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ไปได้? “การหาพิกัดของกุมารทองน่ะมันไม่ยากหรอก แต่เจิ้งเล่อเป็นกุมารทองของคุณ ยังต้องพึ่งพาคุณอยู่” ถังเยว่พูด แล้วเขาก็ยกมือขึ้นชี้ไปที่ริมฝีปากของเขาแล้วบอกว่า “เซวียนเซวียน พวกเราหลงโผของเมืองไทยยึดถือกฎเกณฑ์เป็นหลัก วิชาหลงโผเป็นความลับไม่อาจเปิดเผยได้ หากคุณต้องการเรียนรู้วิชาหลงโผ ก็ต้องจูบผม เป็นภรรยาของผมก่อน” ฉันชะงักไปอีกครั้งหนึ่ง มองถังเยว่เงียบๆ นิ้วมือของถังเยว่ยังคงชี้ที่มุมปากของตัวเอง เมื่อเห็นฉันไม่โต้ตอบอะไร สีหน้าก็เกิดความเก้อเขิน “เอ่อ คุณให้เกียรติผมหน่อยได้ไหม ตอบผมสักหน่อยสิ เป็นแบบนี้เสมอเลย คุณจะเสียผมไปนะ” “แต่ฉันก็ไม่ได้อยากเรียนวิชาหลงโผนะ แค่อยากรู้ว่าเจิ้งเล่อกับเซียวเหย่อยู่ตรงไหนเท่านั้น อีกอย่างฉันก็เป็นคนที่มีสามีแล้ว” ฉันพูดเสียงแผ่ว จริงๆ ก็ไม่อยากจะพูดขวานผ่าซากไปอย่างนี้เท่าไรนัก แต่ในตอนนี้ฉันชอบเซียวเหย่เข้าแล้ว จึงต้องรักษาระยะห่างกับผู้ชายคนอื่น แม้จะทำให้ถังเยว่เสียใจก็ตามที อีกอย่างการที่ยังดึงดันแบบนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ มันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี ยังไงก็ต้องคุยกับถังเยว่ให้รู้เรื่องอยู่ดี "สามี? คุณหมายถึงผีนั่นน่ะเหรอ? เขาก็แค่หลอกใช้คุณเท่านั้นเอง อีกอย่างเขาเป็นผีคุณเป็นคน พวกคุณสองคนจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง? ในอนาคตถึงเวลาที่เขาต้องกลับไป แล้วคุณจะทำยังไง? เป็นแม่หม้ายงั้นเหรอ? หรือว่าจะไปกับเขาด้วย? ถังเยว่แสดงออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ยังปล่อยมือฉัน ถอนหายใจแล้วพูดว่า "ไม่จูบก็ไม่จูบ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป อันที่จริงไม่ช้าก็เร็วคุณก็ต้องรักผมอยู่ดี ไม่เชื่อคุณก็คอยดูแล้วกัน" พูดจบเขาก็ยังยิ้มอีกครั้ง เหมือนกำลังแก้เก้อให้กับตัวเอง หยิบธูปที่เหมือนกับธูปไล่ยุงออกมาจากกระเป๋ากางเกง วางลงบนพื้นแล้วจุดไฟ จากนั้นก็บอกว่าถ้าเขาพูดอะไรก็ให้ฉันพูดตามอย่างนั้น ครั้งนี้ไม่ถือว่าเป็นการสอนวิชาหลงโผแก่ฉัน เพียงแค่ฝึกฝนเอาไว้ก่อนเพื่อเตรียมตัวแต่งงานกับเขาในอนาคต ชัดเจนว่าเขากำลังกู้หน้าให้ตัวเองอยู่ ฉันพยักหน้า ไม่ทำให้เขาเสียความมั่นใจ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมา นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าวงธูป ในมือถือกุญแจมือเอาไว้ แล้วพูดภาษาไทยออกมาประโยคหนึ่ง ฉันนั่งลงหน้าวงธูปตามเขา แล้วเขาก็พูดภาษาไทยที่มีการออกเสียงแปลกๆ ออกมา ทุกประโยคที่เขาสอนล้วนจริงจัง การออกเสียงภาษาไทยก็ชัดเจนมาก แต่ฉันไม่ถนัดเรื่องภาษามาตั้งแต่เด็ก ภาษาไทยในมุมมองของฉันก็เหมือนกับคัมภีร์ไบเบิ้ล ต่อให้ฉันพยายามเลียนแบบการออกเสียงของเขาอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังพูดไม่ชัดอยู่ดี ฉันอดที่จะใจร้อนไม่ได้ แต่การเรียนรู้เรื่องคำสาปนี้ฉันรู้อยู่แล้ว ยิ่งใจร้อนยิ่งไม่ได้ผล ต้องพยายามตั้งสติให้มั่น ตั้งใจพูดตามถังเยว่ให้ดี ประโยคภาษาไทยสั้นๆ ไม่กี่ประโยค ฉันท่องตามถังเยว่หลายต่อหลายรอบ เผลอแป๊บเดียวก็ผ่านไปหลายชั่วโมง ฟ้าก็กำลังจะเริ่มสว่างแล้ว แต่เมื่อได้ท่องมาหนึ่งคืนเต็มๆ ขณะที่ท้องฟ้ากำลังจะสว่างจ้านั้น ฉันก็รู้สึกใจสั่น ราวกับมีเชือกเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง ทิศทางนั้นก็คือตำแหน่งที่เกิดอุบัติเหตุรถชน จากนั้นวงธูปตรงหน้าฉันก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา ควันธูปที่เคยลอยขึ้นสู่ด้านบนได้มุ่งตรงไปยังรถของผู้จัดการทั่วไป "ก็ใช่น่ะสิ! พวกเซียวเหย่ยังอยู่ในรถอยู่เลย" ฉันอดใจสั่นไม่ได้ แต่ต่อมาฉันก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด ระยะห่างระหว่างรถของผู้จัดการทั่วไปกับเรามันไม่ไกลมาก ถ้าหากเซียวเหย่กับเจิ้งเล่อยังอยู่ในรถจริง ทำไมตั้งนานแล้วยังไม่ออกมาอีก? ถงถงยังไม่พบเขาอีกเหรอ? ไม่ใช่แค่ฉันที่รู้สึกแปลกๆ ขนาดสีหน้าของถังเยว่ก็ยังจริงจังขึ้นมาแล้วบอกว่า "รถคันนั้นแปลกๆ คุณอย่าเพิ่งตามเข้าไป ผมจะไปดูก่อน" "ฉัน..." ฉันลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วจึงตามเข้าไปดู แต่ฉันรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถอะไร หากตามเข้าไปอาจจะเป็นภาระให้ถังเยว่ได้ จึงพยายามข่มความคิดภายในใจ ถังเยว่มอบหมายให้ถงถงดูแลฉันแทนเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินไปทางรถยนต์สีดำ ฉันมองดูเขาเดินเข้าไปใกล้รถสีดำทีละน้อย หลังจากที่เขากำลังเดินไปถึงยังข้างๆ ตัวรถแล้วเปิดประตู รถสีดำคันนั้นก็ขยับเขยื้อนเล็กน้อย พอรีบตามเข้าไปก็ไม่เห็นถังเยว่แล้ว! 
已经是最新一章了
加载中